เรื่อง ขอความเห็นชอบร่างนโยบายการพัฒนามาตรการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายของประเทศไทยให้เป็นมาตรฐานสากล
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างนโยบายการพัฒนามาตรการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายของประเทศไทยให้เป็นมาตรฐานสากลของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
1. นโยบายการพัฒนากฎหมายและระเบียบที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
1.1 พิจารณาจัดทำแผนแม่บทพัฒนามาตรการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายของประเทศไทยให้เป็นมาตรฐานสากล
1.2 พิจารณาทบทวน ปรับปรุง แก้ไข หรือยกร่างกฎหมายและระเบียบภายในประเทศเพื่อให้สัตยาบันหรืออนุวัติการตามอนุสัญญาหรือพิธีสารระหว่างประเทศที่เกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและเพื่อให้รองรับมาตรฐานสากลของ FATF
1.3 กำหนดองค์กรรับผิดชอบ รวมทั้งอำนาจหน้าที่ที่ชัดเจนในการกำกับดูแลเพื่อวัตถุประสงค์ในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย
1.4 หน่วยกำกับดูแลแต่ละภาคส่วนต้องเร่งออกมาตรการหลักเกณฑ์ และแนวทางในการปฏิบัติในการกำกับดูแลสถาบันการเงินทั้งภาคธนาคาร ภาคหลักทรัพย์ และภาคประกันภัย รวมทั้งหน่วยธุรกิจหรือผู้ประกอบวิชาชีพที่ไม่ใช่สถาบันการเงินตามที่กำหนดให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย
2. นโยบายเชิงป้องกัน
2.1 ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงระบบการใช้จ่ายเงินของประชากรที่เน้นการใช้เงินสดให้ผ่านระบบธนาคารมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิผลในการตรวจสอบและป้องกันการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย
2.2 เสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และปลูกจิตสำนึกของภาคประชาชนให้ตระหนักถึงภัยจากการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและส่งเสริมให้มีส่วนร่วมกับภาครัฐในการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว
2.3 สนับสนุนองค์กรกลางด้านวิชาชีพและธุรกิจเอกชนที่เป็นผู้ประกอบวิชาชีพที่ไม่ใช่สถาบันการเงินตามที่กำหนดให้มีส่วนร่วมและบทบาทสำคัญในการร่วมผลักดันยกระดับการดำเนินธุรกิจให้ได้มาตรฐานสากล
2.4 ให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นหน่วยงานกลางในการสร้างองค์ความรู้ในด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย
2.5 พัฒนาระบบฐานข้อมูล เช่น ระบบฐานข้อมูลและเทคโนโลยีสารสนเทศต่าง ๆ เพื่อรับงานด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย
3. นโยบายการปราบปรามที่มีประสิทธิภาพ
3.1 เข้มงวดกับการบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมและปราบปรามผู้กระทำความผิดและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย โดยดำเนินมาตรการทางกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด รวดเร็ว และเป็นธรรม
3.2 ปรับกระบวนการทำงานของหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายให้มีศักยภาพ และเป็นเครือข่ายในการสืบสวนปราบปราม
3.3 พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้ทันสมัยเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการสืบหา รวบรวมข้อมูลหลักฐานในการสืบสวนทางการเงิน สืบหา และยึด/อายัดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและการก่อการร้าย
3.4 พัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินการด้านการข่าวและจัดระบบการประสานงานการข่าวให้สามารถวิเคราะห์ข่าวเชิงลึกและนำมาใช้ในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย
3.5 มีมาตรการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ที่มีหน้าที่ในการรายงานธุรกรรม และประชาชนผู้ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย
3.6 ส่งเสริมและพัฒนากองทุนการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการ การปฏิบัติงาน และอุปกรณ์เพื่อรองรับการปฏิบัติงานของส่วนราชการ และส่งเสริมสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ
3.7 ส่งเสริมกระบวนการพัฒนาสรรหาบุคลากรที่มีความชำนาญและเชี่ยวชาญเฉพาะ โดยเพิ่มค่าตอบแทนในการปฏิบัติงานเพื่อจูงใจบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถในการเข้ารับราชการ
3.8 พัฒนาบุคลากรโดยการจัดฝึกอบรมทักษะความรู้ด้านต่างๆ ให้แก่เจ้าหน้าที่อย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง โดยเน้นความสำคัญแก่เจ้าหน้าที่ในต่างจังหวัด
4. นโยบายการสร้างความร่วมมือทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ
4.1 ร่วมมือกับประชาคมระหว่างประเทศ ทั้งในรูปทวิภาคีและพหุภาคี
4.2 ทุกองค์กรในภาครัฐให้ความร่วมมือซึ่งกันและกันในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายโดยมีการประสานแผน การส่งข้อมูลข่าวสาร การจัดให้มีระบบการประสานงาน
4.3 ส่งเสริมให้ภาคเอกชนและภาคประชาชนมีส่วนร่วมกับภาครัฐในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย โดยมีมาตรการคุ้มครองผู้สนับสนุนช่วยเหลือภารกิจของราชการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 11 พฤศจิกายน 2551--จบ--