คณะรัฐมนตรีรับทราบการลงนามบันทึกความเข้าใจการพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำฮัจจีตามที่กระทรวงพลังงานเสนอดังนี้
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กับ Sinohydro Corporation ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจการศึกษาและพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำฮัจจี (MOU on Hutgyi Hydropower Project) เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2549 ณ People’s Hall จตุรัสเทียนอันเหมิน กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยฝ่ายไทยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นสักขีพยาน และฝ่ายจีนมีรองประธานกรรมาธิการพัฒนาแห่งชาติ (H.E. Zhang Guabac) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงทรัพยากรน้ำ (H.E. Zhai Hauhui) ผู้แทนจากกระทรวงพาณิชย์ และผู้แทนจากสถาบันการเงินของสาธารณรัฐประชาชนจีนร่วมเป็นสักขีพยานการลงนาม ซึ่งโครงการไฟฟ้าพลังน้ำฮัจจีนับเป็นโครงการสำคัญโครงการหนึ่งภายใต้กรอบความร่วมมือพุกาม (Bugan Declaration) ที่นายกรัฐมนตรีได้ร่วมลงนามกับผู้นำสูงสุดอีก 5 ประเทศ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2546 ณ เมืองพุกาม สหภาพพม่า ที่จะร่วมมือกันในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมโดยเฉพาะการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและประโยชน์สูงสุดของอนุภูมิภาคโดยบันทึกความเข้าใจ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. เรื่องเดิม
1.1 กระทรวงพลังงานได้ประสานความร่วมมือกับกระทรวงไฟฟ้า และกระทรวงพลังงานของสหภาพพม่าอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันความร่วมมือดังกล่าวให้เป็นรูปธรรมและได้มีการจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพลังงานของไทยและกระทรวงไฟฟ้าของสหภาพพม่าเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2548 และต่อมาเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2548 ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันในการพัฒนาลุ่มน้ำสาละวินและตะนาวศรี ศักยภาพรวมประมาณ 17,000 เมกกะวัตต์ (MOA on the Thaniwin and Tanintharyi river basins) ระหว่าง กฟผ. กับกรมไฟฟ้าพลังน้ำของสหภาพพม่า
1.2 ความร่วมมือดังกล่าวข้างต้น รัฐบาลไทยและรัฐบาลพม่าได้ตกลงร่วมกันในการพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำฮัจจีในลุ่มน้ำสาละวินกำลังผลิตประมาณ 1,000 — 1,200 เมกกะวัตต์เป็นลำดับแรก และมอบหมายให้ กฟผ. เป็นผู้ดำเนินการและหาผู้ร่วมลงทุนโครงการ
1.3 การจัดหาผู้ร่วมลงทุนพัฒนาและดำเนินโครงการฮัจจี กระทรวงพลังงาน กฟผ. ตลอดจนกระทรวงไฟฟ้า 1 ของสหภาพพม่า มีความเห็นร่วมกันว่า Sinohydro บริษัทรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่จากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีความพร้อมทั้งด้านแหล่งเงินทุนและประสบการณ์ทางเทคนิคด้านไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ที่จะช่วยให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกัน ตลอดจนความสามารถถ่ายทอดเทคโนโลยี ประสบการณ์ และความชำนาญในการก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าขนาดใหญ่ให้แก่บุคลากรของ กฟผ. และพม่าได้
2. วัตถุประสงค์
ร่วมกันศึกษาและพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำฮัจจีทั้งความเหมาะสมด้านวิศวกรรม การลงทุน ผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปสู่การก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำและสามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตร อุปโภคบริโภค สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนให้กับประชาชนทั้งสองฝ่ายให้ดีขึ้น
3. สาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจ
3.1 กฟผ. และ Sinohydro ตกลงร่วมกันที่จะศึกษาและพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำฮัจจี โดยในขั้นแรกกำหนดเร่งศึกษาความเหมาะสมทางด้านเทคนิคและการลงทุนโครงการไฟฟ้าพลังน้ำฮัจจีให้แล้วเสร็จภายใน 10 เดือน และจะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อเป็นกลไกในการบริหารจัดการ
3.2 กฟผ. เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ SINOHYDRO และรัฐบาลพม่าเป็นผู้ถือหุ้นลำดับ 2 และ 3 ตามลำดับ ทั้งนี้สัดส่วนการถือหุ้นจะมีการพิจารณาร่วมกันทั้งสามฝ่ายอีกครั้งหนึ่ง
3.3 แหล่งเงินกู้ : กฟผ. และ Sinohydro จะร่วมกันพิจารณาและจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ โดยเฉพาะแหล่งเงินกู้จากสาธารณรัฐประชาชนจีน
3.4 กฎหมาย : ใช้กฎหมายไทยเป็นหลัก
3.5 ภายหลังการลงนาม MOU ให้มีการจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติม (Joint Development Agreement) ให้แล้วเสร็จภายใน 10 เดือน และนำไปสู่การลงทุนก่อสร้างต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 4 กรกฎาคม 2549--จบ--
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กับ Sinohydro Corporation ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจการศึกษาและพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำฮัจจี (MOU on Hutgyi Hydropower Project) เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2549 ณ People’s Hall จตุรัสเทียนอันเหมิน กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยฝ่ายไทยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นสักขีพยาน และฝ่ายจีนมีรองประธานกรรมาธิการพัฒนาแห่งชาติ (H.E. Zhang Guabac) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงทรัพยากรน้ำ (H.E. Zhai Hauhui) ผู้แทนจากกระทรวงพาณิชย์ และผู้แทนจากสถาบันการเงินของสาธารณรัฐประชาชนจีนร่วมเป็นสักขีพยานการลงนาม ซึ่งโครงการไฟฟ้าพลังน้ำฮัจจีนับเป็นโครงการสำคัญโครงการหนึ่งภายใต้กรอบความร่วมมือพุกาม (Bugan Declaration) ที่นายกรัฐมนตรีได้ร่วมลงนามกับผู้นำสูงสุดอีก 5 ประเทศ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2546 ณ เมืองพุกาม สหภาพพม่า ที่จะร่วมมือกันในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมโดยเฉพาะการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและประโยชน์สูงสุดของอนุภูมิภาคโดยบันทึกความเข้าใจ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. เรื่องเดิม
1.1 กระทรวงพลังงานได้ประสานความร่วมมือกับกระทรวงไฟฟ้า และกระทรวงพลังงานของสหภาพพม่าอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันความร่วมมือดังกล่าวให้เป็นรูปธรรมและได้มีการจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพลังงานของไทยและกระทรวงไฟฟ้าของสหภาพพม่าเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2548 และต่อมาเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2548 ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันในการพัฒนาลุ่มน้ำสาละวินและตะนาวศรี ศักยภาพรวมประมาณ 17,000 เมกกะวัตต์ (MOA on the Thaniwin and Tanintharyi river basins) ระหว่าง กฟผ. กับกรมไฟฟ้าพลังน้ำของสหภาพพม่า
1.2 ความร่วมมือดังกล่าวข้างต้น รัฐบาลไทยและรัฐบาลพม่าได้ตกลงร่วมกันในการพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำฮัจจีในลุ่มน้ำสาละวินกำลังผลิตประมาณ 1,000 — 1,200 เมกกะวัตต์เป็นลำดับแรก และมอบหมายให้ กฟผ. เป็นผู้ดำเนินการและหาผู้ร่วมลงทุนโครงการ
1.3 การจัดหาผู้ร่วมลงทุนพัฒนาและดำเนินโครงการฮัจจี กระทรวงพลังงาน กฟผ. ตลอดจนกระทรวงไฟฟ้า 1 ของสหภาพพม่า มีความเห็นร่วมกันว่า Sinohydro บริษัทรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่จากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีความพร้อมทั้งด้านแหล่งเงินทุนและประสบการณ์ทางเทคนิคด้านไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ที่จะช่วยให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกัน ตลอดจนความสามารถถ่ายทอดเทคโนโลยี ประสบการณ์ และความชำนาญในการก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าขนาดใหญ่ให้แก่บุคลากรของ กฟผ. และพม่าได้
2. วัตถุประสงค์
ร่วมกันศึกษาและพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำฮัจจีทั้งความเหมาะสมด้านวิศวกรรม การลงทุน ผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปสู่การก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำและสามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตร อุปโภคบริโภค สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนให้กับประชาชนทั้งสองฝ่ายให้ดีขึ้น
3. สาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจ
3.1 กฟผ. และ Sinohydro ตกลงร่วมกันที่จะศึกษาและพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำฮัจจี โดยในขั้นแรกกำหนดเร่งศึกษาความเหมาะสมทางด้านเทคนิคและการลงทุนโครงการไฟฟ้าพลังน้ำฮัจจีให้แล้วเสร็จภายใน 10 เดือน และจะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อเป็นกลไกในการบริหารจัดการ
3.2 กฟผ. เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ SINOHYDRO และรัฐบาลพม่าเป็นผู้ถือหุ้นลำดับ 2 และ 3 ตามลำดับ ทั้งนี้สัดส่วนการถือหุ้นจะมีการพิจารณาร่วมกันทั้งสามฝ่ายอีกครั้งหนึ่ง
3.3 แหล่งเงินกู้ : กฟผ. และ Sinohydro จะร่วมกันพิจารณาและจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ โดยเฉพาะแหล่งเงินกู้จากสาธารณรัฐประชาชนจีน
3.4 กฎหมาย : ใช้กฎหมายไทยเป็นหลัก
3.5 ภายหลังการลงนาม MOU ให้มีการจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติม (Joint Development Agreement) ให้แล้วเสร็จภายใน 10 เดือน และนำไปสู่การลงทุนก่อสร้างต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 4 กรกฎาคม 2549--จบ--