คณะรัฐมนตรีรับทราบสรุปผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร ไตรมาสที่ 2 พ.ศ. 2551 ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้จัดทำโครงการสำรวจภาวะการทำงานของประชากรเป็นประจำทุกเดือน โดยสอบถามประชากรที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป ทุกจังหวัดทั่วประเทศ มีครัวเรือนเป็นตัวอย่าง 26,520 ครัวเรือน สำหรับในไตรมาสที่ 2 พ.ศ. 2551 ในภาพรวมสถานการณ์การจ้างงานอยู่ในเกณฑ์ดี เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2550 โดยมีสาระสำคัญสรุปดังนี้
1. ผู้มีงานทำ มีจำนวน 36.86 ล้านคน เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 1.1 ล้านคน หรือมีงานทำเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 โดยเพิ่มขึ้นในภาคเกษตรกรรม 5 แสนคน และนอกภาคเกษตรกรรม 6.1 ล้านคน ซึ่งผู้มีงานทำนอกภาคเกษตรกรรม จำแนกตามสาขาอุตสาหกรรมย่อยมีภาวะการทำงาน ดังนี้
1.1 ผู้ทำงานในสาขาการขายส่ง ขายปลีกเพิ่มขึ้น 1.9 แสนคน สาขาการบริหารราชการและป้องกันประเทศ เพิ่มขึ้น 1.1 แสนคน สาขาการขนส่งเพิ่มขึ้น 1 แสนคน สาขาโรงแรมและภัตตาคารเพิ่มขึ้น 5 หมื่นคนและสาขาก่อสร้างเพิ่มขึ้น 4 หมื่นคนและที่เหลืออยู่ในสาขาอื่นๆ
1.2 ผู้มีงานทำในสาขาการผลิตลดลง 1.3 แสนคน ส่วนผู้ทำงานไม่เต็มเวลา(ทำงานน้อยกว่า 7 ชั่วโมงต่อวัน)ลดลง 3.2 แสนคน
2. ผู้ว่างงานทั้งประเทศมีจำนวน 5.3 แสนคน คิดเป็นอัตราการว่างงานร้อยละ 1.4 โดยลดลง 6 หมื่นคน จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ประกอบด้วยผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อน 2.3 แสนคน และผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อน 3 แสนคน โดยเป็นผู้ว่างงานที่มาจากภาคเกษตรกรรม 5 หมื่นคน ภาคการผลิต 1.4 แสนคน และภาคการบริการ 1.1 แสนคน และเมื่อพิจารณาการว่างงานในกลุ่มเยาวชน (15-24 ปี) และกลุ่มผู้อยู่ในวัยทำงาน (25 ปีขึ้นไป) พบว่ามีจำนวน 3.1 แสนคน และ 2.2 แสนคน ตามลำดับ ทั้งนี้
2.1 ผู้ว่างงานมีการศึกษาระดับอุดมศึกษา 1.8 แสนคน มัธยมศึกษาตอนต้น 1.2 แสนคน มัธยมศึกษาตอนปลาย 1 แสนคน ประถมศึกษา 8 หมื่นคน ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษา 5 หมื่นคน
2.2 เมื่อเปรียบเทียบอัตราการว่างงานกับประเทศอื่น ๆ พบว่า สหรัฐอเมริกามีอัตราการว่างงาน ร้อยละ 5.3 ออสเตรเลีย ร้อยละ 4.3 ญี่ปุ่น ร้อยละ 4.0 และเกาหลีใต้ ร้อยละ 3.1 ปรากฎว่าไทยจัดอยู่ในขั้นที่ดีกว่าประเทศอื่น ๆ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 9 ตุลาคม 2551--จบ--
1. ผู้มีงานทำ มีจำนวน 36.86 ล้านคน เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 1.1 ล้านคน หรือมีงานทำเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 โดยเพิ่มขึ้นในภาคเกษตรกรรม 5 แสนคน และนอกภาคเกษตรกรรม 6.1 ล้านคน ซึ่งผู้มีงานทำนอกภาคเกษตรกรรม จำแนกตามสาขาอุตสาหกรรมย่อยมีภาวะการทำงาน ดังนี้
1.1 ผู้ทำงานในสาขาการขายส่ง ขายปลีกเพิ่มขึ้น 1.9 แสนคน สาขาการบริหารราชการและป้องกันประเทศ เพิ่มขึ้น 1.1 แสนคน สาขาการขนส่งเพิ่มขึ้น 1 แสนคน สาขาโรงแรมและภัตตาคารเพิ่มขึ้น 5 หมื่นคนและสาขาก่อสร้างเพิ่มขึ้น 4 หมื่นคนและที่เหลืออยู่ในสาขาอื่นๆ
1.2 ผู้มีงานทำในสาขาการผลิตลดลง 1.3 แสนคน ส่วนผู้ทำงานไม่เต็มเวลา(ทำงานน้อยกว่า 7 ชั่วโมงต่อวัน)ลดลง 3.2 แสนคน
2. ผู้ว่างงานทั้งประเทศมีจำนวน 5.3 แสนคน คิดเป็นอัตราการว่างงานร้อยละ 1.4 โดยลดลง 6 หมื่นคน จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ประกอบด้วยผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อน 2.3 แสนคน และผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อน 3 แสนคน โดยเป็นผู้ว่างงานที่มาจากภาคเกษตรกรรม 5 หมื่นคน ภาคการผลิต 1.4 แสนคน และภาคการบริการ 1.1 แสนคน และเมื่อพิจารณาการว่างงานในกลุ่มเยาวชน (15-24 ปี) และกลุ่มผู้อยู่ในวัยทำงาน (25 ปีขึ้นไป) พบว่ามีจำนวน 3.1 แสนคน และ 2.2 แสนคน ตามลำดับ ทั้งนี้
2.1 ผู้ว่างงานมีการศึกษาระดับอุดมศึกษา 1.8 แสนคน มัธยมศึกษาตอนต้น 1.2 แสนคน มัธยมศึกษาตอนปลาย 1 แสนคน ประถมศึกษา 8 หมื่นคน ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษา 5 หมื่นคน
2.2 เมื่อเปรียบเทียบอัตราการว่างงานกับประเทศอื่น ๆ พบว่า สหรัฐอเมริกามีอัตราการว่างงาน ร้อยละ 5.3 ออสเตรเลีย ร้อยละ 4.3 ญี่ปุ่น ร้อยละ 4.0 และเกาหลีใต้ ร้อยละ 3.1 ปรากฎว่าไทยจัดอยู่ในขั้นที่ดีกว่าประเทศอื่น ๆ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 9 ตุลาคม 2551--จบ--