คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการขยายระยะเวลามาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2551 และวันที่ 22 เมษายน 2551 ออกไปอีก 1 ปี จนถึงวันที่ 28 มีนาคม 2553 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ให้ลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะ จากเดิมที่กำหนดไว้ในอัตราร้อยละ 3 เหลืออัตราร้อยละ 0.1 สำหรับรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ จากกิจการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางการค้าหรือกำไร ทั้งนี้ เฉพาะการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ได้กระทำภายใน 1 ปี นับจากวันที่ 29 มีนาคม 2552 ถึงวันที่ 28 มีนาคม 2553
2. ให้ลดการเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนจากร้อยละ 2 ของราคาประเมิน และลดการเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการ จำนองอสังหาริมทรัพย์จากร้อยละ 1 ของราคาประเมินแต่ไม่เกิน 200,000 บาท เหลือร้อยละ 0.01 ของราคาประเมิน โดยมีรายละเอียดและ เงื่อนไข ดังนี้
(1) เป็นที่ดิน อาคาร หรืออาคารพร้อมที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดินที่ดำเนินการจัดสรรที่ดิน โดยทางราชการหรือ องค์การของรัฐบาล ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ทำการจัดสรรที่ดินตามกฎหมาย และรวมถึงอาคารที่เป็น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์
(2) การโอนกรรมสิทธิและการจำนองห้องชุดทั้งหมดในอาคารชุด ซึ่งจดทะเบียนอาคารชุด และห้องชุดในอาคารชุด ซึ่งจด ทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุด ตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
(3) การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์หรืออาคารดังกล่าว พร้อมที่ดินซึ่งมีเนื้อที่ไม่เกิน 1 ไร่ และมิใช่ที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดินหรือที่ดำเนินการจัดสรรที่ดิน โดยทางราชการหรือองค์การของ รัฐบาล ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ทำการจัดสรรที่ดินตามกฎหมาย
กระทรวงการคลังรายงานว่า
1. ภาคอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยคิดเป็นสัดส่วนต่ออุปสงค์ที่แท้จริงด้านอุปทานได้ร้อยละ 6.2 และอุป สงค์ร้อยละ 4.0 ในปี 2550
2. อัตราการเจริญเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ พบว่ามีการหดตัวลงอย่างต่อเนื่องโดยสามารถวิเคราะห์ได้จากตัวชี้วัดด้านการลงทุน (Private Investment Indicators) ดังนี้
ตัวชี้วัดด้านการลงทุน 2550 2551 เฉลี่ยทั้งปี (%) ไตรมาสที่ 1 (%) ไตรมาสที่ 2 (%) ก.ค. (%) พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้าง -11.7 -5.8 -4.7 -0.7 ปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ -5.0 -5.9 -5.3 -15.0 ที่มา : ธนาคารแห่งประเทศไทย
3. ผลของมาตรการ เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2551 มีส่วนช่วยชะลอการหดตัวของการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้ในไตรมาส 2 ของ ปี 2551 เนื่องจากตัวเลขพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้าง (Construction Area Permitted) หดตัวลดลงจากร้อยละ 5.8 เหลือร้อยละ 4.7 เมื่อ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนั้นตัวเลขของการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศหดตัวลดลงจากร้อยละ 5.9 เหลือร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบ กับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามในภาพรวมแล้ว การเติบโตภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงหดตัวอยู่
4. ในเดือนกันยายน 2551 ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมยังคงลดลงเหลือ 81.1 จุด จาก 83.0 จุด ในเดือนสิงหาคม ซึ่งสะท้อน ถึงแนวโน้มความเชื่อมั่นในภาคการผลิตภายในประเทศที่ลดลง ประกอบกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในไตรมาสที่ 3 ของปี 2551 ปรับลดลงจาก 71.9 จุด เหลือ 70.6 จุด ซึ่งสะท้อนแนวโน้มความเชื่อมั่นในการบริโภคภาคเอกชนที่จะลดลงในอนาคต
5. สถานการณ์ตลาดทุนและเศรษฐกิจของประเทศแหล่งเงินทุนหลักนอกประเทศเช่น สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ยังคงอยู่ในสภาวะที่ มีความผันผวนอย่างรุนแรงเนื่องมาจากปัญหาสภาพคล่องของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ และส่งผลกระทบต่อตลาดทุนและความเชื่อมั่นของนักลงทุนใน ประเทศอีกด้วย ซึ่งทำให้ธนาคารพาณิชย์ในประเทศเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยกู้เป็นผลให้ผู้ประกอบการไทยในกิจการอสังหาริมทรัพย์อาจต้อง ประสบภาวะกำลังซื้อลดต่ำลงกว่าอุปทานที่มี
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 2 ธันวาคม 2551--จบ--