คณะรัฐมนตรีรับทราบมาตรการลดดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อลดภาระค่าครองชีพและต้นทุนการประกอบอาชีพของเกษตรกรผ่านระบบ ธ.ก.ส. ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติในคราวประชุมเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2549 มอบหมายให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องดำเนินการสำรวจและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาความเดือดร้อนและความต้องการความช่วยเหลือของกลุ่มคนต่าง ๆ เพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณา ซึ่งกระทรวงการคลังได้มอบหมายให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและ สหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดำเนินการสำรวจและประเมินผลกระทบด้านเศรษฐกิจต่อเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. แล้ว พบว่าค่าใช้จ่ายในการประกอบอาชีพด้านการเกษตรเพิ่มขึ้น ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม และกระทรวงการคลังได้นำข้อมูลจากการสำรวจดังกล่าว เสนอนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจและสังคมเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2549 ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังกำหนดแนวทางในการลดต้นทุนทางการเงินให้แก่เกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. เพื่อลดภาระค่าครองชีพและต้นทุนการประกอบอาชีพ นั้น
กระทรวงการคลังได้มอบหมาย ธ.ก.ส. พิจารณาแนวทางในการลดต้นทุนทางการเงินให้แก่เกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. เพื่อลดภาระค่าครองชีพและต้นทุนการประกอบอาชีพของเกษตรกร ซึ่งคณะกรรมการ ธ.ก.ส. ในการประชุมเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2549 ได้มีมติเห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ดำเนินการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่เกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ดังนี้
1. ลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้ลงจากเดิมร้อยละ 1 ต่อปีให้แก่เกษตรกรรายย่อยลูกค้า ธ.ก.ส. ทุกรายที่มีหนี้เงินกู้ไม่เกิน 100,000 บาท
2. ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2549 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2549
มาตรการลดดอกเบี้ยเงินกู้แก่เกษตรกรลูกค้าของ ธ.ก.ส. ดังกล่าว นอกจากจะช่วยลดภาระค่าครองชีพและต้นทุนการประกอบอาชีพให้กับเกษตรกรลูกค้าของ ธ.ก.ส. จำนวน 2.2 ล้านครัวเรือนแล้ว ยังเป็นมาตรการที่สามารถดำเนินการได้โดยทันที และเกษตรกรได้รับผลประโยชน์โดยตรง
โดยการดำเนินการตามมาตรการลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่เกษตรกรในครั้งนี้ส่งผลให้ ธ.ก.ส. ขาดรายได้ดอกเบี้ยประมาณ 530 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้กำไรของ ธ.ก.ส. ในปีบัญชี 2549 ลดลงจากเดิมที่ประมาณการกำไรไว้ 1,697 ล้านบาท ก็จะลดลงเหลือ 1,167 ล้านบาท
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะได้สนับสนุนการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวของ ธ.ก.ส. ตามความเหมาะสมต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 20 มิถุนายน 2549--จบ--
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติในคราวประชุมเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2549 มอบหมายให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องดำเนินการสำรวจและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาความเดือดร้อนและความต้องการความช่วยเหลือของกลุ่มคนต่าง ๆ เพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณา ซึ่งกระทรวงการคลังได้มอบหมายให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและ สหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดำเนินการสำรวจและประเมินผลกระทบด้านเศรษฐกิจต่อเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. แล้ว พบว่าค่าใช้จ่ายในการประกอบอาชีพด้านการเกษตรเพิ่มขึ้น ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม และกระทรวงการคลังได้นำข้อมูลจากการสำรวจดังกล่าว เสนอนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจและสังคมเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2549 ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังกำหนดแนวทางในการลดต้นทุนทางการเงินให้แก่เกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. เพื่อลดภาระค่าครองชีพและต้นทุนการประกอบอาชีพ นั้น
กระทรวงการคลังได้มอบหมาย ธ.ก.ส. พิจารณาแนวทางในการลดต้นทุนทางการเงินให้แก่เกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. เพื่อลดภาระค่าครองชีพและต้นทุนการประกอบอาชีพของเกษตรกร ซึ่งคณะกรรมการ ธ.ก.ส. ในการประชุมเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2549 ได้มีมติเห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ดำเนินการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่เกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ดังนี้
1. ลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้ลงจากเดิมร้อยละ 1 ต่อปีให้แก่เกษตรกรรายย่อยลูกค้า ธ.ก.ส. ทุกรายที่มีหนี้เงินกู้ไม่เกิน 100,000 บาท
2. ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2549 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2549
มาตรการลดดอกเบี้ยเงินกู้แก่เกษตรกรลูกค้าของ ธ.ก.ส. ดังกล่าว นอกจากจะช่วยลดภาระค่าครองชีพและต้นทุนการประกอบอาชีพให้กับเกษตรกรลูกค้าของ ธ.ก.ส. จำนวน 2.2 ล้านครัวเรือนแล้ว ยังเป็นมาตรการที่สามารถดำเนินการได้โดยทันที และเกษตรกรได้รับผลประโยชน์โดยตรง
โดยการดำเนินการตามมาตรการลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่เกษตรกรในครั้งนี้ส่งผลให้ ธ.ก.ส. ขาดรายได้ดอกเบี้ยประมาณ 530 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้กำไรของ ธ.ก.ส. ในปีบัญชี 2549 ลดลงจากเดิมที่ประมาณการกำไรไว้ 1,697 ล้านบาท ก็จะลดลงเหลือ 1,167 ล้านบาท
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะได้สนับสนุนการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวของ ธ.ก.ส. ตามความเหมาะสมต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 20 มิถุนายน 2549--จบ--