แนวทางปฏิบัติกรณีการขออนุมัติใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday February 18, 2009 13:31 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 14 ตุลาคม 2551 วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2551 วันที่ 2 กันยายน 2551 และแนวทางปฏิบัติตามหนังสือสำนักงบประมาณ ที่ นร 0701/ว88 ลงวันที่ 17 มิถุนายน 2551 และอนุมัติแนวทางปฏิบัติกรณีการขออนุมัติใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นใดของรัฐถือปฏิบัติ ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ดังนี้

1. กรณีที่ส่วนราชการ หรือรัฐวิสาหกิจใดมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายงบประมาณนอกเหนือจากที่ได้รับการจัดสรร หรือได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้วไม่เพียงพอ ให้พิจารณาตรวจสอบและปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ได้รับเป็นลำดับแรกก่อน หากไม่สามารถดำเนินการดังกล่าวได้และมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องขอใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้เสนอเรื่องต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดพิจารณาก่อน เว้นแต่เป็นกรณีที่คณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีได้อนุมัติในหลักการแล้ว โดยให้พิจารณาเฉพาะกรณีที่มีความจำเป็นและเร่งด่วนที่จะต้องรีบดำเนินการเพื่อ มิให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการเท่านั้น ในกรณีที่มีความจำเป็นจะต้องใช้จ่ายเงินจำนวนมากหรือไม่เร่งด่วน ให้พิจารณาเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีโดยเตรียมการล่วงหน้าแต่เนิ่น ๆ หรือเสนอขอแปรญัตติงบประมาณเพิ่มเติมในกรณีที่ไม่สามารถเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ทันเวลา ทั้งนี้ ในการนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ยืนยันผลการตรวจสอบดังกล่าวให้ชัดเจนในหนังสือเสนอเรื่องด้วย

2. การขอใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นให้ส่วนราชการ หรือรัฐวิสาหกิจเจ้าของเรื่องทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ โดยกำหนดให้ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเป็นผู้พิจารณาอนุมัติภายในวงเงิน 10 ล้านบาท กรณีที่มีวงเงินเกิน 10 ล้านบาท ให้สำนักงบประมาณพิจารณานำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน โดยหากนายกรัฐมนตรีเห็นสมควรจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติหลักการก่อนก็ได้ เว้นแต่กรณีที่มีวงเงินเกินกว่า 100 ล้านบาท ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติหลักการก่อน ทั้งนี้ ไม่รวมถึงกรณีที่มีบทบัญญัติของกฎหมายกำหนดให้ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ

3. สำหรับองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ องค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญหรือหน่วยงานที่ไม่ได้อยู่ในบังคับบัญชาหรือกำกับดูแลของฝ่ายบริหาร เช่น สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา สำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง สำนักงานศาลปกครอง สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานศาลยุติธรรม เป็นต้น ที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงินเกินกว่า 10 ล้านบาท สำหรับงานหรือโครงการของแผนงานใดให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติในหลักการก่อน โดยให้สำนักงบประมาณเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วย

4. กรณีการอนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ของรองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ซึ่งมีอำนาจในการอนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้แก่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐ ในวงเงินไม่เกินคนละ 100 ล้านบาทต่อปี ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามข้อ 1 และ 2 โดยให้รายงานการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลางรายการดังกล่าว ให้นายกรัฐมนตรีทราบด้วย

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 --จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ