คณะรัฐมนตรีอนุมัติการต่ออายุสัญญาเงินกู้ระยะสั้นแบบ CREDITLINE ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย วงเงิน 9,000 ล้านบาท ภายใต้เงื่อนไขเดิม ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2549 ถึงวันที่ 30 พฤษภาคม 2550 โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังชี้แจงว่า โดยที่สัญญาเงินกู้ระยะสั้นดังกล่าวจะสิ้นสุดในวันที่ 30 พฤษภาคม 2549 แต่ กฟผ. ยังมีความจำเป็นจะต้องใช้วงเงินกู้จำนวนดังกล่าวต่อไป ซึ่งกระทรวงการคลังพิจารณาแล้วเห็นว่า จากลักษณะการดำเนินกิจการของ กฟผ. มีความจำเป็นต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนสูงมาก โดยในปี 2549 จะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานประมาณ 314,535.404 ล้านบาท โดยช่วงเวลาในการจ่ายเงินสำหรับค่าใช้จ่ายดำเนินงานในส่วนของต้นทุนการผลิตที่เกี่ยวเนื่องกันบางรายการที่มีจำนวนเงินสูง เช่น ค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส และค่าซื้อกระแสไฟฟ้าไม่สอดคล้องกับช่วงเวลารับเงินค่าขายกระแสไฟฟ้าจากการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ทำให้ กฟผ. มีปัญหาขาดแคลนเงินสดระยะสั้นประมาณ 1-2 วัน หรือ 1 สัปดาห์ ประกอบกับ กฟผ. ยังมียอด LETTER OF CREDIT อีกจำนวน 6,034.02 ล้านบาท (ภาระผูกพันรวมที่คาดว่าจะต้องชำระเงิน) ซึ่งบางขณะ กฟผ. อาจจะต้องทำ TRUST RECEIPT (T/R) กับธนาคารแทนการชำระเงินสดเมื่อมีความจำเป็น ดังนั้น เพื่อให้ กฟผ. สามารถบริหารสภาพคล่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องสำรองเงินสดไว้ในจำนวนที่สูง และการขอต่ออายุสัญญาเงินกู้ของ กฟผ. ในครั้งนี้ยังอยู่ภายในวงเงินกู้เดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้แล้ว และไม่เป็นภาระแก่กระทรวงการคลังในด้านการค้ำประกัน กระทรวงการคลังจึงเสนอคณะรัฐมนตรีตามที่เสนอ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 4 กรกฎาคม 2549--จบ--
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังชี้แจงว่า โดยที่สัญญาเงินกู้ระยะสั้นดังกล่าวจะสิ้นสุดในวันที่ 30 พฤษภาคม 2549 แต่ กฟผ. ยังมีความจำเป็นจะต้องใช้วงเงินกู้จำนวนดังกล่าวต่อไป ซึ่งกระทรวงการคลังพิจารณาแล้วเห็นว่า จากลักษณะการดำเนินกิจการของ กฟผ. มีความจำเป็นต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนสูงมาก โดยในปี 2549 จะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานประมาณ 314,535.404 ล้านบาท โดยช่วงเวลาในการจ่ายเงินสำหรับค่าใช้จ่ายดำเนินงานในส่วนของต้นทุนการผลิตที่เกี่ยวเนื่องกันบางรายการที่มีจำนวนเงินสูง เช่น ค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส และค่าซื้อกระแสไฟฟ้าไม่สอดคล้องกับช่วงเวลารับเงินค่าขายกระแสไฟฟ้าจากการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ทำให้ กฟผ. มีปัญหาขาดแคลนเงินสดระยะสั้นประมาณ 1-2 วัน หรือ 1 สัปดาห์ ประกอบกับ กฟผ. ยังมียอด LETTER OF CREDIT อีกจำนวน 6,034.02 ล้านบาท (ภาระผูกพันรวมที่คาดว่าจะต้องชำระเงิน) ซึ่งบางขณะ กฟผ. อาจจะต้องทำ TRUST RECEIPT (T/R) กับธนาคารแทนการชำระเงินสดเมื่อมีความจำเป็น ดังนั้น เพื่อให้ กฟผ. สามารถบริหารสภาพคล่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องสำรองเงินสดไว้ในจำนวนที่สูง และการขอต่ออายุสัญญาเงินกู้ของ กฟผ. ในครั้งนี้ยังอยู่ภายในวงเงินกู้เดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้แล้ว และไม่เป็นภาระแก่กระทรวงการคลังในด้านการค้ำประกัน กระทรวงการคลังจึงเสนอคณะรัฐมนตรีตามที่เสนอ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 4 กรกฎาคม 2549--จบ--