คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติและร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
ร่างพระราชบัญญัติและร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน 2 ฉบับ ประกอบด้วย
1. ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร ดังนี้
1.1 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 42 ทวิ โดยปรับปรุงจำนวนเงินที่ยอมให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาสำหรับเงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน และเงินได้จากหน้าที่งาน ตำแหน่งงานที่ทำ หรือการรับทำงานให้ ซึ่งเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) และ (2) แห่งประมวลรัษฎากร จากเดิมในอัตราร้อยละ 40 แต่รวมกันต้องไม่เกิน 60,000 บาท เป็น ร้อยละ 60 แต่รวมกันต้องไม่เกิน 100,000 บาท
1.2 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 42 ตรี โดยปรับปรุงจำนวนเงินที่ยอมให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาสำหรับเงินได้ที่เป็นค่าแห่งลิขสิทธิ์และสิทธิบัตร จากเดิมในอัตราร้อยละ 40 แต่รวมกันต้องไม่เกิน 60,000 บาท เป็นร้อยละ 60 แต่รวมกันต้องไม่เกิน 100,000 บาท
1.3 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 86/8 โดยปรับปรุงจำนวนเงินสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งประกอบกิจการรายย่อยที่ไม่จำต้องออกใบกำกับภาษีให้มีจำนวนสูงขึ้น จากเดิมต้องมี จำนวนไม่เกิน 1,000 บาท เป็นไม่เกิน 5,000 บาท
1.4 แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยาม “ตราสาร” “กระดาษ” “แสตมป์” “กระทำ” “ปิดแสตมป์” “ขีดฆ่า”และ “ปิดแสตมป์บริบูรณ์” ในมาตรา 103 เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับปรุงการจัดเก็บอากรแสตมป์ในการทำตราสารและการเสียอากรแสตมป์สำหรับตราสาร
1.5 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 105(1) โดยปรับปรุงจำนวนเงินสำหรับการรับเงินหรือรับชำระราคาเฉพาะการขายสินค้าหรือการให้บริการของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และผู้ประกอบกิจการที่จดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะที่ต้องออกใบรับตามที่อธิบดีกำหนดให้มีจำนวนสูงขึ้นจากเดิมที่ให้อธิบดีกำหนดได้ไม่เกิน 1,000 บาท ไม่เกิน 5,000 บาท
1.6 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 119 โดยปรับปรุงกรณีตราสารซึ่งเจ้าพนักงานรัฐบาลหรือเทศบาลต้องลงนามหรือรับรู้ หรือต้องทำต่อหน้า หรือต้องลงบันทึก ซึ่งกำหนดห้ามมิให้เจ้าพนักงานลงนามรับรู้ หรือยอมให้ทำหรือบันทึกไว้จนกว่าจะได้เสียอากร โดยปิดแสตมป์ครบจำนวน ซึ่งกฎหมายกำหนดให้เจ้าพนักงานดังกล่าวต้องเป็นเจ้าพนักงานรัฐบาลหรือเทศกาล เพื่อให้ครอบคลุมถึงเจ้าพนักงานรัฐบาลหรือองค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่น
1.7 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 122 โดยปรับปรุงกำหนดเวลาการยื่นคำร้องขอคืนอากรแสตมป์กรณีการเสียอากรหรือค่าเพิ่มอากรเกินไป หรือที่ไม่มีหน้าที่ต้องเสีย จากเดิมต้องยื่นภายในเวลา 6 เดือน นับแต่วันเสียอากรหรือค่าเพิ่มอากร เป็น ภายใน 3 ปี นับแต่วันเสียอากรหรือค่าเพิ่มอากร เพื่อให้เท่ากับกำหนดเวลาการยื่นคำร้องขอคืนภาษีประเภทอื่นที่จัดเก็บตามประมวลรัษฎากร
1.8 แก้ไขเพิ่มเติม 124 โดยปรับปรุงบทลงโทษ กรณีผู้มีหน้าที่เสียอากร หรือขีดฆ่าอากรแสตมป์ เพิกเฉยหรือปฏิเสธ ไม่เสียอากรหรือไม่ขีดฆ่าแสตมป์ จากเดิม ปรับไม่เกิน 500 บาท เป็น ปรับไม่เกิน 2,000 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับบทกำหนดโทษของความผิดทางอาญากรณีไม่ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีประเภทอื่นตาม
ประมวลรัษฎากร
1.9 ปรับปรุงบัญชีอัตราอากรแสตมป์ โดยยกเลิกการจัดเก็บอากรแสตมป์สำหรับตราสารที่ไม่มีการกระทำในปัจจุบัน ตราสารที่เป็นภาระของผู้ประกอบการในการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศ และตราสารที่เป็นอุปสรรคนการติดต่อระหว่างผู้ประกอบการในการประกอบธุรกิจ เพื่อสนับสนุนการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศ ลดภาระของผู้ประกอบการ และประหยัดต้นทุนการจัดเก็บอากรแสตมป์
2. ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการกำหนดค่าใช้จ่ายที่ยอมให้หักจากเงินได้พึงประเมิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาสำหรับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งเป็นเงินได้จากการเก็บค่าต๋งหรือค่าเกมจากการพนัน การแข่งขัน หรือการเล่นต่าง ๆ และรางวัลที่เจ้าของม้าได้จากการส่งม้าเข้าแข่ง ให้หักได้ในอัตราร้อยละ 50 และกำหนดให้เงินได้จากการทำของขายและการรับจ้างทำของซึ่งยังไม่ได้กำหนดให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาให้มีสิทธิหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ในอัตราร้อยละ 60 เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพของการประกอบกิจการของผู้มีเงินได้ในปัจจุบัน
กระทรวงการคลังรายงานว่า ตามแผนพัฒนากฎหมายของกระทรวงการคลัง ประจำปี 2549 ได้เสนอแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศ และตราพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการกำหนดค่าใช้จ่ายที่ยอมให้หักจากเงินได้พึงประเมินฯ เพื่อกำหนดให้การหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาสำหรับเงินได้จากการเก็บค่าต๋งหรือค่าเกมจากการพนันการแข่งขัน หรือการเล่นต่าง ๆ และรางวัลที่เจ้าของม้าได้จากการส่งม้าเข้าแข่ง และเงินได้จากการทำของขายและการรับจ้างทำของซึ่งยังไม่ได้กำหนดให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาให้มีสิทธิหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ในอัตราที่สูงขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพของการประกอบกิจการของผู้มีเงินได้ในปัจจุบันจึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติและร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับ ดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 1 สิงหาคม 2549--จบ--
ร่างพระราชบัญญัติและร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน 2 ฉบับ ประกอบด้วย
1. ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร ดังนี้
1.1 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 42 ทวิ โดยปรับปรุงจำนวนเงินที่ยอมให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาสำหรับเงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน และเงินได้จากหน้าที่งาน ตำแหน่งงานที่ทำ หรือการรับทำงานให้ ซึ่งเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) และ (2) แห่งประมวลรัษฎากร จากเดิมในอัตราร้อยละ 40 แต่รวมกันต้องไม่เกิน 60,000 บาท เป็น ร้อยละ 60 แต่รวมกันต้องไม่เกิน 100,000 บาท
1.2 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 42 ตรี โดยปรับปรุงจำนวนเงินที่ยอมให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาสำหรับเงินได้ที่เป็นค่าแห่งลิขสิทธิ์และสิทธิบัตร จากเดิมในอัตราร้อยละ 40 แต่รวมกันต้องไม่เกิน 60,000 บาท เป็นร้อยละ 60 แต่รวมกันต้องไม่เกิน 100,000 บาท
1.3 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 86/8 โดยปรับปรุงจำนวนเงินสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งประกอบกิจการรายย่อยที่ไม่จำต้องออกใบกำกับภาษีให้มีจำนวนสูงขึ้น จากเดิมต้องมี จำนวนไม่เกิน 1,000 บาท เป็นไม่เกิน 5,000 บาท
1.4 แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยาม “ตราสาร” “กระดาษ” “แสตมป์” “กระทำ” “ปิดแสตมป์” “ขีดฆ่า”และ “ปิดแสตมป์บริบูรณ์” ในมาตรา 103 เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับปรุงการจัดเก็บอากรแสตมป์ในการทำตราสารและการเสียอากรแสตมป์สำหรับตราสาร
1.5 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 105(1) โดยปรับปรุงจำนวนเงินสำหรับการรับเงินหรือรับชำระราคาเฉพาะการขายสินค้าหรือการให้บริการของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และผู้ประกอบกิจการที่จดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะที่ต้องออกใบรับตามที่อธิบดีกำหนดให้มีจำนวนสูงขึ้นจากเดิมที่ให้อธิบดีกำหนดได้ไม่เกิน 1,000 บาท ไม่เกิน 5,000 บาท
1.6 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 119 โดยปรับปรุงกรณีตราสารซึ่งเจ้าพนักงานรัฐบาลหรือเทศบาลต้องลงนามหรือรับรู้ หรือต้องทำต่อหน้า หรือต้องลงบันทึก ซึ่งกำหนดห้ามมิให้เจ้าพนักงานลงนามรับรู้ หรือยอมให้ทำหรือบันทึกไว้จนกว่าจะได้เสียอากร โดยปิดแสตมป์ครบจำนวน ซึ่งกฎหมายกำหนดให้เจ้าพนักงานดังกล่าวต้องเป็นเจ้าพนักงานรัฐบาลหรือเทศกาล เพื่อให้ครอบคลุมถึงเจ้าพนักงานรัฐบาลหรือองค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่น
1.7 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 122 โดยปรับปรุงกำหนดเวลาการยื่นคำร้องขอคืนอากรแสตมป์กรณีการเสียอากรหรือค่าเพิ่มอากรเกินไป หรือที่ไม่มีหน้าที่ต้องเสีย จากเดิมต้องยื่นภายในเวลา 6 เดือน นับแต่วันเสียอากรหรือค่าเพิ่มอากร เป็น ภายใน 3 ปี นับแต่วันเสียอากรหรือค่าเพิ่มอากร เพื่อให้เท่ากับกำหนดเวลาการยื่นคำร้องขอคืนภาษีประเภทอื่นที่จัดเก็บตามประมวลรัษฎากร
1.8 แก้ไขเพิ่มเติม 124 โดยปรับปรุงบทลงโทษ กรณีผู้มีหน้าที่เสียอากร หรือขีดฆ่าอากรแสตมป์ เพิกเฉยหรือปฏิเสธ ไม่เสียอากรหรือไม่ขีดฆ่าแสตมป์ จากเดิม ปรับไม่เกิน 500 บาท เป็น ปรับไม่เกิน 2,000 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับบทกำหนดโทษของความผิดทางอาญากรณีไม่ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีประเภทอื่นตาม
ประมวลรัษฎากร
1.9 ปรับปรุงบัญชีอัตราอากรแสตมป์ โดยยกเลิกการจัดเก็บอากรแสตมป์สำหรับตราสารที่ไม่มีการกระทำในปัจจุบัน ตราสารที่เป็นภาระของผู้ประกอบการในการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศ และตราสารที่เป็นอุปสรรคนการติดต่อระหว่างผู้ประกอบการในการประกอบธุรกิจ เพื่อสนับสนุนการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศ ลดภาระของผู้ประกอบการ และประหยัดต้นทุนการจัดเก็บอากรแสตมป์
2. ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการกำหนดค่าใช้จ่ายที่ยอมให้หักจากเงินได้พึงประเมิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาสำหรับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งเป็นเงินได้จากการเก็บค่าต๋งหรือค่าเกมจากการพนัน การแข่งขัน หรือการเล่นต่าง ๆ และรางวัลที่เจ้าของม้าได้จากการส่งม้าเข้าแข่ง ให้หักได้ในอัตราร้อยละ 50 และกำหนดให้เงินได้จากการทำของขายและการรับจ้างทำของซึ่งยังไม่ได้กำหนดให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาให้มีสิทธิหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ในอัตราร้อยละ 60 เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพของการประกอบกิจการของผู้มีเงินได้ในปัจจุบัน
กระทรวงการคลังรายงานว่า ตามแผนพัฒนากฎหมายของกระทรวงการคลัง ประจำปี 2549 ได้เสนอแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศ และตราพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการกำหนดค่าใช้จ่ายที่ยอมให้หักจากเงินได้พึงประเมินฯ เพื่อกำหนดให้การหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาสำหรับเงินได้จากการเก็บค่าต๋งหรือค่าเกมจากการพนันการแข่งขัน หรือการเล่นต่าง ๆ และรางวัลที่เจ้าของม้าได้จากการส่งม้าเข้าแข่ง และเงินได้จากการทำของขายและการรับจ้างทำของซึ่งยังไม่ได้กำหนดให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาให้มีสิทธิหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ในอัตราที่สูงขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพของการประกอบกิจการของผู้มีเงินได้ในปัจจุบันจึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติและร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับ ดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 1 สิงหาคม 2549--จบ--