คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้นำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ
1. ให้ยอมรับนับถือว่าสถาบันซึ่งเป็นองค์การระหว่างประเทศมีสถานะเป็นนิติบุคคล และให้ถือว่ามีภูมิลำเนาในประเทศไทย (ร่างมาตรา 4)
2. ให้สถาบันมีสิทธิได้รับเอกสิทธิ์ในการรับบริการด้านการสื่อสารไม่น้อยกว่าที่รัฐบาลให้แก่องค์การระหว่างประเทศอื่นๆ ในประเทศไทย และได้รับยกเว้นภาษีทางตรงฯ อากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากรและภาษีทั้งปวงสำหรับการนำเข้าและส่งออกวัสดุอุปกรณ์ สิ่งของ และยานพาหนะตามจำนวนที่สมควรซึ่งจำเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติงานฯ (ร่างมาตรา 5 และร่างมาตรา 6)
3. ให้เจ้าหน้าที่ของสถาบันซึ่งมิได้มีสัญชาติไทยหรือมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยได้รับเอกสิทธิ์ในการยกเว้นภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากรเฉพาะที่เรียกเก็บจากเงินเดือนและค่าตอบแทนในการทำงาน อากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากรในการนำเข้าของใช้ในครัวเรือนและของใช้ส่วนตัวแต่ไม่รวมถึงยานพาหนะฯ พร้อมทั้งยกเว้นการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนคนต่างด้าว โดยให้รวมถึงคู่สมรส บุตร และญาติซึ่งอยู่ในอุปการะของบุคคลดังกล่าวด้วย (ร่างมาตรา 7)
4. กำหนดเงื่อนไขให้การจำหน่าย จ่าย โอนบรรดาสิ่งของที่ยกเว้นอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากรและภาษีนำเข้าจะต้องเป็นไปตามกฎหมายไทย (ร่างมาตรา 6 (2) และร่างมาตรา 7 (2))
5. กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ (ร่างมาตรา 8)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 20 มกราคม 2552 --จบ--