คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 11 เดือนของปี 2551 (มกราคม — พฤศจิกายน) ดังนี้
1. การส่งออก
หน่วย : ล้านเหรียญสหรัฐฯ
หมวด พฤศจิกายน 2551 มกราคม — พฤศจิกายน2551
มูลค่า %เพิ่ม มูลค่า %เพิ่ม
เกษตร/อุตสาหกรรมเกษตร 1,885.2 -13.5 27,552.5 35.0
อุตสาหกรรมสำคัญ 9,256.4 -18.8 128,161.4 18.4
สินค้าอื่นๆ 728.6 -26.9 10,522.6 3.6
รวม 11,870.2 -18.6 166,236.4 19.7
การส่งออกเดือนพฤศจิกายน 2551 การส่งออกมีมูลค่า 11,870.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 18.6 โดยสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวลดลงร้อยละ 13.5 ส่วนใหญ่ส่งออกลดลงตามความต้องการในตลาดโลกที่ชะลอตัวลง สินค้าสำคัญที่ส่ง ออกหดตัวลง ได้แก่ ข้าว ปริมาณ 0.40 ล้านตัน มูลค่า 249.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปริมาณและมูลค่าหดตัวร้อยละ 60.9 และ 36.2 ตามลำดับ ยางพารา มูลค่า 366.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 33.6 ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ปริมาณและมูลค่าลดลงร้อยละ 57.3 และ 44.5 ตามลำดับ เนื่องจากผลผลิตในประเทศลดลง
สินค้าสำคัญที่ส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ไก่แช่แข็งและแปรรูป มูลค่า 148.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.9 น้ำตาล มูลค่า 98.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 53.4
สำหรับหมวดสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ สินค้าสำคัญที่ชะลอตัวลง ได้แก่ ยานยนต์ฯ มูลค่า 1,435.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.0 ผลิตภัณฑ์ยาง มูลค่า 347.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.5 เครื่องสำอาง สบู่และผลิตภัณฑ์ มูลค่า 166.5 ล้านเหรียญ สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 58.3 อาหารสัตว์เลี้ยง มูลค่า 63.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.9.
สินค้าที่หดตัวลง ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ มูลค่า 2,168.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 20.1 เนื่องจากการแข่งขันสูง ในตลาดโลก ต้นทุนสูง และผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจทำให้การบริโภคลดลง ตลาดที่ลดลง ได้แก่ ฮ่องกง เกาหลีใต้ สหรัฐฯ มาเลเซีย ไต้หวัน อัญมณีและเครื่องประดับ มูลค่า 511.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 25.9 เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก มูลค่า 479.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง ร้อยละ 33.2
สาเหตุที่คาดว่าทำให้การส่งออกในเดือนพฤศจิกายนลดลง เป็นผลมาจากปัจจัยดังต่อไปนี้ คือ
1) ความต้องการในตลาดโลกที่ลดลงตามเศรษฐกิจของตลาดส่งออกหลักที่ส่งสัญญาณถดถอยมากขึ้น ทำให้ผู้ซื้อในตลาดต่างประเทศ ชะลอการสั่งซื้อหรือ หยุดการสั่งซื้อชั่วคราว โดยเฉพาะสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อการครองชีพ คือ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และ อัญมณี
2) ราคาสินค้าในตลาดโลกมีแนวโน้มที่ลดลงอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะสินค้าเกษตรและสินค้า อุตสาหกรรมบางรายการ เนื่องจาก ความต้องการในตลาดโลกที่ลดลงตามแนวโน้มการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ของตลาดส่งออกการแข่งขันที่มีความรุนแรงมากขึ้น
3) ฐานตัวเลขเดือนพฤศจิกายน 2550 ที่อยู่ในระดับสูงมากอันเป็นผลมาจากการการส่งออก ที่เพิ่มขึ้นในอัตราสูงของสินค้าเกษตร และอาหารจากวิกฤตเกษตรและอาหารของโลก และสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญคือ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และ น้ำมัน
4) การปิดสนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน ทำให้ไม่สามารถส่งออกสินค้าทางอากาศได้ (การส่งออกทางอากาศคิดเป็น ร้อยละ 25 ของมูลค่าการส่งออกรวม) และส่งผลทำให้การส่งออกสินค้าทางอากาศในเดือนพฤศจิกายนลดลงถึงร้อยละ 30.2 เมื่อเทียบกับเดือน พฤศจิกายน 2550 คาดว่าสินค้าที่ค้างการส่งออกดังกล่าวจะได้มีการส่งออกไปในเดือนธันวาคม
การส่งออกในระยะ 11 เดือนของปี 2551 มีมูลค่า 166,236.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.7 คิดเป็นร้อยละ 97.1 ของเป้าหมายการส่งออก
2. การนำเข้า
การนำเข้าเดือนพฤศจิกายน 2551 มูลค่า 13,072.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 2.0 การนำ เข้าหดตัวในหลายหมวด หมวดเชื้อเพลิงลดลงร้อยละ 11.3 เป็นการนำเข้าน้ำมันดิบ มูลค่า 1,731.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 6.9 (ราคาเฉลี่ยเดือนพฤศจิกายน 2551 อยู่ที่ 52.19 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลงร้อยละ 39.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน) หมวดสินค้าอุปโภค บริโภค มูลค่า 1,108.3 ลดลงร้อยละ 8.0
หมวดสินค้าที่นำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ หมวดวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป มูลค่า 5,667.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 หมวด ทุน มูลค่า 3,558.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.0 เป็นการขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงตามภาวะการลงทุนที่ชะลอตัวและวิกฤตเศรษฐกิจที่ เกิดขึ้นในตลาดส่งออกที่สำคัญของไทย
การนำเข้าในระยะ 11 เดือนของปี 2551 มีมูลค่า 167,398.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับระยะเดียวกันกับปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.9
3. ดุลการค้า
ดุลการค้าเดือนพฤศจิกายน 2551 ไทยขาดดุลการค้า 1,202.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้ดุลการค้าในระยะ 11 เดือนปี 2551 ขาดดุลการค้ารวม 1,162.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 20 มกราคม 2552 --จบ--