คณะรัฐมนตรีพิจารณาการกู้เงินของสำนักงานธนานุเคราะห์ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ แล้วมีมติเห็นชอบการกู้เงินเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน วงเงิน 500 ล้านบาท และเพื่อเป็นการลงทุนจัดตั้งสถานธนานุเคราะห์แห่งใหม่ วงเงิน 23.78 ล้านบาท รวมวงเงินกู้ 523.78 ล้านบาท
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากคณะกรรมการอำนวยการสำนักงานธนานุเคราะห์ มีนโยบายให้สำนักงานธนานุเคราะห์ช่วยเหลือประชาชนในการให้บริการรับจำนำและปรับลดอัตราดอกเบี้ย ดังนี้
1. ขยายวงเงินรับจำนำประเภทรูปเบ็ดเตล็ด จากรายการละไม่เกิน 12,000 บาท เป็นรายการละไม่เกิน 20,000 บาท และประเภททองเพชรรูปพรรณ ขยายจากรายการละไม่เกิน 40,000 บาท เป็นรายการละไม่เกิน 50,000 บาท ทั้งนี้ เมื่อรวมกันทุกรายการแล้วจะต้องไม่เกินวงเงิน 500,000 บาท ต่อหนึ่งรายต่อหนึ่งวัน
2. ขยายอัตราการรับจำนำทองรูปพรรณ จากเดิมอัตรารับจำนำไม่เกินร้อยละ 85 เป็นอัตรารับจำนำไม่เกินร้อยละ 87.50
3. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยรับจำนำในช่วงเปิดภาคการศึกษาประจำปี 2548 จากเดิมเงินต้นไม่เกิน 3,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 0.75 บาท และเงินต้นเกิน 3,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อเดือน เป็นเงินต้นไม่เกิน 7,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 0.50 บาท และเงินต้นเกิน7,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อเดือน
4. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยรับจำนำ จากเดิมเงินต้นไม่เกิน 3,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 0.75 บาท และเงินต้นเกิน 3,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อเดือน เป็นเงินต้นไม่เกิน 5,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 0.75 บาท และเงินต้นเกิน 5,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อเดือน เป็นระยะเวลาอีก 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2548
จากการขยายวงเงินและขยายอัตราการรับจำนำ และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยรับจำนำอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งปัจจัยด้านราคาทองคำที่สูงขึ้น ส่งผลให้มีประชาชนมาใช้บริการรับจำนำเพิ่มและวงเงินที่รับจำนำได้สูงขึ้นด้วย ประกอบสำนักงานธนานุเคราะห์มีแผนการลงทุนขยายสถานธนานุเคราะห์แห่งใหม่ประจำปีงบประมาณ 2549 ซึ่งจะต้องดำเนินการลงทุนตั้งแต่ต้นปี เพื่อสามารถเบิกจ่ายเงินลงทุนได้ทันภายในปีงบประมาณ สำนักงานธนานุเคราะห์จึงจำเป็นต้องดำเนินการกู้เงินเพื่อเป็นการลงทุนในการจัดตั้งสถานธนานุเคราะห์แห่งใหม่ วงเงิน 23.78 ล้านบาท และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรับจำนำ วงเงิน 500 ล้านบาท รวมวงเงินกู้ 523.78 ล้านบาท ซึ่งในการกู้เงินดังกล่าว ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 25 ตุลาคม 2548--จบ--
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากคณะกรรมการอำนวยการสำนักงานธนานุเคราะห์ มีนโยบายให้สำนักงานธนานุเคราะห์ช่วยเหลือประชาชนในการให้บริการรับจำนำและปรับลดอัตราดอกเบี้ย ดังนี้
1. ขยายวงเงินรับจำนำประเภทรูปเบ็ดเตล็ด จากรายการละไม่เกิน 12,000 บาท เป็นรายการละไม่เกิน 20,000 บาท และประเภททองเพชรรูปพรรณ ขยายจากรายการละไม่เกิน 40,000 บาท เป็นรายการละไม่เกิน 50,000 บาท ทั้งนี้ เมื่อรวมกันทุกรายการแล้วจะต้องไม่เกินวงเงิน 500,000 บาท ต่อหนึ่งรายต่อหนึ่งวัน
2. ขยายอัตราการรับจำนำทองรูปพรรณ จากเดิมอัตรารับจำนำไม่เกินร้อยละ 85 เป็นอัตรารับจำนำไม่เกินร้อยละ 87.50
3. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยรับจำนำในช่วงเปิดภาคการศึกษาประจำปี 2548 จากเดิมเงินต้นไม่เกิน 3,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 0.75 บาท และเงินต้นเกิน 3,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อเดือน เป็นเงินต้นไม่เกิน 7,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 0.50 บาท และเงินต้นเกิน7,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อเดือน
4. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยรับจำนำ จากเดิมเงินต้นไม่เกิน 3,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 0.75 บาท และเงินต้นเกิน 3,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อเดือน เป็นเงินต้นไม่เกิน 5,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 0.75 บาท และเงินต้นเกิน 5,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อเดือน เป็นระยะเวลาอีก 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2548
จากการขยายวงเงินและขยายอัตราการรับจำนำ และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยรับจำนำอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งปัจจัยด้านราคาทองคำที่สูงขึ้น ส่งผลให้มีประชาชนมาใช้บริการรับจำนำเพิ่มและวงเงินที่รับจำนำได้สูงขึ้นด้วย ประกอบสำนักงานธนานุเคราะห์มีแผนการลงทุนขยายสถานธนานุเคราะห์แห่งใหม่ประจำปีงบประมาณ 2549 ซึ่งจะต้องดำเนินการลงทุนตั้งแต่ต้นปี เพื่อสามารถเบิกจ่ายเงินลงทุนได้ทันภายในปีงบประมาณ สำนักงานธนานุเคราะห์จึงจำเป็นต้องดำเนินการกู้เงินเพื่อเป็นการลงทุนในการจัดตั้งสถานธนานุเคราะห์แห่งใหม่ วงเงิน 23.78 ล้านบาท และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรับจำนำ วงเงิน 500 ล้านบาท รวมวงเงินกู้ 523.78 ล้านบาท ซึ่งในการกู้เงินดังกล่าว ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 25 ตุลาคม 2548--จบ--