การกำหนดจำนวนเงินคุ้มครองเงินฝาก

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 29, 2008 05:45 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวนเงินที่ให้ความคุ้มครองเงินฝากเพิ่มขึ้น พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ

ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวนเงินที่ให้ความคุ้มครองเงินฝากเพิ่มขึ้น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญโดยจะมีผลให้ในช่วงสี่ปีแรกของการ บังคับใช้พระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ. 2551 ให้จ่ายเงินแก่ผู้ฝากเงิน ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติ สถาบันคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ. 2551 โดยกำหนดจำนวนเงินที่ให้ความคุ้มครองเป็นจำนวนไม่เกิน ดังนี้

ปีที่  ระยะเวลา                          จำนวนเงินที่คุ้มครอง (เดิม)      จำนวนเงินที่คุ้มครอง (ใหม่)
1   11 สิงหาคม 2551-10 สิงหาคม 2552                  เต็มจำนวน                   เต็มจำนวน
2   11 สิงหาคม 2552-10 สิงหาคม 2553                100 ล้านบาท                   เต็มจำนวน
3   11 สิงหาคม 2553-10 สิงหาคม 2554                 50 ล้านบาท                   เต็มจำนวน
4   11 สิงหาคม 2554-10 สิงหาคม 2555                 10 ล้านบาท                  50 ล้านบาท
5   11 สิงหาคม 2555 เป็นต้นไป                         1 ล้านบาท                   1 ล้านบาท

กระทรวงการคลังเสนอว่า

1. สืบเนื่องจากปัญหาวิกฤตสถาบันการเงินในประเทศสหรัฐอเมริกา และลุกลามไปยังกลุ่มประเทศ สหภาพยุโรป โดยต่างประสบปัญหา การขาดสภาพคล่องจนทำให้รัฐบาลของแต่ละประเทศต้องให้ความช่วยเหลือกิจการ ซึ่งมาตรการที่รัฐบาลและธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ นำมา ใช้จะเป็นการเข้าควบคุมกิจการการให้เงินกู้แก่สถาบันการเงินที่ประสบปัญหา การออกพันธบัตรเพื่อระดมทุนให้กับธนาคารกลางใช้ดำเนินการตาม มาตรการต่าง ๆ เช่น แผนซื้อหนี้เสียในภาคอสังหาริมทรัพย์ของสถาบันการเงินสหรัฐฯ การอัดฉีดเงินเข้าตลาดการเงินรัสเซีย หรือการลดดอกเบี้ย นโยบาย ทั้งนี้ เพื่อช่วยรองรับผลกระทบที่จะเกิดตามมาสู่ภาคส่วนธุรกิจต่างๆ และในขณะเดียวกันมีหลายสถาบันการเงินต้องเข้าสู่ระบบการล้มละลาย และปิดกิจการลงไป

2. มาตรการที่หลายประเทศนำมาใช้เพื่อช่วยยับยั้งหรือรักษาระดับความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบสถาบันการเงิน คือ การเพิ่มวง เงินประกันจ่ายคืนผู้ฝากให้สูงขึ้นตามเงื่อนไขของแต่ละประเทศ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนกและเร่งถอนเงินจากสถาบันการ เงินจนทำให้สถาบันการเงินขาดสภาพคล่องและต้องปิดกิจการ อาทิ 1) สหรัฐอเมริกา เพิ่มวงเงินจาก 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นการชั่วคราวถึงสิ้นปี 2552 2) อังกฤษ เพิ่มวงเงินจาก 33,000 ปอนด์สเตอริง เป็น 50,000 ปอนด์สเตอริง 3) ฟิลิปปินส์ เพิ่มวงเงินจาก 250,000 เปโซ เป็น 500,000 เปโซ 4) อินโดนีเซีย เพิ่มวงเงินจาก 100 ล้านรูเปีย เป็น 2,000 ล้านรูเปีย 5) เดนมาร์ก เยอรมัน ออสเตรีย นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ไอร์แลนด์ สิงคโปร์ มาเลเซีย และฮ่องกง เปลี่ยนเป็นคุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวน เป็นต้น

3. แม้ว่าปัจจุบันประเทศไทยจะมีภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจการเงินที่เข้มแข็งมากขึ้นกว่าเมื่อวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 โดยมีระบบการ กำกับดูแลภาคการเงินที่เข้มงวดและเป็นมาตรฐานสากลมากขึ้น แต่เมื่อพิจารณาการดำเนินมาตรการแก้ปัญหาวิกฤตการเงินในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในเอเชียและกลุ่มประเทศอาเซียนที่ได้ทยอยประกาศคุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวนเพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชนต่อ ระบบธนาคาร โดยการดำเนินมาตรการของประเทศเหล่านี้ต้องการปกป้องความเสี่ยงจากการไหลของเงินฝากไปยังประเทศเพื่อนบ้านหรือสหรัฐฯ ที่ ให้ความคุ้มครองสูงกว่า ดังนั้น ในกรณีของไทย เพื่อมิให้สภาพคล่องในประเทศได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนย้ายเงินฝากและเงินทุนระหว่างประเทศ ออกจากประเทศไทย อันเนื่องมาจากปัจจัยการคุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวน จึงควรเพิ่มวงเงินคุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวนออกไปสองปี เพื่อป้องกัน การเคลื่อนย้ายทุนระหว่างประเทศที่เป็นผลมาจากปัจจัยความเชื่อมั่นเป็นสำคัญ

4. นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาวิกฤตเศรษฐกิจจากต่างประเทศที่อาจนำมาซึ่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและระบบการเงินของประเทศไทย ให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าที่ปัญหาสภาพคล่องในสถาบันการเงินสหรัฐฯ ยังอาจไม่ถึงจุดต่ำสุด จึงจำเป็นที่ไทยจะ ต้องเตรียมตัวรับปัญหาระบบการเงินโลกที่ผันผวนที่อาจไม่สามารถบรรเทาได้อย่างรวดเร็ว ดังเช่นที่ประเทศในกลุ่มอาเซียนได้ดำเนินมาตรการรอง รับไว้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบการเงินและผลทางจิตวิทยาจากการที่หลายประเทศได้ประกาศปรับการคุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวน ดังนั้น เพื่อ ป้องกันการแตกตื่นของประชาชนหากระบบสถาบันการเงินมีความผกผัน รวมทั้งการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน โดยเฉพาะ ในส่วนที่เกี่ยวกับ การเคลื่อนย้ายเงินตราระหว่างประเทศ และการสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนผู้ฝากเงิน รวมทั้งสถาบันการเงิน กระทรวงการคลังจึงเห็นความ สำคัญเร่งด่วนที่จะเพิ่มวงเงินคุ้มครองเงินฝากในปีที่สองและปีที่สามเต็มจำนวนที่ปรากฏตามบัญชีผู้ฝากต่อเนื่องจากปัจจุบันถึงวันที่ 10 สิงหาคม 2554 ซึ่งจะครอบคลุมผู้ฝากเงินที่มีเงินฝากมากกว่า 50 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 10,083 ราย ที่มีปริมาณเงินฝาก จำนวน 2,153,674 ล้านบาท และค่อย ทยอยลดการคุ้มครองในปีที่สี่และปีที่ห้าเป็นจำนวนไม่เกิน 50 ล้านบาท และ 1 ล้านบาท ตามลำดับต่อไป

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 28 ตุลาคม 2551--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ