คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รายงานสถานการณ์ภัยแล้งและสถานการณ์ความเสียหายจากแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ ณ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2548 สรุปได้ดังนี้
1. สถานการณ์น้ำ ปริมาตรน้ำใช้การได้ของอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ 22,312 ล้านลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 50 ของความจุใช้การได้ของอ่างเก็บน้ำ สำหรับอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาตรน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อยมาก ได้แก่ อ่างเก็บน้ำจุฬาภรณ์ ลำตะคอง และลำพระเพลิง ส่วนภาคกลาง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำกระเสียว และทับเสลา ส่วนสภาพน้ำท่าในแม่น้ำสายต่าง ๆ ทั่วประเทศส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์น้อย และมีแนวโน้มระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง ยกเว้นแม่น้ำน่านบริเวณจังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดพิจิตร ที่มีระดับน้ำเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนประมาณ 0.60 เมตร
2. พื้นที่ประสบภัยด้านการเกษตร มีจำนวน 50 จังหวัด เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน 1,535,605 ราย พื้นที่การเกษตรประสบภัย 26.70 ล้านไร่ พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 18.11 ล้านไร่ โดยเสียหายสิ้นเชิงแล้ว 11.46 ล้านไร่ จังหวัดที่ได้รับผลกระทบมาก 3 ลำดับแรกคือ จังหวัดนครราชสีมา 2,403,759 ไร่ บุรีรัมย์ 702,678 ไร่ และอุบลราชธานี 697,549.50 ไร่ และเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา 20.00 น. ได้เกิดฝนฟ้าคะนองและมีลูกเห็บตกในเขตท้องที่ อำเภอวังชิ้น และอำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ ทำให้บ้านเรือนราษฎรเสียหาย โดยในเขตอำเภอวังชิ้นมีพื้นที่ประสบภัย 1 ตำบล 3 หมู่บ้าน ได้แก่ 3,7 และ 10 บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหาย จำนวน 147 หลัง ส่วนในท้องที่อำเภอเด่นชัย เจ้าหน้าที่ออกสำรวจแล้ว พร้อมทั้งให้การช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัยเบื้องต้นแล้ว
3. การให้ความช่วยเหลือ
- กรมชลประทาน สนับสนุนเครื่องสูบน้ำเข้าช่วยเหลือการเพาะปลูกข้าวนาปรัง พืชไร่ และอุปโภค -บริโภค รวม 649 เครื่อง (แผน 750 เครื่อง) แบ่งเป็นภาคเหนือ 164 เครื่อง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 296 เครื่อง ภาคกลาง 91 เครื่อง ภาคตะวันออก 68 เครื่อง ภาคตะวันตก 22 เครื่อง และภาคใต้ 8 เครื่อง
- กรมส่งเสริมการเกษตร รายงานการใช้เงินทดรองราชการของจังหวัด เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยฝนทิ้งช่วงวงเงิน 493.28 ล้านบาท ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร 1,995,262.75 ไร่ เกษตรกร 203,645 ราย รวม 23 จังหวัด
4. สภาพการเพาะปลูกพืชในเขตชลประทาน เกษตรกรได้ดำเนินการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งแล้วประมาณ 5.20 ล้านไร่ แบ่งเป็นข้าวนาปรังประมาณ 4.79 ล้านไร่ เก็บเกี่ยว 0.06 ล้านไร่ พืชไร่-ผัก ประมาณ 0.41 ล้านไร่
สำหรับความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือจากสถานกาณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์มีดังนี้
1. พื้นที่ประสบภัยด้านการเกษตรมีจำนวน 6 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต พังงา กระบี่ สตูล ตรัง และระนอง ดังนี้
ด้านประมง เรือประมงเสียหาย 5,397 ลำ กู้เรือได้ 545 ลำ เครื่องมือประมง 110,129 หน่วย พื้นที่เลี้ยงสัตว์น้ำเป็นกระชัง 648,157 ตรม. บ่อเลี้ยง 335.71 ไร่ โรงเพาะ 95,431.14 ตรม. และที่อนุญาต 2,018.37 ไร่
ด้านพืชเกษตร 742 ราย พื้นที่ประสบภัยด้านการเกษตร 8,182 ไร่ คาดว่าจะเสียหาย 5,625.25 ไร่
ด้านปศุสัตว์ เกษตรกร 4,889 ราย สัตว์ได้รับผลกระทบ 535,379 ตัว สัตว์ตายและสูญหาย 11,850 ตัว ให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้า ด้านพืชอาหารสัตว์ 97,000 กิโลกรัม และดูแลสุขภาพสัตว์ 452 ตัว ใช้เงินทดรองราชการช่วยเหลือเกษตรกรในกรณีสัตว์ตายและสูญหายเป็นเงิน 342,580 บาท
2. การให้ความช่วยเหลือ กรมประมง ได้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม - 6 กุมภาพันธ์ 2548 วงเงินรวม 196,549,293 บาท ได้แก่ เรือประมง 24,999 ลำ เป็นเงิน 109,324,088 บาท ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำรายละ 20,000 บาท จำนวน 3,572 ราย เป็นเงิน 64,059,145 บาท เครื่องมือประมงรายละไม่เกิน 10,000 บาท จำนวน 2,813 ราย เป็นเงิน 23,166,060 บาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2548--จบ--
1. สถานการณ์น้ำ ปริมาตรน้ำใช้การได้ของอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ 22,312 ล้านลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 50 ของความจุใช้การได้ของอ่างเก็บน้ำ สำหรับอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาตรน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อยมาก ได้แก่ อ่างเก็บน้ำจุฬาภรณ์ ลำตะคอง และลำพระเพลิง ส่วนภาคกลาง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำกระเสียว และทับเสลา ส่วนสภาพน้ำท่าในแม่น้ำสายต่าง ๆ ทั่วประเทศส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์น้อย และมีแนวโน้มระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง ยกเว้นแม่น้ำน่านบริเวณจังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดพิจิตร ที่มีระดับน้ำเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนประมาณ 0.60 เมตร
2. พื้นที่ประสบภัยด้านการเกษตร มีจำนวน 50 จังหวัด เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน 1,535,605 ราย พื้นที่การเกษตรประสบภัย 26.70 ล้านไร่ พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 18.11 ล้านไร่ โดยเสียหายสิ้นเชิงแล้ว 11.46 ล้านไร่ จังหวัดที่ได้รับผลกระทบมาก 3 ลำดับแรกคือ จังหวัดนครราชสีมา 2,403,759 ไร่ บุรีรัมย์ 702,678 ไร่ และอุบลราชธานี 697,549.50 ไร่ และเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา 20.00 น. ได้เกิดฝนฟ้าคะนองและมีลูกเห็บตกในเขตท้องที่ อำเภอวังชิ้น และอำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ ทำให้บ้านเรือนราษฎรเสียหาย โดยในเขตอำเภอวังชิ้นมีพื้นที่ประสบภัย 1 ตำบล 3 หมู่บ้าน ได้แก่ 3,7 และ 10 บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหาย จำนวน 147 หลัง ส่วนในท้องที่อำเภอเด่นชัย เจ้าหน้าที่ออกสำรวจแล้ว พร้อมทั้งให้การช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัยเบื้องต้นแล้ว
3. การให้ความช่วยเหลือ
- กรมชลประทาน สนับสนุนเครื่องสูบน้ำเข้าช่วยเหลือการเพาะปลูกข้าวนาปรัง พืชไร่ และอุปโภค -บริโภค รวม 649 เครื่อง (แผน 750 เครื่อง) แบ่งเป็นภาคเหนือ 164 เครื่อง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 296 เครื่อง ภาคกลาง 91 เครื่อง ภาคตะวันออก 68 เครื่อง ภาคตะวันตก 22 เครื่อง และภาคใต้ 8 เครื่อง
- กรมส่งเสริมการเกษตร รายงานการใช้เงินทดรองราชการของจังหวัด เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยฝนทิ้งช่วงวงเงิน 493.28 ล้านบาท ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร 1,995,262.75 ไร่ เกษตรกร 203,645 ราย รวม 23 จังหวัด
4. สภาพการเพาะปลูกพืชในเขตชลประทาน เกษตรกรได้ดำเนินการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งแล้วประมาณ 5.20 ล้านไร่ แบ่งเป็นข้าวนาปรังประมาณ 4.79 ล้านไร่ เก็บเกี่ยว 0.06 ล้านไร่ พืชไร่-ผัก ประมาณ 0.41 ล้านไร่
สำหรับความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือจากสถานกาณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์มีดังนี้
1. พื้นที่ประสบภัยด้านการเกษตรมีจำนวน 6 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต พังงา กระบี่ สตูล ตรัง และระนอง ดังนี้
ด้านประมง เรือประมงเสียหาย 5,397 ลำ กู้เรือได้ 545 ลำ เครื่องมือประมง 110,129 หน่วย พื้นที่เลี้ยงสัตว์น้ำเป็นกระชัง 648,157 ตรม. บ่อเลี้ยง 335.71 ไร่ โรงเพาะ 95,431.14 ตรม. และที่อนุญาต 2,018.37 ไร่
ด้านพืชเกษตร 742 ราย พื้นที่ประสบภัยด้านการเกษตร 8,182 ไร่ คาดว่าจะเสียหาย 5,625.25 ไร่
ด้านปศุสัตว์ เกษตรกร 4,889 ราย สัตว์ได้รับผลกระทบ 535,379 ตัว สัตว์ตายและสูญหาย 11,850 ตัว ให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้า ด้านพืชอาหารสัตว์ 97,000 กิโลกรัม และดูแลสุขภาพสัตว์ 452 ตัว ใช้เงินทดรองราชการช่วยเหลือเกษตรกรในกรณีสัตว์ตายและสูญหายเป็นเงิน 342,580 บาท
2. การให้ความช่วยเหลือ กรมประมง ได้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม - 6 กุมภาพันธ์ 2548 วงเงินรวม 196,549,293 บาท ได้แก่ เรือประมง 24,999 ลำ เป็นเงิน 109,324,088 บาท ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำรายละ 20,000 บาท จำนวน 3,572 ราย เป็นเงิน 64,059,145 บาท เครื่องมือประมงรายละไม่เกิน 10,000 บาท จำนวน 2,813 ราย เป็นเงิน 23,166,060 บาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2548--จบ--