คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการกำหนดนโยบายและมาตรการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ปี 2552 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย
กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า ในคราวประชุมคณะกรรมการนโยบายอาหาร เมื่อวันที่ 14 และ 17 พฤศจิกายน 2551 ได้มีมติเห็นชอบให้กำหนดนโยบายและมาตรการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ปี 2552 ดังนี้
1. กากถั่วเหลือง
1.1 การนำเข้าภายใต้ WTO
1.1.1 อากรนำเข้าในโควตาปรับลดจากอัตราร้อยละ 4 เหลือร้อยละ 2 เพื่อลดภาระต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์แก่เกษตรกรและผู้มีสิทธินำเข้า ได้แก่ ผู้มีสิทธินำเข้าเดิมประกอบด้วย 7 สมาคม (สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย สมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย สมาคมผู้เลี้ยงไก่เนื้อเพื่อการส่งออก สมาคมผู้เลี้ยงเป็ดเพื่อการค้าและการส่งออก สมาคมปศุสัตว์ไทย สมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และสมาคมส่งเสริมผู้ใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์) และมีเงื่อนไขให้ผู้มีสิทธินำเข้าต้องรับซื้อกากถั่วเหลืองที่ผลิตจากเมล็ดถั่วเหลืองในประเทศของโรงงานสกัดน้ำมันพืชทั้งหมด ในราคาไม่ต่ำกว่าขั้นต่ำที่กำหนด ซึ่งกำหนดสอดคล้องกับราคาเมล็ดถั่งเหลืองเกรดสกัดน้ำมันตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) กำหนด โดยผู้มีสิทธินำเข้าต้องทำสัญญาการปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวไว้กับ พณ.และ กษ.
1.1.2 อากรนำเข้านอกโควตาร้อยละ 119
1.2 การนำเข้าภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) กำหนดอากรนำเข้าร้อยละ 5
1.3 การนำเข้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไทย - ออสเตรเลีย ไทย- นิวซีแลนด์ (FTA) และความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) กำหนดอากรนำเข้าร้อยละ 0
1.4 การนำเข้าทั่วไป กำหนดอากรนำเข้าร้อยละ 6 และค่าธรรมเนียมพิเศษ ตันละ 2,519 บาท ทั้งนี้ การนำเข้าตามข้อ 1.1 — 1.4 ให้นำเข้าได้ไม่จำกัดปริมาณและช่วงเวลานำเข้า
2. ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
2.1 การนำเข้าภายใต้ WTO
2.1.1 กำหนดอากรนำเข้าในโควตาร้อยละ 20 ปริมาณโควตา 54,700 ตัน ตามที่ผูกพัน โดยให้องค์การคลังสินค้าเป็นผู้นำเข้า และกำหนดระยะเวลานำเข้าระหว่างวันที่ 1 มีนาคมถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2552
2.1.2 อากรนำเข้านอกโควตาร้อยละ 73 และค่าธรรมเนียมพิเศษตันละ 180 บาท
2.2 การนำเข้าภายใต้ AFTA กำหนดอากรนำเข้าร้อยละ 5 หรือกิโลกรัมละ 2.75 บาท
2.3 การนำเข้าตามความตกลงการค้าเสรีไทย-นิวซีแลนด์ (FTA) ตามความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) กำหนดอากรนำเข้าร้อยละ 0
2.4 การนำเข้าตามความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (FTA) กำหนดอากรนำเข้าในโควตาร้อยละ 14.67 ปริมาณโควตา 6,648.82 ตัน โดยให้องค์การคลังสินค้าเป็นผู้นำเข้าระหว่างวันที่ 1 มีนาคมถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2552 และอากรนำเข้านอกโควตาร้อยละ 65.70
2.5 การนำเข้าตามยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy : ACMECS) หรือประเทศสมาชิกใหม่อาเซียน กำหนดอากรนำเข้าร้อยละ 0 ผู้มีสิทธินำเข้าต้องจดทะเบียนเป็นผู้นำเข้ากับกรมการค้าต่างประเทศ และให้มีการกำกับดูแลการนำเข้าอย่างเข้มงวดตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด
2.6 การนำเข้าทั่วไป กำหนดอากรนำเข้ากิโลกรัมละ 2.75 บาทและค่าธรรมเนียมพิเศษตันละ 1,000 บาท
ทั้งนี้ การนำเข้าตามข้อ 2.1-2.6 นอกเหนือจากในโควตาให้นำเข้าได้ไม่จำกัดปริมาณและช่วงเวลานำเข้า
3. ปลาป่น
การนำเข้าภายใต้ AFTA และการนำเข้าทั่วไปคงอัตราอากรนำเข้าเท่ามาตรการปี 2551 (อากรนำเข้าร้อยละ 5 และร้อยละ 15 ตามลำดับ) สำหรับการนำเข้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรี FTA ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) อัตราอากรนำเข้าปรับลดตามข้อผูกพัน ดังนี้
3.1 ปลาป่นโปรตีน 60% ขึ้นไปให้นำเข้าโดยไม่จำกัดปริมาณและช่วงเวลานำเข้า โดย
3.1.1 การนำเข้าตามความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (FTA) กำหนดอากรนำเข้าร้อยละ 3
3.1.2 การนำเข้าตามความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน กำหนดอากรนำเข้าร้อยละ 5
3.1.3 การนำเข้าทั่วไป กำหนดอากรนำเข้าร้อยละ 15
3.2 ปลาป่นโปรตีนต่ำกว่า 60% เป็นสินค้าต้องขออนุญาตนำเข้า โดย
3.2.1 การนำเข้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (FTA)และการนำเข้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน กำหนดอากรนำเข้าร้อยละ0
3.2.2 การนำเข้าทั่วไป กำหนดอากรนำเข้าร้อยละ 6
3.3 ปลาป่นทุกชนิดโปรตีน
3.3.1 การนำเข้าภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA)กำหนดอากรนำเข้าร้อยละ 5
3.3.2 การนำเข้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไทย-นิวซีแลนด์ กำหนดอากรนำเข้า ร้อยละ 3
3.3.3 การนำเข้าตามความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2552 กำหนดอัตราอากรนำเข้าร้อยละ 6.67 และร้อยละ 5 ช่วงเดือนเมษายน-ธันวาคม 2552
ทั้งนี้ ที่ประชุมมอบหมายให้กระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากรดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลังเพื่อลด/ยกเว้นอัตราอากรขาเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ดังกล่าว ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมถึง วันที่ 31 ธันวาคม 2552
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 25 พฤศจิกายน 2551--จบ--