คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ และการให้ความช่วยเหลือราษฎร สรุปได้ดังนี้
ตามที่ฝนตกอย่างหนักในพื้นที่ภาคเหนือ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2549 เป็นต้นมา และเกิดอุทกภัย ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิต ทรัพย์สินของประชาชนและทางราชการในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ได้แก่ จังหวัดอุตรดิตถ์ สุโขทัย แพร่ น่าน ลำปาง เชียงราย ตาก และเพชรบูรณ์ นั้น
กระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดที่อยู่ในพื้นที่ดำเนินการให้ความช่วยเหลือ และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาตรการการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงานที่กำหนดไว้สำหรับดำเนินการได้ทันทีเมื่อเกิดภัยพิบัติ จึงขอรายงานสภาพความเสียหาย การดำเนินการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย ตลอดจนแนวทางการแก้ไขคืนสู่สภาพปกติ ดังนี้
1. สภาพความเสียหาย
1.1 ความเสียหายของเส้นทาง
1.1.1 กรมทางหลวง
มีสายทางในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ 8 จังหวัด (ลำปาง แพร่ เชียงราย น่าน สุโขทัย ตาก เพชรบูรณ์ และอุตรดิตถ์) ได้รับความเสียหายทั้งสิ้นจำนวน 45 สายทาง 99 แห่ง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายที่จะต้องดำเนินการให้การจราจรผ่านได้ จำนวน 9,432,000 บาท และการแก้ไขให้คืนสู่สภาพเดิม จำนวน 207,894,213 บาท รวมทั้งสิ้น 217,326,213 บาท
1.1.2 กรมทางหลวงชนบท
มีสายทางในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ 7 จังหวัด (ตาก น่าน เพชรบูรณ์ แพร่ ลำปาง สุโขทัย และอุตรดิตถ์) เสียหายจำนวนทั้งสิ้น 22 สายทาง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นที่ต้องใช้งบประมาณบูรณะปรับปรุง จำนวนประมาณ 102 ล้านบาท
1.1.3 การรถไฟแห่งประเทศไทย
ทางรถไฟในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์และแพร่เสียหายจากการที่ทางรถไฟขาด รางถูกพัดหาย รางถูกน้ำพัดตกคันทาง คอสะพานขาด ตัวสะพานทรุดเอียง และดินทางถมทรุด นอกจากนี้ยังได้รับความเสียหายจากระบบสื่อสารอาณัติสัญญาณ รถจักร และล้อเลื่อน มูลค่าความเสียหาย ในขณะนี้เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 92,471,429 ล้านบาท
1.2 ความเสียหายในส่วนของทรัพย์สินของทางราชการ
1.2.1 กรมทางหลวง
บ้านพักเจ้าหน้าที่ วัสดุอุปกรณ์สำนักงาน อุปกรณ์งานทาง และเครื่องจักรของสำนักงานแขวงการทางอุตรดิตถ์ และหมวดการทาง ได้รับความเสียหาย ต้องใช้งบประมาณซ่อมแซมปรับปรุง จำนวนประมาณ 5,000,000 บาท
1.2.2 กรมทางหลวงชนบท
อาคารสำนักงาน เครื่องจักร ของสำนักทางหลวงชนบทที่ 9 (อุตรดิตถ์) และสำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้รับความเสียหาย ดังนี้
- เครื่องจักร ได้รับความเสียหาย 47 รายการ มูลค่าประมาณ 6.10 ล้านบาท
- อาคารสำนักงานและอุปกรณ์สำนักงานได้รับความเสียหาย มูลค่าประมาณ 4.5 ล้านบาท
- อาคารบ้านพักและทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่ได้รับความเสียหาย มูลค่าประมาณ 5.6 ล้านบาท
2. การดำเนินการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย
2.1 กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท ได้ดำเนินการแก้ไขเฉพาะหน้าโดยการซ่อมแซมสายทางในเบื้องต้น เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ทางสัญจรไป-มาได้ก่อน รวมทั้งเพื่อให้หน่วยราชการ และภาคเอกชน ใช้เป็นเส้นทางที่จะเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ในขณะที่การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้อำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารที่ตกค้างจากการเดินรถ โดยการจัดขบวนรถโดยสารเปลี่ยนเส้นทางให้ เพื่อเดินทางไปได้ถึงจุดหมายปลายทาง รวมทั้งจัดอาหารสำหรับ ผู้โดยสารที่ประสบปัญหาในการเดินทางด้วย
2.2 ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย หน่วยงานต่าง ๆ ได้ให้ความช่วยเหลือ ดังนี้
2.2.1 กรมทางหลวง
จัดส่งเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งเครื่องมือ เครื่องจักร และยานพาหนะต่าง ๆ ได้แก่ รถบรรทุกรถแทรกเตอร์ รถขุดตัก รถดัมพ์ รถเกรด รถแม็คโคร ฯลฯ ช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยในการขนย้ายสิ่งของ ล้างทำความสะอาด เก็บกวาดสิ่งปรักหักพัง ขุดลอกร่องระบายน้ำ เก็บเศษขยะ และวัชพืช ฯลฯ ในพื้นที่ชุมชนต่าง ๆ กับทั้งเตรียมความพร้อมของเครื่องจักรต่าง ๆ เพื่อให้ความช่วยเหลืออื่น ๆ ได้ทันทีเมื่อได้รับการร้องขอ
2.2.2 กรมทางหลวงชนบท
- จัดเตรียมความพร้อมของเครื่องมือเครื่องจักรที่มีอยู่รวม 416 รายการ เพื่อให้การช่วยเหลือเพิ่มเติมในกรณีที่รับการร้องขอ ซึ่งสามารถเคลื่อนย้ายเข้าดำเนินการได้ทันที
- จัดส่งเจ้าหน้าที่ เครื่องมือ เครื่องจักร จำนวน 37 คัน เข้าร่วมกับศูนย์ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของจังหวัดแพร่ สุโขทัย และอุตรดิตถ์ โดยเข้าทำการแจกจ่ายน้ำดื่ม ซ่อมแซมถนนและสะพาน เก็บทำความสะอาดดินโคลน ต้นไม้ สิ่งกีดขวางเส้นทางที่อยู่ในความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
2.2.2 การรถไฟแห่งประเทศไทย
- ได้แจ้งกักขบวนรถไว้ที่สถานีเด่นชัย และสถานีอุตรดิตถ์ และกักรถบางขบวนไม่ให้เดินรถระหว่างเชียงใหม่ — กรุงเทพ อุตรดิตถ์-กรุงเทพ ศิลาอาสน์ — อุตรดิตถ์ เพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้ ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบทั่วกัน และได้ให้ความช่วยเหลือ โดยการจัดรถยนต์โดยสารขนถ่ายผู้โดยสารที่สถานีอุตรดิตถ์ ศิลาอาสน์ และเด่นชัย
- ให้บริการแก่หน่วยงานของรัฐฯ เช่น ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพบก, ฝ่ายกิจการพลเรือนกองทัพบก ส่งเครื่องอุปโภค/บริโภค จำนวน 2 ครั้ง น้ำหนักประมาณ 16,000 กิโลกรัม โดยนำสิ่งของบรรทุกไปกับขบวนรถไฟ เพื่อไปแจกจ่ายแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยไม่คิดค่าระวาง
- ให้บริการแก่หน่วยงานของภาคเอกชน ส่งเครื่องอุปโภค/บริโภค จำนวน 6 ครั้ง น้ำหนักประมาณ 8,000 กิโลกรัม โดยนำสิ่งของบรรทุกไปกับขบวนรถไฟเพื่อแจกจ่ายแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยไม่คิดค่าระวาง
- ส่งสิ่งของไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย จำนวน 2 ครั้ง มีเครื่องอุปโภค/บริโภค เช่น ข้าวสาร 4,500 ถุง (5 ก.ก./ถุง) น้ำดื่ม 2,000 โหล อาหารกระป๋อง 6,000 โหล เวชภัณฑ์ 1,000 กล่อง เสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม 300 กล่อง ถุงยังชีพ 2,500 ถุง อื่น ๆ 3,000 กล่อง
3. แนวทางการแก้ไขคืนสู่สภาพปกติ
3.1 กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท จะเร่งดำเนินการสำรวจ ออกแบบประมาณราคาเส้นทางที่ชำรุดเสียหาย เพื่อจัดทำรายละเอียดประกอบการขอสนับสนุนงบประมาณในการซ่อมแซมเส้นทางให้คืนสู่สภาพปกติโดยเร็วต่อไป
3.2 การรถไฟแห่งประเทศไทย จะเร่งดำเนินการซ่อมแซมทางรถไฟ และระบบอาณัติสัญญาณ ให้สามารถเดินรถเป็นการชั่วคราวได้ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2549 เป็นต้นไป และจะปรับปรุงทางให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ได้ ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2549
อนึ่ง เมื่อน้ำลดแล้วกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี จะได้ดำเนินการสำรวจสภาพลำน้ำของแม่น้ำลำคลองในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย หากมีความจำเป็นต้องดำเนินการฟื้นฟูในส่วนขอลำน้ำ หน่วยงานจะได้เร่งดำเนินการต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 30 พฤษภาคม 2549--จบ--
ตามที่ฝนตกอย่างหนักในพื้นที่ภาคเหนือ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2549 เป็นต้นมา และเกิดอุทกภัย ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิต ทรัพย์สินของประชาชนและทางราชการในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ได้แก่ จังหวัดอุตรดิตถ์ สุโขทัย แพร่ น่าน ลำปาง เชียงราย ตาก และเพชรบูรณ์ นั้น
กระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดที่อยู่ในพื้นที่ดำเนินการให้ความช่วยเหลือ และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาตรการการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงานที่กำหนดไว้สำหรับดำเนินการได้ทันทีเมื่อเกิดภัยพิบัติ จึงขอรายงานสภาพความเสียหาย การดำเนินการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย ตลอดจนแนวทางการแก้ไขคืนสู่สภาพปกติ ดังนี้
1. สภาพความเสียหาย
1.1 ความเสียหายของเส้นทาง
1.1.1 กรมทางหลวง
มีสายทางในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ 8 จังหวัด (ลำปาง แพร่ เชียงราย น่าน สุโขทัย ตาก เพชรบูรณ์ และอุตรดิตถ์) ได้รับความเสียหายทั้งสิ้นจำนวน 45 สายทาง 99 แห่ง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายที่จะต้องดำเนินการให้การจราจรผ่านได้ จำนวน 9,432,000 บาท และการแก้ไขให้คืนสู่สภาพเดิม จำนวน 207,894,213 บาท รวมทั้งสิ้น 217,326,213 บาท
1.1.2 กรมทางหลวงชนบท
มีสายทางในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ 7 จังหวัด (ตาก น่าน เพชรบูรณ์ แพร่ ลำปาง สุโขทัย และอุตรดิตถ์) เสียหายจำนวนทั้งสิ้น 22 สายทาง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นที่ต้องใช้งบประมาณบูรณะปรับปรุง จำนวนประมาณ 102 ล้านบาท
1.1.3 การรถไฟแห่งประเทศไทย
ทางรถไฟในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์และแพร่เสียหายจากการที่ทางรถไฟขาด รางถูกพัดหาย รางถูกน้ำพัดตกคันทาง คอสะพานขาด ตัวสะพานทรุดเอียง และดินทางถมทรุด นอกจากนี้ยังได้รับความเสียหายจากระบบสื่อสารอาณัติสัญญาณ รถจักร และล้อเลื่อน มูลค่าความเสียหาย ในขณะนี้เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 92,471,429 ล้านบาท
1.2 ความเสียหายในส่วนของทรัพย์สินของทางราชการ
1.2.1 กรมทางหลวง
บ้านพักเจ้าหน้าที่ วัสดุอุปกรณ์สำนักงาน อุปกรณ์งานทาง และเครื่องจักรของสำนักงานแขวงการทางอุตรดิตถ์ และหมวดการทาง ได้รับความเสียหาย ต้องใช้งบประมาณซ่อมแซมปรับปรุง จำนวนประมาณ 5,000,000 บาท
1.2.2 กรมทางหลวงชนบท
อาคารสำนักงาน เครื่องจักร ของสำนักทางหลวงชนบทที่ 9 (อุตรดิตถ์) และสำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้รับความเสียหาย ดังนี้
- เครื่องจักร ได้รับความเสียหาย 47 รายการ มูลค่าประมาณ 6.10 ล้านบาท
- อาคารสำนักงานและอุปกรณ์สำนักงานได้รับความเสียหาย มูลค่าประมาณ 4.5 ล้านบาท
- อาคารบ้านพักและทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่ได้รับความเสียหาย มูลค่าประมาณ 5.6 ล้านบาท
2. การดำเนินการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย
2.1 กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท ได้ดำเนินการแก้ไขเฉพาะหน้าโดยการซ่อมแซมสายทางในเบื้องต้น เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ทางสัญจรไป-มาได้ก่อน รวมทั้งเพื่อให้หน่วยราชการ และภาคเอกชน ใช้เป็นเส้นทางที่จะเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ในขณะที่การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้อำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารที่ตกค้างจากการเดินรถ โดยการจัดขบวนรถโดยสารเปลี่ยนเส้นทางให้ เพื่อเดินทางไปได้ถึงจุดหมายปลายทาง รวมทั้งจัดอาหารสำหรับ ผู้โดยสารที่ประสบปัญหาในการเดินทางด้วย
2.2 ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย หน่วยงานต่าง ๆ ได้ให้ความช่วยเหลือ ดังนี้
2.2.1 กรมทางหลวง
จัดส่งเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งเครื่องมือ เครื่องจักร และยานพาหนะต่าง ๆ ได้แก่ รถบรรทุกรถแทรกเตอร์ รถขุดตัก รถดัมพ์ รถเกรด รถแม็คโคร ฯลฯ ช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยในการขนย้ายสิ่งของ ล้างทำความสะอาด เก็บกวาดสิ่งปรักหักพัง ขุดลอกร่องระบายน้ำ เก็บเศษขยะ และวัชพืช ฯลฯ ในพื้นที่ชุมชนต่าง ๆ กับทั้งเตรียมความพร้อมของเครื่องจักรต่าง ๆ เพื่อให้ความช่วยเหลืออื่น ๆ ได้ทันทีเมื่อได้รับการร้องขอ
2.2.2 กรมทางหลวงชนบท
- จัดเตรียมความพร้อมของเครื่องมือเครื่องจักรที่มีอยู่รวม 416 รายการ เพื่อให้การช่วยเหลือเพิ่มเติมในกรณีที่รับการร้องขอ ซึ่งสามารถเคลื่อนย้ายเข้าดำเนินการได้ทันที
- จัดส่งเจ้าหน้าที่ เครื่องมือ เครื่องจักร จำนวน 37 คัน เข้าร่วมกับศูนย์ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของจังหวัดแพร่ สุโขทัย และอุตรดิตถ์ โดยเข้าทำการแจกจ่ายน้ำดื่ม ซ่อมแซมถนนและสะพาน เก็บทำความสะอาดดินโคลน ต้นไม้ สิ่งกีดขวางเส้นทางที่อยู่ในความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
2.2.2 การรถไฟแห่งประเทศไทย
- ได้แจ้งกักขบวนรถไว้ที่สถานีเด่นชัย และสถานีอุตรดิตถ์ และกักรถบางขบวนไม่ให้เดินรถระหว่างเชียงใหม่ — กรุงเทพ อุตรดิตถ์-กรุงเทพ ศิลาอาสน์ — อุตรดิตถ์ เพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้ ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบทั่วกัน และได้ให้ความช่วยเหลือ โดยการจัดรถยนต์โดยสารขนถ่ายผู้โดยสารที่สถานีอุตรดิตถ์ ศิลาอาสน์ และเด่นชัย
- ให้บริการแก่หน่วยงานของรัฐฯ เช่น ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพบก, ฝ่ายกิจการพลเรือนกองทัพบก ส่งเครื่องอุปโภค/บริโภค จำนวน 2 ครั้ง น้ำหนักประมาณ 16,000 กิโลกรัม โดยนำสิ่งของบรรทุกไปกับขบวนรถไฟ เพื่อไปแจกจ่ายแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยไม่คิดค่าระวาง
- ให้บริการแก่หน่วยงานของภาคเอกชน ส่งเครื่องอุปโภค/บริโภค จำนวน 6 ครั้ง น้ำหนักประมาณ 8,000 กิโลกรัม โดยนำสิ่งของบรรทุกไปกับขบวนรถไฟเพื่อแจกจ่ายแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยไม่คิดค่าระวาง
- ส่งสิ่งของไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย จำนวน 2 ครั้ง มีเครื่องอุปโภค/บริโภค เช่น ข้าวสาร 4,500 ถุง (5 ก.ก./ถุง) น้ำดื่ม 2,000 โหล อาหารกระป๋อง 6,000 โหล เวชภัณฑ์ 1,000 กล่อง เสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม 300 กล่อง ถุงยังชีพ 2,500 ถุง อื่น ๆ 3,000 กล่อง
3. แนวทางการแก้ไขคืนสู่สภาพปกติ
3.1 กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท จะเร่งดำเนินการสำรวจ ออกแบบประมาณราคาเส้นทางที่ชำรุดเสียหาย เพื่อจัดทำรายละเอียดประกอบการขอสนับสนุนงบประมาณในการซ่อมแซมเส้นทางให้คืนสู่สภาพปกติโดยเร็วต่อไป
3.2 การรถไฟแห่งประเทศไทย จะเร่งดำเนินการซ่อมแซมทางรถไฟ และระบบอาณัติสัญญาณ ให้สามารถเดินรถเป็นการชั่วคราวได้ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2549 เป็นต้นไป และจะปรับปรุงทางให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ได้ ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2549
อนึ่ง เมื่อน้ำลดแล้วกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี จะได้ดำเนินการสำรวจสภาพลำน้ำของแม่น้ำลำคลองในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย หากมีความจำเป็นต้องดำเนินการฟื้นฟูในส่วนขอลำน้ำ หน่วยงานจะได้เร่งดำเนินการต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 30 พฤษภาคม 2549--จบ--