คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) ในการ ประชุมครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2552 ตามที่เลขาธิการ ก.พ.ร. กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการบริหารงาน จังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการเสนอ และให้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ดังนี้
1. เห็นชอบการจัดตั้งกลุ่มจังหวัด จำนวน 18 กลุ่มจังหวัด และการกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด ตามมติคณะ รัฐมนตรี วันที่ 15 มกราคม 2551
2. เห็นชอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดของจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัดทำหน้าที่เป็นหัวหน้ากลุ่มจังหวัด ยกเว้นกลุ่มจังหวัดภาค ใต้ชายแดน (สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) ซึ่งกำหนดให้ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม จังหวัด
สาระสำคัญของเรื่อง
1. คณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2551 มีมติเห็นชอบการปรับปรุงการจัดกลุ่มจังหวัดและการกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ ปฏิบัติการกลุ่มจังหวัดตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ครั้งที่ 13/2550 วันที่ 17 ธันวาคม 2550 ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ จากเดิม 19 กลุ่มจังหวัด ปรับเป็น 18 กลุ่มจังหวัด พร้อมทั้งกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการกลุ่มจังหวัดเพื่อรับผิดชอบการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ของกลุ่ม จังหวัด และเป็นผู้ใช้กลไกการบูรณาการ การจัดทำแผนพัฒนาของกลุ่มจังหวัด โดยจะเป็นแกนกลางในการประสานงานและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของ กลุ่มจังหวัด
2. พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ. 2551 มาตรา 26 วางแนวทางเกี่ยวกับการจัด ตั้งกลุ่มจังหวัด และการกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด ดังนี้
“ให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) พิจารณาจัดตั้งกลุ่มจังหวัดและกำหนด จังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ
การจัดตั้งกลุ่มจังหวัดและกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัดตามวรรคหนึ่งให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดของจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัดทำหน้าที่เป็นหัวหน้ากลุ่มจังหวัด เว้นแต่ ก.น.จ. จะกำหนดเป็น อย่างอื่น”
3. ก.น.จ.ในการประชุมครั้งที่ 1/2552 วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2552 มีมติเห็นชอบเกี่ยวกับการจัดตั้งกลุ่มจังหวัด การกำหนดจังหวัดที่ เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด และการกำหนดหัวหน้ากลุ่มจังหวัด ดังนี้
เห็นชอบด้วยในการจัดตั้งกลุ่มจังหวัด จำนวน 18 กลุ่มจังหวัด และการกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด ตามมติคณะ รัฐมนตรี วันที่ 15 มกราคม 2551 ซึ่งสรุปได้ดังนี้
1. แนวทางการจัดกลุ่มจังหวัด
ใช้แนวทางเดิมตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2546 ที่กำหนดว่า (1) ความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างพื้นที่ เพื่อ สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ (2) ความเกี่ยวเนื่องทางเศรษฐกิจ การผลิต การค้า และการลงทุนเพื่อมูลค่าเพิ่มและการได้ เปรียบในการแข่งขันร่วมกัน (3) ยุทธศาสตร์ของการแก้ปัญหาเร่งด่วนร่วมกันของประเทศซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างจังหวัด โดยมุ่งเน้น ให้ความสำคัญกับลักษณะเขตพื้นที่ที่ติดต่อกันหรือเป็นการรวมกลุ่มจังหวัดที่อยู่ในเขตพื้นที่ติดต่อกันหรือต่อเนื่องกัน เป็นข้อพิจารณาเบื้องต้นของการจัดกลุ่ม จังหวัด ใช้ประเด็นยุทธศาสตร์ หรือทิศทางการพัฒนาจังหวัดที่สอดคล้องกัน หรือเกื้อหนุนต่อกันเป็นแนวการพิจารณาขั้นที่สอง และประการสุดท้าย พิจารณาจากความเกี่ยวเนื่องทางเศรษฐกิจ การผลิต การค้า และการลงทุนเพื่อมูลค่าเพิ่ม และการได้เปรียบในการแข่งขันร่วมกัน รวมทั้งเป็นการ แก้ไขปัญหาเร่งด่วนที่จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือร่วมกันระหว่างจังหวัด
2. แนวทางการกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการกลุ่มจังหวัด
1) การกำหนดให้มีจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการกลุ่มจังหวัดจะทำให้มีโครงสร้างองค์กรที่รับผิดชอบการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ ของกลุ่มจังหวัดอย่างชัดเจนและเป็นผู้ใช้กลไกการบูรณาการการจัดทำแผนพัฒนาของกลุ่มจังหวัดให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของชาติโดยจะเป็นแกนกลาง ในการประสานงานและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของกลุ่มจังหวัด รวมทั้งเป็นที่ตั้งของสำนักงานบริหารยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดซึ่งเป็นหน่วยงานในการรองรับ การเบิกจ่ายงบประมาณหรือการทำแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดด้วย
2) แนวทางในการกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการกลุ่มจังหวัด ต้องเป็นจังหวัดที่มีลักษณะสอดคล้องกับลักษณะข้อใดข้อหนึ่งหรือ มากกว่า ดังนี้
(1) เป็นจังหวัดที่มีการคมนาคม ติดต่อสื่อสารและเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดในกลุ่มได้สะดวก
(2) เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ และสามารถขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของกลุ่มจังหวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
(3) เป็นศูนย์กลางทางสังคมและวัฒนธรรม หรือเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาที่สามารถสนับสนุนความรู้ทางวิชาการให้กับ จังหวัดภายในกลุ่มจังหวัดได้
(4) เป็นศูนย์กลางของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และธุรกิจต่าง ๆ
(5) เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพและความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนการดำเนินการในเรื่องแผนงาน งบประมาณ และทรัพยากร ทางการบริหารให้กับจังหวัดอื่นในกลุ่มได้
3. รูปแบบในการจัดกลุ่มจังหวัด
กลุ่มจังหวัด จังหวัดในกลุ่ม จังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด 1 ภาคกลางตอนบน 1 นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี พระนครศรีอยุธยา 2 ภาคกลางตอนบน 2 ชัยนาท ลพบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี 3 ภาคกลางตอนกลาง ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว นครนายก สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา 4 ภาคกลางตอนล่าง 1 กาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม 5 ภาคกลางตอนล่าง 2 ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี 6 ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี 7 ภาคใต้ฝั่งอันดามัน ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง ภูเก็ต 8 ภาคใต้ชายแดน สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา 9 ภาคตะวันออก จันทบุรี ชลบุรี ระยอง ตราด ชลบุรี 10 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หนองคาย เลย อุดรธานี หนองบัวลำภู อุดรธานี ตอนบน 1 11 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นครพนม มุกดาหาร สกลนคร สกลนคร ตอนบน 2 12 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ตอนกลาง 13 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร อุบลราชธานี อุบลราชธานี ตอนล่าง 2 14 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สุรินทร์ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ชัยภูมิ นครราชสีมา ตอนล่าง 1 15 ภาคเหนือตอนบน 1 เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ 16 ภาคเหนือตอนบน 2 น่าน พะเยา เชียงราย แพร่ เชียงราย 17 ภาคเหนือตอนล่าง 1 ตาก พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก 18 ภาคเหนือตอนล่าง 2 กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี นครสวรรค์
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 --จบ--