คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สรุปสถานการณ์ภัยธรรมชาติในช่วงฤดูฝน ครั้งที่ 23 ช่วงวันที่ 21-27 ตุลาคม 2551 ประกอบด้วย สถานการณ์อุทกภัย สถานการณ์น้ำ ผลกระทบด้านการเกษตร และการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตร สรุปได้ดังนี้
สถานการณ์อุทกภัย
ช่วงวันที่ 23-26 ตุลาคม 2551 เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือฝั่งตะวันตก และด้านตะวันตกของภาคกลาง ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากใน พื้นที่ 3 จังหวัด ดังนี้
1. จังหวัดตาก วันที่ 26 ตุลาคม 2551 เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอคลองวังเจ้า ในเขตตำบลเชียง ทอง และอำเภอเมือง ในเขตเทศบาลเมืองและเทศบาลไม้งาม ระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 0.20 เมตร หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม คาดว่าจะเข้าสู่ สภาวะปกติภายในสัปดาห์นี้
2. จังหวัดอุทัยธานี เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2551 ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอห้วยคต (3 ตำบล) อำเภอลานสัก (1 ตำบล) และอำเภอหนองฉาง (3 ตำบล)
3. จังหวัดกำแพงเพชร เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2551 ทำให้เกิดน้ำล้นตลิ่งท่วมพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอ โกสัมพีนคร(1 ตำบล) อำเภอคลองลาน(1 ตำบล) อำเภอเมือง(2 ตำบล) อำเภอปางศิลา(2 ตำบล) และอำเภอคลองขลุง(4 ตำบล)
ช่วงวันที่ 1 กันยายน — 24 ตุลาคม 2551 รวม 51 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน กำแพงเพชร น่าน แพร่ พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย ตาก เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ พะเยา ลำปาง ลำพูน อุตรดิตถ์ ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง ชัยนาท กรุงเทพมหานคร สุพรรณบุรี เลย กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา นครพนม บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ ยโสธร สกลนคร สุรินทร์ หนองบัวลำภู หนองคาย อุบลราชธานี อุดรธานี นครนายก สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตราด จันทบุรี สุราษฎร์ธานี และสตูล ปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
สถานการณ์น้ำ
1. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่
สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศ (27 ตุลาคม 2551) มีปริมาณน้ำในอ่างฯทั้งหมด 55,331 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ คิด เป็นร้อยละ 81 ของความจุอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งหมด (ปริมาณน้ำใช้การได้ 32,018 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 47 ของความจุอ่างฯ) น้อยกว่าปี 2550 (60,164 ล้านลูกบาศก์เมตร) จำนวน 4,833 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 7 ของความจุอ่างฯ ทั้งนี้ สามารถรับน้ำได้อีก 13,158 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 19 ของความจุอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งหมด ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ เฉลี่ยทั้งปี 38,221 ล้านลูกบาศก์ เมตร ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ วันนี้ 310.5 ล้านลูกบาศก์เมตร (ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ สะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 ถึง วันนี้ จำนวน 38,533 ล้านลูกบาศก์เมตร)
อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ ทั้งหมด 8,628 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 64 ของความจุ อ่างฯ ปริมาตรน้ำใช้การได้ 4,828 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 36 ของความจุอ่างฯ และ เมื่อเปรียบเทียบปริมาตรน้ำปัจจุบันกับปี 2550 (11,363 ล้าน ลบ.ม.) น้อยกว่า จำนวน 2,735 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถรับน้ำได้อีก 4,834 ล้าน ลบ.ม.
อ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ ทั้งหมด 8,270 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 87 ของความจุ อ่างฯ ปริมาตรน้ำใช้การได้ 5,420 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 57 ของความจุอ่างฯ และเมื่อเปรียบเทียบปริมาตรน้ำปัจจุบันกับปี 2550 (7,428 ล้าน ลบ.ม.) มากกว่า จำนวน 842 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถรับน้ำได้อีก 1,240 ล้าน ลบ.ม.
อ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ 960 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 100 ของความจุอ่างฯ ปริมาตรน้ำใช้การได้ 957 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 100 ของความจุอ่างฯ และเมื่อเปรียบเทียบปริมาตรน้ำปัจจุบันกับปี 2550 (983 ล้าน ลบ.ม.) น้อยกว่า จำนวน 23 ล้านลูกบาศก์เมตร
สภาพน้ำของอ่างเก็บน้ำภาคใต้
อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน อ่างเก็บน้ำปราณบุรี อ่างเก็บน้ำรัชชประภา และอ่างเก็บน้ำบางลาง มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ ร้อยละ 59, 63, 81 และ 56 ของความจุอ่างฯ ตามลำดับ สามารถรองรับน้ำได้อีก 293, 127, 1,099 และ 639 ล้าน ลบ.ม. ตามลำดับ
อ่างเก็บน้ำที่อยู่ในเกณฑ์น้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุอ่างฯ จำนวน 23 อ่าง ได้แก่
หน่วย : ล้านลูกบาศก์เมตร
อ่างเก็บน้ำ ปริมาตรน้ำในอ่างฯ ปริมาตรน้ำใช้การได้ ไหลลงอ่างฯ
ปริมาตรน้ำ %ความจุอ่างฯ ปริมาตรน้ำ %ความจุอ่างฯ เฉลี่ยทั้งปี วันนี้ สะสม 1 ม.ค. ปริมาณน้ำรับได้อีก
1.สิริกิติ์ 8,270 87 5,420 57 5,391 27.7 6,926 1,240 2.แม่งัดสมบูรณ์ชล 264 99 242 91 332 1.6 347 1 3.กิ่วลม 94 84 90 80 578 2 332 18 4.ห้วยหลวง 116 98 110 93 161 0.5 160 2 5.น้ำอูน 478 92 435 84 433 0 427 42 6.จุฬาภรณ์ 135 82 91 55 165 0.7 126 29 7.อุบลรัตน์ 2,176 96 1,766 78 2,271 10.9 3,624 88 8.ลำตะคอง 275 87 247 79 270 3.3 358 39 9.ลำปาว 1,214 85 1,129 79 1,985 2.6 1,936 216 10.ลำพระเพลิง 1097 99 108 98 184 2.7 187 1 11.มูลบน 133 94 126 89 82 0.4 104 8 12.ลำแซะ 233 85 226 82 193 1.2 201 42 13.สิรินธร 1,733 88 902 46 1,664 5.3 1,872 233 14.ป่าสักชลสิทธิ์ 960 100 957 100 2,200 13.4 2,557 - 15.ทับเสลา 167 104 159 99 124 21.3 120 7 16.กระเสียว 192 80 152 63 256 12.2 318 48 17.ศรีนครินทร์ 15,709 89 5,444 31 4,339 59.3 3,577 2,036 18.วชิราลงกรณ 7,167 81 4,155 47 5,369 36.6 5,588 1,693 19.ขุนด่านปราการชล 203 91 198 88 337 0.49 327 21 20.คลองสียัด 389 93 359 85 204 3.7 323 31 21.หนองปลาไหล 170 104 156 95 203 3.4 149 - 22.ประแสร์ 229 92 209 84 295 1.7 282 19 23.รัชชประภา 4,540 81 3,188 57 2,598 8.6 1,937 1,099
2. สภาพน้ำท่า
แม่น้ำปิง สถานี P.7A ที่สะพานบ้านห้วยยาง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร และสถานี P.17 บ้านท่างิ้ว อ.บรรพตพิสัย จ. นครสวรรค์ ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มเพิ่มขึ้น
แม่น้ำวัง สถานี W.4A บ้านวังหมัน อำเภอสามเงา จังหวัดตาก ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มเพิ่มขึ้น
แม่น้ำยม สถานี Y.1C สะพานบ้านน้ำโค้ง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย แนวโน้มลดลง และสถานี Y.17 บ้าน สามง่าม อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มทรงตัว
แม่น้ำน่าน สถานี N.5A สะพานเอกาทศรถ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก และสถานี N.67 สะพานบ้านเกศไชย อำเภอชุมแสง จ. นครสวรรค์ ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มเพิ่มขึ้น
แม่น้ำชี สถานี E.91 บ้านหนองขนอน อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์มาก แนวโน้มลดลง สถานี E.18 บ้านท่าไคร้ อำเภอทุ่งเขาหลวง จังหวัดร้อยเอ็ด และสถานี E.20A บ้านฟ้าหยาด อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ล้น ตลิ่ง แนวโน้มลดลง
แม่น้ำท่าตะเภา สถานี X 158 สะพานบ้านวังครก อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร และสถานีX 180 สะพานเทศบาล 2 อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย แนวโน้มเพิ่มขึ้น
คลองท่าดี สถานี X.55 บ้านท่าใหญ่ อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย แนวโน้มเพิ่มขึ้น
แม่น้ำตรัง สถานี X.56 บ้านประดู่ อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย แนวโน้มเพิ่มขึ้น
แม่น้ำโกลก สถานี X 119 A บ้านปาเสมัส อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย แนวโน้มลดลง
แม่น้ำเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำที่ไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ (C.2) 1,322 ลบ.ม.ต่อวินาที อยู่ในเกณฑ์ปกติ ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อน เจ้าพระยา (C.13) 951 ลบ.ม.ต่อวินาที (เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน) โดยมีระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา +16.60 เมตร.(รทก.) ท้ายเขื่อนเจ้า พระยา +11.08 เมตร.(รทก.) ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ รับน้ำเข้าระบบส่งน้ำทุ่งฝั่งตะวันออก 211 ลบ.ม.ต่อวินาที (ลดลงจากเมื่อวาน) รับน้ำ เข้าระบบส่งน้ำทุ่งฝั่งตะวันตก 373 ลบ.ม.ต่อวินาที (ลดลงจากเมื่อวาน)
สถานีบางไทร (C.29) อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปริมาณน้ำไหลผ่านเฉลี่ย 1,141 ลบ.ม. ต่อวินาที คาดการณ์ ระดับน้ำสูงสุดวันนี้ +1.75 เมตร รทก. เวลา 19.45 น.
อิทธิพลน้ำทะเลในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สะพานพุทธ (C.4) ระดับน้ำสูงสุดเมื่อวานนี้ +1.29 เมตร รทก. เวลา 17.15 น. คาดว่า ระดับน้ำสูงสุดวันนี้ อยู่ที่ระดับ +1.47 เมตร เวลา 16.45 น.
เขื่อนพระรามหก ปิดการระบายน้ำ
ผลกระทบด้านการเกษตร
อุทกภัยช่วงวันที่ 1 กันยายน — 24 ตุลาคม 2551 พื้นที่ประสบภัยรวม 51 จังหวัดได้แก่ ภาคเหนือ 16 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียง เหนือ 18 จังหวัด ภาคกลาง 8 จังหวัด ภาคตะวันออก 7 จังหวัด และภาคใต้ 2 จังหวัด
ด้านพืช 50 จังหวัด เกษตรกร 427,740 ราย พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 4,443,909 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 3,382,310 ไร่ พืชไร่ 947,590 ไร่ พืชสวน 114,009 ไร่ (ข้อมูล 24 ต.ค. 2551)
ด้านปศุสัตว์ 33 จังหวัด เกษตรกร 65,906 ราย สัตว์ได้รับผลกระทบ 3,365,640 ตัว แบ่งเป็น โค-กระบือ 210,728 ตัว สุกร- แพะ-แกะ 34,652 ตัว สัตว์ปีก 3,120,260 ตัว แปลงหญ้า 3,110 ไร่ (ข้อมูล 24 ต.ค. 2551)
ด้านประมง 33 จังหวัด เกษตรกร 69,613 ราย บ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ 70,956 บ่อ คิดเป็นพื้นที่ 88,748 ไร่ กระชังเลี้ยงสัตว์น้ำ 691 กระชัง คิดเป็นพื้นที่ 15,652 ตารางเมตร (ข้อมูล 27 ต.ค. 2551)
การให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตร
1. การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ
กรมชลประทานได้เตรียมความพร้อมเครื่องสูบน้ำเพื่อช่วยเหลืออุทกภัยตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ จำนวน 1,200 เครื่อง ปัจจุบัน ได้ส่งเครื่องสูบน้ำช่วยเหลือไปแล้ว 22 จังหวัด จำนวน 348 เครื่อง เครื่องผลักดันน้ำ 38 เครื่อง ตามจังหวัดต่างๆ ดังนี้
ภาค จังหวัด เครื่องสูบน้ำ (เครื่อง) เครื่องผลักดันน้ำ (เครื่อง) เหนือ 5 32 - พิจิตร(4) กำแพงเพชร(3) พิษณุโลก(6)
เชียงราย(5) น่าน(14)
ต.อ.เฉียงเหนือ 8 167 11 นครราชสีมา(60,ผลักดันน้ำ(11) สกลนคร(5)
หนองคาย(18) ขอนแก่น(14) ชัยภูมิ(4)
มหาสารคาม(50) กาฬสินธุ์(13) นครพนม(3)
กลาง 8 140 27 ชัยนาท(1) อุทัยธานี(3) ลพบุรี(41) สิงห์บุรี( 31)
พระนครศรีอยุธยา(1) อ่างทอง(37)
นครปฐม(ผลักดันน้ำ 20) สุพรรณบุรี(26,ผลักดันน้ำ 7)
ตะวันออก 1 9 - ปราจีนบุรี(9) รวม 22 348 38
2. การสนับสนุนเสบียงสัตว์และดูแลสุขภาพสัตว์
กรมปศุสัตว์สนับสนุนเสบียงสัตว์จำนวน 755,241 กิโลกรัม และดูแลสุขภาพสัตว์ 97,792 ตัว ทั้งนี้ ได้สำรองเสบียงสัตว์ไว้เพื่อช่วย เหลือเกษตรกรที่ประสบภัยเพิ่มเติม โดยมีเสบียงสัตว์คงเหลือ 8,446 ตัน ประกอบด้วย หญ้าแห้ง 4,915 ตัน หญ้าหมัก 162 ตัน และหญ้าสด 3,369 ตัน คิดเป็นมูลค่า 18.44 ล้านบาท ซึ่งหากมีภัยพิบัติเกิดขึ้นอีกคาดว่าจะสามารถให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบได้นานถึงมกราคม 2552
3. สนับสนุนเมล็ดพันธุ์ผัก
กรมส่งเสริมการเกษตร โดยศูนย์ส่งเสริมพัฒนาอาชีพการเกษตร ศูนย์เพาะเลี้ยงพันธุ์พืช จำนวน 10 แห่ง ผลิตต้นกล้าพืชผักจำนวน 1 ล้านต้น แจกจ่ายให้เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแล้ว จำนวน 250,000 ต้น รวมทั้งได้จัดตั้งครัวสายใยรักแห่งครอบครัว เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในจังหวัดลพบุรีและปราจีนบุรี
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 28 ตุลาคม 2551--จบ--