การรักษาเสถียรภาพกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

คณะรัฐมนตรีรับทราบการรักษาเสถียรภาพกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้

อนุสนธิ การประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2551 เรื่อง ความก้าวหน้า 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน ซึ่งมีมติมอบหมายให้กระทรวงพลังงานรับไปพิจารณาปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้เหมาะสมและสอดคล้องกับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำรองสำหรับ การรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการดำเนินมาตรการในเดือนมกราคม 2552 นั้น

การดำเนินการ

กระทรวงพลังงานโดยคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2551 ได้ประชุมเรื่องการรักษาเสถียรภาพกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีข้างต้น และเพื่อแก้ไขปัญหาโครงสร้างราคาน้ำมันในปัจจุบันที่ยังไม่เอื้อต่อการส่งเสริมพลังงานทดแทนและปัญหาปริมาณปาล์มน้ำมันที่มีมากกว่าความต้องการในปัจจุบัน จึงได้มีมติเห็นชอบให้ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ สำหรับน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E10 น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B2 ในอัตรา 1.00, 0.90 และ 0.50 บาท/ลิตร ตามลำดับ และปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E20 ลงอีก 0.15 บาท/ลิตรร โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2551 เป็นต้นไป พร้อมทั้งมอบให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการต่อไป

ประโยชน์ที่ได้รับ

การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ข้างต้น จะทำให้โครงสร้างราคาน้ำมันในปัจจุบันเอื้อต่อการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนทั้งเอทานอลและไบโอดีเซล โดยค่าการตลาดของน้ำมันที่เป็นพลังงานทดแทนจะสูงกว่าน้ำมันปกติ และราคาขายปลีกของน้ำมันพลังงานทดแทนจะต่ำกว่าราคาปกติ ซึ่งเป็นแรงจูงใจให้ผู้จำหน่ายและผู้ใช้พลังงานทดแทนมีจำนวนมากขึ้น

นอกจากนี้ จะทำให้มีผู้ใช้ไบโอดีเซลมีจำนวนมากขึ้นเช่นกัน จากการเพิ่มส่วนต่างราคาราคาขายปลีกของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B2 กับน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 ให้มากขึ้นกว่าปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 0.70 บาท/ลิตร เป็น 1.00 บาท/ลิตร

จากการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯในครั้งนี้ ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายรับสุทธิเพิ่มขึ้น 24.32 ล้านบาท/วัน จากระดับปัจจุบัน 80.60 ล้านบาท/วัน เป็น 104.92 ล้านบาท/วัน หรือเพิ่มขึ้น 729.58 ล้านบาท/เดือน จากระดับปัจจุบัน 2,417.90 ล้านบาท/เดือน เป็น 3,147.48 ล้านบาท/เดือน ตลอดจนทำให้ฐานะกองทุนน้ำมันฯ มีทุนสำรองเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่จะปรับตัวสูงขึ้นเมื่อมาตรการสิ้นสุดลง

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 28 ตุลาคม 2551--จบ--