คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานแผนยุทธศาสตร์กระทรวงศึกษาธิการในช่วงรัฐบาลรักษาการ (กรกฎาคม — ธันวาคม 2549) โดยมีสาระสำคัญดังนี้
กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการเสนอแผนยุทธศาสตร์กระทรวงศึกษาธิการ ในช่วงรัฐบาลรักษาการ (กรกฎาคม — ธันวาคม 2549) โดยได้หารือร่วมระหว่างผู้บริหารระดับสูงองค์กรหลักและองค์กรในกำกับเป็นวาระเฉพาะ เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ในเดือนกรกฎาคมถึงธันวาคม 2549 และให้หน่วยงานต่าง ๆ นำไปจัดทำเป็นแผนดำเนินงานตามประเด็นปฏิรูปการศึกษาที่เป็นนโยบายสำคัญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ยุทธศาสตร์ดังกล่าวแบ่งเป็นสองส่วน ดังนี้
1. ส่วนที่ 1 ผลที่เกิดกับผู้เรียน ครู อาจารย์ และสถานศึกษาโดยตรง
1.1 การปฏิรูปการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปรับปรุงมาตรฐานการเรียนรู้กลุ่มสาระให้เหมาะสมสำหรับช่วงชั้น กำหนดแนวทางการทำสาระหลักสูตรท้องถิ่น การปฏิรูป การเรียนการสอน สร้างรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์สำหรับกลุ่มวิชาหลักปรับปรุงการเรียนการสอนภาษาอังกฤษแนวใหม่ และการสอนภาษาจีนให้เห็นผลการเปลี่ยนแปลงในโรงเรียน เร่งหาความรู้ในการปรับการเรียนการสอนภาษาไทย ขยายผลโรงเรียนในฝัน พัฒนาคุณภาพโรงเรียนขนาดเล็กอย่างน้อย 100 โรง จัดให้มีศูนย์ปฐมวัยต้นแบบ 943 แห่ง ที่จัดการเรียนการสอนตามระดับพัฒนาการของเด็ก (Brain-based learning) โดยมีการวิจัยเป็นฐาน
1.2 การปฏิรูปการอาชีวศึกษา ปรับบทบาทสถานศึกษาอาชีวศึกษานำร่องใน 2 จังหวัดและขยายไปยังสถานศึกษาทุกแห่ง พัฒนาระบบคุณวุฒิวิชาชีพอีก 5 กลุ่มอุตสาหกรรม หามาตรการจูงใจให้มีผู้เรียน
อาชีวศึกษาเพิ่มขึ้น
1.3 การปฏิรูปการอุดมศึกษา ปรับปรุงระบบการรับบุคคลเข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษา ปฏิรูประบบการเงินเพื่อการอุดมศึกษา (กองทุน กรอ.) และพัฒนาคุณภาพมหาวิทยาลัยโดยเร่งแก้ปัญหาผลิตบัณฑิตเฟ้อปรับบทบาทมหาวิทยาลัยให้ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาวิทยาลัยราชภัฏ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล
1.4 ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต สร้างเครือข่ายห้องสมุดมีชีวิตเต็มรูปแบบ พัฒนาการเรียนการสอนรูปแบบทวิภาษาในพื้นที่พิเศษเพิ่มขึ้น พัฒนารูปแบบการเรียนรู้ด้วยตนเองสำหรับผู้ใหญ่ จัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์สำหรับประชาชนนำร่องรูปแบบภาคีเครือข่ายร่วมจัดการศึกษาเต็มรูปแบบ รวมทั้งปรับปรุงรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษาและขยายสมาชิกผ่าน UBC และเคเบิ้ลท้องถิ่น
1.5 การพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม สุขภาพอนามัยและความปลอดภัยของเด็กและเยาวชน วิจัยและพัฒนารูปแบบการปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมส่งเสริมให้สถานศึกษามีระบบดูแล ระบบปลอดภัย มีหน่วยรับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ และระบบตรวจเยี่ยม
1.6 การพัฒนาการศึกษาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จัดให้มีโรงเรียนนำร่องการสอนสองภาษา มีการบริหารจัดการโรงเรียนคู่ขนานกับศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา) 70 คู่ เปิดสอนภาษามลายูกลางในสถานศึกษา พัฒนาระบบการเทียบโอนความรู้อิสลามศึกษา และฝึกทักษะอาชีพให้ผู้เรียนในโรงเรียนสอนศาสนาเอกชนและสถาบันศึกษาปอเนาะ
2. ส่วนที่ 2 การส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษา
2.1 การพัฒนาระบบข้อมูลและการจัดการความรู้ : บทบาทใหม่ของสำนักงานเลขาธิการ สภาการศึกษา เน้นการพัฒนาระบบข้อมูลและตัวชี้วัดที่แสดงถึงคุณภาพและประสิทธิภาพการจัดการศึกษาสะสมและสร้างองค์ความรู้ด้านการศึกษาเพื่อการประยุกต์ใช้ประโยชน์
2.2 การผลิตและพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาเร่งพัฒนาหลักสูตรการผลิตครู (4+1) พัฒนาผู้นำการเปลี่ยนแปลงในการศึกษาทุกระดับ นำร่องหลักสูตรพัฒนาครูประจำการที่เชื่อมโยงกับการประเมินวิทยฐานะ พัฒนาเครือข่ายการพัฒนาครูและเครือข่ายพัฒนาวิชาชีพ
2.3 การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา มีแผนแม่บทการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ส่งเสริมให้หน่วยงานและสถานศึกษา ร้อยละ 80 มีปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น จัดซื้อคอมพิวเตอร์ตามโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ (Mega project) ระยะแรกจำนวน 14,593 เครื่อง รวมทั้งพัฒนาสื่ออิเล็กทรอนิกส์
2.4 การใช้ทรัพยากรร่วมกัน ศึกษาวิจัยเพื่อสนับสนุนการใช้ทรัพยากรด้านต่าง ๆ ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการวิจัยด้านการค้าระหว่างประเทศ และพัฒนาบุคลากรภาครัฐ ภาคเอกชนและบุคลากรในมหาวิทยาลัยให้มีศักยภาพด้านการค้าระหว่างประเทศควบคู่ไปกับการสนับสนุนการใช้ทรัพยากรร่วมกันในการจัดการศึกษาของสถานศึกษา เช่น การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ กับนักเรียนในโรงเรียนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้และโรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัยและโรงเรียนอื่น ๆ เป็นต้น
2.5 การพัฒนาระบบการติดตาม ประเมินผลและรายงานมีระบบตรวจราชการที่มีประสิทธิภาพ และมีการรายงานผลการดำเนินงานและประชาสัมพันธ์สู่สาธารณชนอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนประมวลผลปัญหาอุปสรรคในการนำกฎหมายการศึกษาสู่การปฏิบัติและแนวทางการปรับปรุงแก้ไข
2.6 พัฒนาความเข้มแข็งของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและกลไกการประสานงานระดับจังหวัด โดยให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานำร่องที่มีการจัดการการให้บริการ และผลผลิตการดำเนินงานที่เข้มแข็งสู่ความเป็นเลิศ 16 แห่ง และมีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่พัฒนาคู่ขนาน 70 แห่ง ตลอดจนกำหนดแนวทางในการประสานงานระดับจังหวัด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 1 สิงหาคม 2549--จบ--
กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการเสนอแผนยุทธศาสตร์กระทรวงศึกษาธิการ ในช่วงรัฐบาลรักษาการ (กรกฎาคม — ธันวาคม 2549) โดยได้หารือร่วมระหว่างผู้บริหารระดับสูงองค์กรหลักและองค์กรในกำกับเป็นวาระเฉพาะ เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ในเดือนกรกฎาคมถึงธันวาคม 2549 และให้หน่วยงานต่าง ๆ นำไปจัดทำเป็นแผนดำเนินงานตามประเด็นปฏิรูปการศึกษาที่เป็นนโยบายสำคัญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ยุทธศาสตร์ดังกล่าวแบ่งเป็นสองส่วน ดังนี้
1. ส่วนที่ 1 ผลที่เกิดกับผู้เรียน ครู อาจารย์ และสถานศึกษาโดยตรง
1.1 การปฏิรูปการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปรับปรุงมาตรฐานการเรียนรู้กลุ่มสาระให้เหมาะสมสำหรับช่วงชั้น กำหนดแนวทางการทำสาระหลักสูตรท้องถิ่น การปฏิรูป การเรียนการสอน สร้างรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์สำหรับกลุ่มวิชาหลักปรับปรุงการเรียนการสอนภาษาอังกฤษแนวใหม่ และการสอนภาษาจีนให้เห็นผลการเปลี่ยนแปลงในโรงเรียน เร่งหาความรู้ในการปรับการเรียนการสอนภาษาไทย ขยายผลโรงเรียนในฝัน พัฒนาคุณภาพโรงเรียนขนาดเล็กอย่างน้อย 100 โรง จัดให้มีศูนย์ปฐมวัยต้นแบบ 943 แห่ง ที่จัดการเรียนการสอนตามระดับพัฒนาการของเด็ก (Brain-based learning) โดยมีการวิจัยเป็นฐาน
1.2 การปฏิรูปการอาชีวศึกษา ปรับบทบาทสถานศึกษาอาชีวศึกษานำร่องใน 2 จังหวัดและขยายไปยังสถานศึกษาทุกแห่ง พัฒนาระบบคุณวุฒิวิชาชีพอีก 5 กลุ่มอุตสาหกรรม หามาตรการจูงใจให้มีผู้เรียน
อาชีวศึกษาเพิ่มขึ้น
1.3 การปฏิรูปการอุดมศึกษา ปรับปรุงระบบการรับบุคคลเข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษา ปฏิรูประบบการเงินเพื่อการอุดมศึกษา (กองทุน กรอ.) และพัฒนาคุณภาพมหาวิทยาลัยโดยเร่งแก้ปัญหาผลิตบัณฑิตเฟ้อปรับบทบาทมหาวิทยาลัยให้ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาวิทยาลัยราชภัฏ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล
1.4 ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต สร้างเครือข่ายห้องสมุดมีชีวิตเต็มรูปแบบ พัฒนาการเรียนการสอนรูปแบบทวิภาษาในพื้นที่พิเศษเพิ่มขึ้น พัฒนารูปแบบการเรียนรู้ด้วยตนเองสำหรับผู้ใหญ่ จัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์สำหรับประชาชนนำร่องรูปแบบภาคีเครือข่ายร่วมจัดการศึกษาเต็มรูปแบบ รวมทั้งปรับปรุงรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษาและขยายสมาชิกผ่าน UBC และเคเบิ้ลท้องถิ่น
1.5 การพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม สุขภาพอนามัยและความปลอดภัยของเด็กและเยาวชน วิจัยและพัฒนารูปแบบการปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมส่งเสริมให้สถานศึกษามีระบบดูแล ระบบปลอดภัย มีหน่วยรับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ และระบบตรวจเยี่ยม
1.6 การพัฒนาการศึกษาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จัดให้มีโรงเรียนนำร่องการสอนสองภาษา มีการบริหารจัดการโรงเรียนคู่ขนานกับศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา) 70 คู่ เปิดสอนภาษามลายูกลางในสถานศึกษา พัฒนาระบบการเทียบโอนความรู้อิสลามศึกษา และฝึกทักษะอาชีพให้ผู้เรียนในโรงเรียนสอนศาสนาเอกชนและสถาบันศึกษาปอเนาะ
2. ส่วนที่ 2 การส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษา
2.1 การพัฒนาระบบข้อมูลและการจัดการความรู้ : บทบาทใหม่ของสำนักงานเลขาธิการ สภาการศึกษา เน้นการพัฒนาระบบข้อมูลและตัวชี้วัดที่แสดงถึงคุณภาพและประสิทธิภาพการจัดการศึกษาสะสมและสร้างองค์ความรู้ด้านการศึกษาเพื่อการประยุกต์ใช้ประโยชน์
2.2 การผลิตและพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาเร่งพัฒนาหลักสูตรการผลิตครู (4+1) พัฒนาผู้นำการเปลี่ยนแปลงในการศึกษาทุกระดับ นำร่องหลักสูตรพัฒนาครูประจำการที่เชื่อมโยงกับการประเมินวิทยฐานะ พัฒนาเครือข่ายการพัฒนาครูและเครือข่ายพัฒนาวิชาชีพ
2.3 การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา มีแผนแม่บทการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ส่งเสริมให้หน่วยงานและสถานศึกษา ร้อยละ 80 มีปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น จัดซื้อคอมพิวเตอร์ตามโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ (Mega project) ระยะแรกจำนวน 14,593 เครื่อง รวมทั้งพัฒนาสื่ออิเล็กทรอนิกส์
2.4 การใช้ทรัพยากรร่วมกัน ศึกษาวิจัยเพื่อสนับสนุนการใช้ทรัพยากรด้านต่าง ๆ ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการวิจัยด้านการค้าระหว่างประเทศ และพัฒนาบุคลากรภาครัฐ ภาคเอกชนและบุคลากรในมหาวิทยาลัยให้มีศักยภาพด้านการค้าระหว่างประเทศควบคู่ไปกับการสนับสนุนการใช้ทรัพยากรร่วมกันในการจัดการศึกษาของสถานศึกษา เช่น การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ กับนักเรียนในโรงเรียนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้และโรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัยและโรงเรียนอื่น ๆ เป็นต้น
2.5 การพัฒนาระบบการติดตาม ประเมินผลและรายงานมีระบบตรวจราชการที่มีประสิทธิภาพ และมีการรายงานผลการดำเนินงานและประชาสัมพันธ์สู่สาธารณชนอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนประมวลผลปัญหาอุปสรรคในการนำกฎหมายการศึกษาสู่การปฏิบัติและแนวทางการปรับปรุงแก้ไข
2.6 พัฒนาความเข้มแข็งของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและกลไกการประสานงานระดับจังหวัด โดยให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานำร่องที่มีการจัดการการให้บริการ และผลผลิตการดำเนินงานที่เข้มแข็งสู่ความเป็นเลิศ 16 แห่ง และมีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่พัฒนาคู่ขนาน 70 แห่ง ตลอดจนกำหนดแนวทางในการประสานงานระดับจังหวัด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 1 สิงหาคม 2549--จบ--