คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สรุปความเสียหายจากอุทกภัยโคลนถล่มภาคเหนือและการให้ความช่วยเหลือ (ครั้งที่ 3) ดังนี้
1. สรุปสถานการณ์อุทกภัย 5 จังหวัดภาคเหนือ (ระหว่างวันที่ 22 พ.ค. - 19 มิ.ย. 2549)
1.1 พื้นที่ประสบภัย รวม 5 จังหวัด 26 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ 171 ตำบล 1,200 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดอุตรดิตถ์ สุโขทัย แพร่ ลำปาง และน่าน
1.2 ความเสียหาย
1) ผู้เสียชีวิต 87 คน จังหวัดอุตรดิตถ์ 75 คน (ลับแล 23 คน ท่าปลา 29 คน เมือง 23 คน) จังหวัดสุโขทัย 7 คน (ศรีสัชนาลัย 6 คน ศรีสำโรง 1 คน) และจังหวัดแพร่ 5 คน (เมือง) สูญหาย 29 คน จังหวัดอุตรดิตถ์ 28 คน (ลับแล 4 คน ท่าปลา 24 คน) และจังหวัดสุโขทัย 1 คน (ศรีสัชนาลัย) ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 352,016 คน 108,542 ครัวเรือน อพยพ 10,601 คน
2) บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 708 หลัง (จ.อุตรดิตถ์ 483 หลัง จ.แพร่ 135 หลัง จ.สุโขทัย 89 หลัง และ จ.น่าน 1 หลัง) บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 3,979 หลัง (จ.อุตรดิตถ์ 3,478 หลัง จ.สุโขทัย 156 หลัง และ จ.แพร่ 345 หลัง )
3) ด้านทรัพย์สิน ถนน 1,028 สาย สะพาน 176 แห่ง พื้นที่การเกษตร 714,793 ไร่ วัด/โรงเรียน/สถานที่ราชการ 226 แห่ง พนังกั้นน้ำ 15 แห่ง ท่อระบายน้ำ 314 แห่ง ทำนบ/ฝาย/เหมือง 245 แห่ง บ่อปลา/กุ้ง/ตะพาบ 5,345 บ่อ ปศุสัตว์ 76,610 ตัว สัตว์ปีก 260,148 ตัว
4) มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 308,615,331.- บาท (ไม่รวมความเสียหายบ้านเรือนและทรัพย์สินของราษฎร)
2. สถานการณ์ปัจจุบัน
2.1 พื้นที่ที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแพร่ ลำปาง น่าน และอุตรดิตถ์
2.2 พื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์ ได้แก่ จังหวัดสุโขทัย ในพื้นที่อำเภอกงไกรลาศ ยังคงมีน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตรใน 6 ตำบล 34 หมู่บ้าน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-1.00 เมตร ตำบลกง(หมู่ที่ 1-13) ตำบลไกรนอก (หมู่ที่ 7,8) ตำบลบ้านใหม่สุขเกษม(หมู่ที่ 8) ตำบลท่าฉนวน(หมู่ที่ 1-12) ตำบลกกแรด(หมู่ที่ 6,12) ตำบลหนองตูม (หมู่ที่ 2,3,4,5) น้ำที่ท่วมขังในพื้นที่การเกษตรยังคงเน่าเสีย ส่วนบ้านเรือนประชาชนในเขตชุมชนเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว
3. สรุปการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
3.1 ได้จัดสร้างเต็นท์พักอาศัยชั่วคราวเสร็จแล้ว จำนวน 130 หลัง ให้แก่ผู้ประสบภัยที่
(1) เทศบาลตำบลหัวดง อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ จำนวน 80 หลัง
(2) ตำบลบ้านด่านนาขาม อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ จำนวน 13 หลัง
(3) บ้านน้ำต๊ะ ตำบลน้ำหมัน อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ จำนวน 7 หลัง
(4) ตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย จำนวน 30 หลัง
3.2 การเตรียมพื้นที่รองรับการสร้างบ้านพักถาวรใน 3 จังหวัด
การก่อสร้างบ้านประกอบสำเร็จรูป (บ้านน็อคดาวน์) มูลนิธิไทยคมจะเริ่มดำเนินการ ในพื้นที่ที่มีความพร้อมแล้ว โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองร่วมกับกรมที่ดินจัดวางผังหมู่บ้าน/ชุมชนให้มีความเหมาะสมและมีพื้นที่ใช้สอยส่วนกลาง ดังนี้
(1) จังหวัดแพร่ ที่อำเภอสูงเม่น จำนวน 23 หลัง ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ สำหรับอำเภอเมือง และอำเภอเด่นชัย อยู่ระหว่างดำเนินการจัดหาที่ดิน
(2) จังหวัดอุตรดิตถ์ จำนวน 175 หลัง (อำเภอเมือง 10 หลัง อำเภอลับแล 117 หลัง และอำเภอท่าปลา 48 หลัง) โดยได้จัดเตรียมที่ดินรองรับเบื้องต้นแล้ว ดังนี้ ในที่ดินที่ของนิคมสร้างตนเองลำน้ำน่าน อ.ท่าปลา 2 แปลง 628 ไร่ ที่ดินสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ อ.เมืองฯ และลับแล ซึ่งเตรียมไว้ 4 แปลง เนื้อที่ประมาณ 873 ไร่
(3) จังหวัดสุโขทัย จำนวน 15 หลัง (อำเภอศรีสัชนาลัย) ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ต.บ้านตึก
นอกจากนี้ให้การประปาส่วนภูมิภาคและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคดำเนินการวางระบบสาธารณูปการในพื้นที่ที่มีความพร้อมเพื่อให้พร้อมรองรับเมื่อการสร้างบ้านแล้วเสร็จ สามารถอพยพผู้ประสบภัยเข้าอยู่อาศัย ในชุมชน/หมู่บ้านใหม่ได้ทันที
3.3 การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคเหนือ ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546
(1) ด้านการช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็นเงิน 52,673,523 บาท แยกได้ดังนี้
- ค่าด้านการจัดการศพ จำนวน 79 ราย เป็นเงิน 1,770,000 บาท
- ค่าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ จำนวน 1,043 ราย เป็นเงิน 2,191,000 บาท
- ค่าที่อยู่อาศัย จำนวน 1,005 ราย เป็นเงิน 22,152,671 บาท
- ค่าเครื่องมือ/ทุนประกอบอาชีพ จำนวน 198 ราย เป็นเงิน 1,334,400 บาท
- ค่าเครื่องนุงห่ม จำนวน 408 ราย เป็นเงิน 292,500 บาท
- ค่าอาหารจัดเลี้ยง จำนวน 154,827 ราย เป็นเงิน 14,955,000 บาท
- ค่าอื่นๆ เป็นเงิน 9,977,952 บาท
(2) ด้านป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นเงิน 16,487,090 บาท
(3) ด้านการปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็นเงิน 6,184,999 บาท
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 75,345,612 บาท
3.4 ผลการปฏิบัติงานในพื้นที่ต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ ดังนี้
(1) จังหวัดอุตรดิตถ์
- เปิดเส้นทาง บ้านท้องลับแล หมู่ที่ 7 ตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล ระยะทาง 100 ม. บ้านต้นงั่ว ตำบลแม่พูล อำเภอลับแล ระยะทาง 15 กม. และเปิดทางลำลองริมน้ำ บริเวณปากน้ำรี ตำบลนางพญา อำเภอท่าปลา ระยะทาง 4 กม.
- เปิดทางบ้านนารี หมู่ที่ 3 ตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล ระยะทาง 7 กม.
- เปิดทางบ้านหัวนา ตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล ระยะทาง 1.5 กม.
- เปิดทางในเขตเทศบาลตำบลหัวดง อำเภอลับแล ระยะทาง 16 กม.
- ตักเลนและล้างถนน บ้านต้นม่วง หมู่ที่ 1 ตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล
- ปรับสภาพพื้นที่และเปิดเส้นทาง บ้านน้ำต๊ะ ตำบลน้ำหมัน อำเภอท่าปลา ระยะทาง 2.8 กม.
- ถมดินสนามโรงเรียน บ้านน้ำต๊ะ ตำบลน้ำหมัน อำเภอท่าปลา พื้นที่ 1,600 ลบ.ม.
- จ่ายน้ำให้กับ ตำบลหัวดง ตำบลแม่พูล ตำบลด่านนาขาม จำนวน 1,944,000 ลิตร
(2) จังหวัดแพร่
- ปรับสภาพพื้นที่และเปิดเส้นทาง หมู่ที่ 4 ตำบลบ้านกวาง อำเภอสูงเม่น ระยะทาง 8 กม.
- ปรับพื้นที่สร้างบ้าน หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านกวาง อำเภอสูงเม่น พื้นที่จำนวน 12 ไร่
- ปรับสภาพพื้นที่เพื่อสร้างบ้านน๊อคดาวน์ พื้นที่ 10 ไร่ ถมคอสะพานและเปิดเส้นทาง หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านกวาง อำเภอสูงเม่น ระยะทาง 4 กม.
- ปรับสภาพพื้นที่จำนวน 8 ไร่ และเปิดเส้นทางบ้านใน หมู่ที่ 6 ตำบลช่อแฮ อำเภอเมือง ระยะทาง 3 กม.
- ปรับสภาพพื้นที่จำนวน 5 ไร่ หมู่ที่ 9 ตำบลช่อแฮ อำเภอเมือง และเปิดเส้นทาง บ้านน้ำจอม หมู่ที่ 8 ตำบลช่อแฮ อำเภอเมือง ระยะทาง 2 กม.
(3) จังหวัดสุโขทัย
- ปรับสภาพพื้นที่ 12 ไร่ เพื่อปลูกสร้างบ้านเรือน และเปิดเส้นทาง บ้านแม่คุ หมู่ที่ 8 อำเภอศรีสัชนาลัย ระยะทาง 10 กม.
- เป่าล้างบ่อบาดาลและพัฒนาบ่อน้ำตื้น จำนวน 23 บ่อ
- เป่าล้างบ่อบาดาลและซ่อมแซมเครื่องสูบน้ำจำนวน 8 บ่อ
- ช่วยเหลือขนย้ายผู้ประสบภัย แจกจ่ายน้ำอุปโภค-บริโภค ที่อำเภอเมือง 544,000 ลิตร
4. สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก
เนื่องจากน้ำในแม่น้ำยมไหลจากจังหวัดสุโขทัยลงมา ทำให้น้ำในแม่น้ำยมสูงขึ้นนั้น ขณะนี้น้ำยังคงท่วมบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่ทางการเกษตรในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางระกำ และอำเภอพรหมพิราม
4.1 อำเภอบางระกำ ยังคงมีน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตร จำนวน 5 ตำบล ได้แก่ ตำบลชุมแสงสงคราม ตำบลคุยม่วง ตำบลท่านางงาม ตำบลบางระกำ และตำบลบึงกอก ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20 เมตร ระดับน้ำทรงตัว ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 6,862 คน 2,288 ครัวเรือน พื้นที่ทางการเกษตรเสียหาย 97,611 ไร่ ในขณะนี้น้ำที่ท่วมขังยังคงเน่าเสียและมีกลิ่นเหม็น
4.2 อำเภอพรหมพิราม น้ำที่ท่วมขังในพื้นที่การเกษตร 7 ตำบล 21 หมู่บ้าน ได้แก่ ตำบลศรีภิรมย์ ตำบลวังวน ตำบลท่าช้าง ตำบลตลุกเทียม ตำบลพรหมพิราม ตำบลหนองแขม และตำบลวงฆ้อง ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10 เมตร ระดับน้ำลดลงเล็กน้อย ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 1,109 ราย พื้นที่ทางการเกษตรเสียหาย 27,740 ไร่
สรุปจังหวัดพิษณุโลก บ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม รวม 3 อำเภอ 20 ตำบล 89 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 8,480 คน 2,388 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตร 137,730 ไร่ ถนน 46 สาย บ่อปลา 730 บ่อ ปลากระชัง 158 กระชัง สัตว์เลี้ยง 654 ตัว (เป็ด 257 ตัว, ไก่ 382 ตัว, หมู 15 ตัว)
การให้ความช่วยเหลือ
1. ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 9 พิษณุโลก สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิษณุโลก กรมชลประทาน และ อบจ. ได้จัดส่งเรือท้องแบน รวม 8 ลำ รถขุดไฮโดรลิค 4 คัน เครื่องสูบน้ำ 18 เครื่อง พร้อมกระสอบทราย 5,000 ถุง ให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย
2. กรมชลประทาน ได้ส่งเครื่องสูบน้ำ จำนวน 26 เครื่อง เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูกแล้ว
5. สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดพิจิตร
น้ำในแม่น้ำยมได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่ทางการเกษตร ริมฝั่งขวาแม่น้ำยมในพื้นที่ อำเภอสามง่าม ที่ตำบลรังนก ตำบลสามง่าม ตำบลกำแพงดิน ซึ่งอยู่ในเขตพนังกั้นน้ำ และอำเภอโพธิ์ประทับช้างที่ตำบลวังจิก น้ำได้ท่วมขังบริเวณชุมชนไม่สามารถสัญจรไป-มาได้ในบางพื้นที่ และบางพื้นที่ได้อพยพสัตว์เลี้ยงไปไว้ในที่สูงแล้ว มีพื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหาย จำนวนประมาณ 30,000 ไร่ น้ำที่ท่วมขังในพื้นที่ทางการเกษตรยังคงเน่าเสียเพราะไหลมาจากจังหวัดพิษณุโลก ระดับน้ำเริ่มลดลงเนื่องจากสามารถระบายน้ำลงสู่แม่น้ำน่านได้สะดวกขึ้น
การให้ความช่วยเหลือ
1) โครงการชลประทานจังหวัดพิจิตรได้เร่งระดมสูบน้ำออกจากพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง โดยนำเครื่องสูบน้ำ 24 เครื่อง เร่งระบายน้ำออกอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับประสานโครงการชลประทานจังหวัดกำแพงเพชร เพื่อลดปริมาณน้ำในคลองธรรมชาติที่จะไหลมาสู่พื้นที่จังหวัดพิจิตร โดยขอให้ผันน้ำลงแม่น้ำปิงที่ไหลลงสู่จังหวัดนครสวรรค์
2) ศบภ.บก.ทหารสูงสุด จัดเรือท้องแบน จำนวน 3 ลำ เรือยาง 2 ลำ รถขุดตัก จำนวน 2 คัน และรถประปาเคลื่อนที่ผลิตน้ำอุปโภคและบริโภค จำนวน 45,000 ลิตร ให้ความช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่อำเภอสามง่าม และอำเภอโพธิ์ประทับช้าง
6. ปัญหาน้ำเน่าเสียในลำน้ำน่านและลำน้ำยม
น้ำเน่าเสียและมีกลิ่นเหม็นในเขตอำเภอบางระกำบางส่วน และอำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร ไหลลงสู่ลำน้ำน่านและลำน้ำยม ผ่านจังหวัดนครสวรรค์และได้ไหลถึงเขื่อนเจ้าพระยาแล้ว ทำให้คุณภาพน้ำลดลงเล็กน้อย ไม่มีปัญหาน้ำเน่ารุนแรง ขณะนี้ค่า DO (หน่วย มก./ลิตร) ที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยา เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.2549 มีค่า 3.17 และท้ายเขื่อนเจ้าพระยา มีค่า 6.25 (ค่า DO ที่ 3.0 น้ำเริ่มเน่าเสีย ปลาได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอเริ่มลอยตัว ค่า DO ต่ำกว่า 2.0 เน่าเสียรุนแรงมากมีผลกระทบต่อสัตว์และพืช) กรมชลประทานได้เพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนภูมิพลและสิริกิติ์ จาก 50 ลบ.ม./วินาที เป็น 150 ลบ.ม./วินาที ทั้งสองเขื่อนเพื่อช่วยแก้ปัญหาน้ำเน่าเสีย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 20 มิถุนายน 2549--จบ--
1. สรุปสถานการณ์อุทกภัย 5 จังหวัดภาคเหนือ (ระหว่างวันที่ 22 พ.ค. - 19 มิ.ย. 2549)
1.1 พื้นที่ประสบภัย รวม 5 จังหวัด 26 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ 171 ตำบล 1,200 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดอุตรดิตถ์ สุโขทัย แพร่ ลำปาง และน่าน
1.2 ความเสียหาย
1) ผู้เสียชีวิต 87 คน จังหวัดอุตรดิตถ์ 75 คน (ลับแล 23 คน ท่าปลา 29 คน เมือง 23 คน) จังหวัดสุโขทัย 7 คน (ศรีสัชนาลัย 6 คน ศรีสำโรง 1 คน) และจังหวัดแพร่ 5 คน (เมือง) สูญหาย 29 คน จังหวัดอุตรดิตถ์ 28 คน (ลับแล 4 คน ท่าปลา 24 คน) และจังหวัดสุโขทัย 1 คน (ศรีสัชนาลัย) ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 352,016 คน 108,542 ครัวเรือน อพยพ 10,601 คน
2) บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 708 หลัง (จ.อุตรดิตถ์ 483 หลัง จ.แพร่ 135 หลัง จ.สุโขทัย 89 หลัง และ จ.น่าน 1 หลัง) บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 3,979 หลัง (จ.อุตรดิตถ์ 3,478 หลัง จ.สุโขทัย 156 หลัง และ จ.แพร่ 345 หลัง )
3) ด้านทรัพย์สิน ถนน 1,028 สาย สะพาน 176 แห่ง พื้นที่การเกษตร 714,793 ไร่ วัด/โรงเรียน/สถานที่ราชการ 226 แห่ง พนังกั้นน้ำ 15 แห่ง ท่อระบายน้ำ 314 แห่ง ทำนบ/ฝาย/เหมือง 245 แห่ง บ่อปลา/กุ้ง/ตะพาบ 5,345 บ่อ ปศุสัตว์ 76,610 ตัว สัตว์ปีก 260,148 ตัว
4) มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 308,615,331.- บาท (ไม่รวมความเสียหายบ้านเรือนและทรัพย์สินของราษฎร)
2. สถานการณ์ปัจจุบัน
2.1 พื้นที่ที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแพร่ ลำปาง น่าน และอุตรดิตถ์
2.2 พื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์ ได้แก่ จังหวัดสุโขทัย ในพื้นที่อำเภอกงไกรลาศ ยังคงมีน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตรใน 6 ตำบล 34 หมู่บ้าน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-1.00 เมตร ตำบลกง(หมู่ที่ 1-13) ตำบลไกรนอก (หมู่ที่ 7,8) ตำบลบ้านใหม่สุขเกษม(หมู่ที่ 8) ตำบลท่าฉนวน(หมู่ที่ 1-12) ตำบลกกแรด(หมู่ที่ 6,12) ตำบลหนองตูม (หมู่ที่ 2,3,4,5) น้ำที่ท่วมขังในพื้นที่การเกษตรยังคงเน่าเสีย ส่วนบ้านเรือนประชาชนในเขตชุมชนเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว
3. สรุปการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
3.1 ได้จัดสร้างเต็นท์พักอาศัยชั่วคราวเสร็จแล้ว จำนวน 130 หลัง ให้แก่ผู้ประสบภัยที่
(1) เทศบาลตำบลหัวดง อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ จำนวน 80 หลัง
(2) ตำบลบ้านด่านนาขาม อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ จำนวน 13 หลัง
(3) บ้านน้ำต๊ะ ตำบลน้ำหมัน อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ จำนวน 7 หลัง
(4) ตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย จำนวน 30 หลัง
3.2 การเตรียมพื้นที่รองรับการสร้างบ้านพักถาวรใน 3 จังหวัด
การก่อสร้างบ้านประกอบสำเร็จรูป (บ้านน็อคดาวน์) มูลนิธิไทยคมจะเริ่มดำเนินการ ในพื้นที่ที่มีความพร้อมแล้ว โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองร่วมกับกรมที่ดินจัดวางผังหมู่บ้าน/ชุมชนให้มีความเหมาะสมและมีพื้นที่ใช้สอยส่วนกลาง ดังนี้
(1) จังหวัดแพร่ ที่อำเภอสูงเม่น จำนวน 23 หลัง ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ สำหรับอำเภอเมือง และอำเภอเด่นชัย อยู่ระหว่างดำเนินการจัดหาที่ดิน
(2) จังหวัดอุตรดิตถ์ จำนวน 175 หลัง (อำเภอเมือง 10 หลัง อำเภอลับแล 117 หลัง และอำเภอท่าปลา 48 หลัง) โดยได้จัดเตรียมที่ดินรองรับเบื้องต้นแล้ว ดังนี้ ในที่ดินที่ของนิคมสร้างตนเองลำน้ำน่าน อ.ท่าปลา 2 แปลง 628 ไร่ ที่ดินสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ อ.เมืองฯ และลับแล ซึ่งเตรียมไว้ 4 แปลง เนื้อที่ประมาณ 873 ไร่
(3) จังหวัดสุโขทัย จำนวน 15 หลัง (อำเภอศรีสัชนาลัย) ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ต.บ้านตึก
นอกจากนี้ให้การประปาส่วนภูมิภาคและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคดำเนินการวางระบบสาธารณูปการในพื้นที่ที่มีความพร้อมเพื่อให้พร้อมรองรับเมื่อการสร้างบ้านแล้วเสร็จ สามารถอพยพผู้ประสบภัยเข้าอยู่อาศัย ในชุมชน/หมู่บ้านใหม่ได้ทันที
3.3 การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคเหนือ ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546
(1) ด้านการช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็นเงิน 52,673,523 บาท แยกได้ดังนี้
- ค่าด้านการจัดการศพ จำนวน 79 ราย เป็นเงิน 1,770,000 บาท
- ค่าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ จำนวน 1,043 ราย เป็นเงิน 2,191,000 บาท
- ค่าที่อยู่อาศัย จำนวน 1,005 ราย เป็นเงิน 22,152,671 บาท
- ค่าเครื่องมือ/ทุนประกอบอาชีพ จำนวน 198 ราย เป็นเงิน 1,334,400 บาท
- ค่าเครื่องนุงห่ม จำนวน 408 ราย เป็นเงิน 292,500 บาท
- ค่าอาหารจัดเลี้ยง จำนวน 154,827 ราย เป็นเงิน 14,955,000 บาท
- ค่าอื่นๆ เป็นเงิน 9,977,952 บาท
(2) ด้านป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นเงิน 16,487,090 บาท
(3) ด้านการปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็นเงิน 6,184,999 บาท
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 75,345,612 บาท
3.4 ผลการปฏิบัติงานในพื้นที่ต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ ดังนี้
(1) จังหวัดอุตรดิตถ์
- เปิดเส้นทาง บ้านท้องลับแล หมู่ที่ 7 ตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล ระยะทาง 100 ม. บ้านต้นงั่ว ตำบลแม่พูล อำเภอลับแล ระยะทาง 15 กม. และเปิดทางลำลองริมน้ำ บริเวณปากน้ำรี ตำบลนางพญา อำเภอท่าปลา ระยะทาง 4 กม.
- เปิดทางบ้านนารี หมู่ที่ 3 ตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล ระยะทาง 7 กม.
- เปิดทางบ้านหัวนา ตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล ระยะทาง 1.5 กม.
- เปิดทางในเขตเทศบาลตำบลหัวดง อำเภอลับแล ระยะทาง 16 กม.
- ตักเลนและล้างถนน บ้านต้นม่วง หมู่ที่ 1 ตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล
- ปรับสภาพพื้นที่และเปิดเส้นทาง บ้านน้ำต๊ะ ตำบลน้ำหมัน อำเภอท่าปลา ระยะทาง 2.8 กม.
- ถมดินสนามโรงเรียน บ้านน้ำต๊ะ ตำบลน้ำหมัน อำเภอท่าปลา พื้นที่ 1,600 ลบ.ม.
- จ่ายน้ำให้กับ ตำบลหัวดง ตำบลแม่พูล ตำบลด่านนาขาม จำนวน 1,944,000 ลิตร
(2) จังหวัดแพร่
- ปรับสภาพพื้นที่และเปิดเส้นทาง หมู่ที่ 4 ตำบลบ้านกวาง อำเภอสูงเม่น ระยะทาง 8 กม.
- ปรับพื้นที่สร้างบ้าน หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านกวาง อำเภอสูงเม่น พื้นที่จำนวน 12 ไร่
- ปรับสภาพพื้นที่เพื่อสร้างบ้านน๊อคดาวน์ พื้นที่ 10 ไร่ ถมคอสะพานและเปิดเส้นทาง หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านกวาง อำเภอสูงเม่น ระยะทาง 4 กม.
- ปรับสภาพพื้นที่จำนวน 8 ไร่ และเปิดเส้นทางบ้านใน หมู่ที่ 6 ตำบลช่อแฮ อำเภอเมือง ระยะทาง 3 กม.
- ปรับสภาพพื้นที่จำนวน 5 ไร่ หมู่ที่ 9 ตำบลช่อแฮ อำเภอเมือง และเปิดเส้นทาง บ้านน้ำจอม หมู่ที่ 8 ตำบลช่อแฮ อำเภอเมือง ระยะทาง 2 กม.
(3) จังหวัดสุโขทัย
- ปรับสภาพพื้นที่ 12 ไร่ เพื่อปลูกสร้างบ้านเรือน และเปิดเส้นทาง บ้านแม่คุ หมู่ที่ 8 อำเภอศรีสัชนาลัย ระยะทาง 10 กม.
- เป่าล้างบ่อบาดาลและพัฒนาบ่อน้ำตื้น จำนวน 23 บ่อ
- เป่าล้างบ่อบาดาลและซ่อมแซมเครื่องสูบน้ำจำนวน 8 บ่อ
- ช่วยเหลือขนย้ายผู้ประสบภัย แจกจ่ายน้ำอุปโภค-บริโภค ที่อำเภอเมือง 544,000 ลิตร
4. สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก
เนื่องจากน้ำในแม่น้ำยมไหลจากจังหวัดสุโขทัยลงมา ทำให้น้ำในแม่น้ำยมสูงขึ้นนั้น ขณะนี้น้ำยังคงท่วมบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่ทางการเกษตรในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางระกำ และอำเภอพรหมพิราม
4.1 อำเภอบางระกำ ยังคงมีน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตร จำนวน 5 ตำบล ได้แก่ ตำบลชุมแสงสงคราม ตำบลคุยม่วง ตำบลท่านางงาม ตำบลบางระกำ และตำบลบึงกอก ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20 เมตร ระดับน้ำทรงตัว ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 6,862 คน 2,288 ครัวเรือน พื้นที่ทางการเกษตรเสียหาย 97,611 ไร่ ในขณะนี้น้ำที่ท่วมขังยังคงเน่าเสียและมีกลิ่นเหม็น
4.2 อำเภอพรหมพิราม น้ำที่ท่วมขังในพื้นที่การเกษตร 7 ตำบล 21 หมู่บ้าน ได้แก่ ตำบลศรีภิรมย์ ตำบลวังวน ตำบลท่าช้าง ตำบลตลุกเทียม ตำบลพรหมพิราม ตำบลหนองแขม และตำบลวงฆ้อง ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10 เมตร ระดับน้ำลดลงเล็กน้อย ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 1,109 ราย พื้นที่ทางการเกษตรเสียหาย 27,740 ไร่
สรุปจังหวัดพิษณุโลก บ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม รวม 3 อำเภอ 20 ตำบล 89 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 8,480 คน 2,388 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตร 137,730 ไร่ ถนน 46 สาย บ่อปลา 730 บ่อ ปลากระชัง 158 กระชัง สัตว์เลี้ยง 654 ตัว (เป็ด 257 ตัว, ไก่ 382 ตัว, หมู 15 ตัว)
การให้ความช่วยเหลือ
1. ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 9 พิษณุโลก สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิษณุโลก กรมชลประทาน และ อบจ. ได้จัดส่งเรือท้องแบน รวม 8 ลำ รถขุดไฮโดรลิค 4 คัน เครื่องสูบน้ำ 18 เครื่อง พร้อมกระสอบทราย 5,000 ถุง ให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย
2. กรมชลประทาน ได้ส่งเครื่องสูบน้ำ จำนวน 26 เครื่อง เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูกแล้ว
5. สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดพิจิตร
น้ำในแม่น้ำยมได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่ทางการเกษตร ริมฝั่งขวาแม่น้ำยมในพื้นที่ อำเภอสามง่าม ที่ตำบลรังนก ตำบลสามง่าม ตำบลกำแพงดิน ซึ่งอยู่ในเขตพนังกั้นน้ำ และอำเภอโพธิ์ประทับช้างที่ตำบลวังจิก น้ำได้ท่วมขังบริเวณชุมชนไม่สามารถสัญจรไป-มาได้ในบางพื้นที่ และบางพื้นที่ได้อพยพสัตว์เลี้ยงไปไว้ในที่สูงแล้ว มีพื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหาย จำนวนประมาณ 30,000 ไร่ น้ำที่ท่วมขังในพื้นที่ทางการเกษตรยังคงเน่าเสียเพราะไหลมาจากจังหวัดพิษณุโลก ระดับน้ำเริ่มลดลงเนื่องจากสามารถระบายน้ำลงสู่แม่น้ำน่านได้สะดวกขึ้น
การให้ความช่วยเหลือ
1) โครงการชลประทานจังหวัดพิจิตรได้เร่งระดมสูบน้ำออกจากพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง โดยนำเครื่องสูบน้ำ 24 เครื่อง เร่งระบายน้ำออกอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับประสานโครงการชลประทานจังหวัดกำแพงเพชร เพื่อลดปริมาณน้ำในคลองธรรมชาติที่จะไหลมาสู่พื้นที่จังหวัดพิจิตร โดยขอให้ผันน้ำลงแม่น้ำปิงที่ไหลลงสู่จังหวัดนครสวรรค์
2) ศบภ.บก.ทหารสูงสุด จัดเรือท้องแบน จำนวน 3 ลำ เรือยาง 2 ลำ รถขุดตัก จำนวน 2 คัน และรถประปาเคลื่อนที่ผลิตน้ำอุปโภคและบริโภค จำนวน 45,000 ลิตร ให้ความช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่อำเภอสามง่าม และอำเภอโพธิ์ประทับช้าง
6. ปัญหาน้ำเน่าเสียในลำน้ำน่านและลำน้ำยม
น้ำเน่าเสียและมีกลิ่นเหม็นในเขตอำเภอบางระกำบางส่วน และอำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร ไหลลงสู่ลำน้ำน่านและลำน้ำยม ผ่านจังหวัดนครสวรรค์และได้ไหลถึงเขื่อนเจ้าพระยาแล้ว ทำให้คุณภาพน้ำลดลงเล็กน้อย ไม่มีปัญหาน้ำเน่ารุนแรง ขณะนี้ค่า DO (หน่วย มก./ลิตร) ที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยา เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.2549 มีค่า 3.17 และท้ายเขื่อนเจ้าพระยา มีค่า 6.25 (ค่า DO ที่ 3.0 น้ำเริ่มเน่าเสีย ปลาได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอเริ่มลอยตัว ค่า DO ต่ำกว่า 2.0 เน่าเสียรุนแรงมากมีผลกระทบต่อสัตว์และพืช) กรมชลประทานได้เพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนภูมิพลและสิริกิติ์ จาก 50 ลบ.ม./วินาที เป็น 150 ลบ.ม./วินาที ทั้งสองเขื่อนเพื่อช่วยแก้ปัญหาน้ำเน่าเสีย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 20 มิถุนายน 2549--จบ--