คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ พ.ศ. .... ที่คณะรัฐมนตรีชุดก่อนได้มีมติอนุมัติหลักการและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว และให้รับข้อสังเกตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
ในกรณีที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เห็นสมควรรับฟังข้อเท็จจริงและควมเห็นอื่นใดอันจะเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของคณะกรรมการตามร่างระเบียบทั้ง 2 ฉบับนี้ ให้พิจารณาแต่งตั้งผู้แทนภาคเอกชน ซึ่งเป็นผู้ค้า ผู้ประกอบการ และองค์กรผู้เลี้ยง เป็นคณะกรรมการที่ปรึกษาและช่วยเหลือในการดำเนินงานของคณะกรรมการตามความเหมาะสมต่อไป
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการายงานว่า
1. คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 2) ได้ตรวจพิจารณาร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2547 รวม 2 ฉบับเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังไม่เห็นชอบด้วยกับองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ และคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ตามร่างข้อ 4 ของ ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ฉบับ โดยเห็นควรกำหนดสัดส่วนของคณะกรรมการโดยตำแหน่งและกรรมการซึ่งเป็นผู้ได้รับการคัดเลือกจากผู้ค้า ผู้ประกอบการและองค์กรผู้เลี้ยงให้เท่ากันหรือใกล้เคียงกัน และขอแก้ไขร่างข้อ 4 ของร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ฉบับดังนี้
1.1 ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ พ.ศ. ....
(1) ร่างข้อ 4 (3) กำหนดให้อธิบดีกรมปศุสัตว์เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง (เดิมเป็นกรรมการและเลขานุการ) และเพิ่มนายกสมาคมสัตวบาลแห่งประเทศไทยและนายกสัตวแพทยของสมาคมแห่งประเทศในพระบรมราชูปถัมภ์เป็นกรรมการโดยตำแหน่งด้วย
(2) ร่างข้อ 4 (4) เพิ่มกรรมการซึ่งเป็นผู้ได้รับการคัดเลือกจากผู้ค้า ผู้ประกอบการ สมาคมผู้เลี้ยงและสหกรณ์ผู้เลี้ยง จากเดิมแห่งละ 1 คน เป็น จากผู้ค้า 3 คน ผู้ประกอยการ 2 คน และองค์กรผู้เลี้ยง 7 คน
(3) ร่างข้อ 4 วรรคสอง กำหนดให้รองอธิบดีกรมปศุสัตว์เป็นกรรมการและเลขานุการ และให้ผู้ช่วยเลขานุการเป็นกรรมการด้วย
1.2 ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ พ.ศ. ...
(1) ร่างข้อ 4 (3) กำหนดให้อธิบดีกรมปศุสัตว์เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง (เดิมเป็นกรรมการและเลขานุการ)
(2) ร่างข้อ 4 (4) เพิ่มกรรมการซึ่งเป็นผู้ได้รับการคัดเลือกจากผู้ค้า ผู้ประกอบการ สมาคมผู้เลี้ยงและสหกรณ์ผู้เลี้ยงจากเดิมแห่งละ 1 คน เป็น จากผู้ค้า 3 คน ผู้ประกอบการ 5 คน และองค์กรผู้เลี้ยง 4 คน
(3) ร่างข้อ 4 วรรคสอง กำหนดให้รองอธิบดีกรมปศุสัตว์เป็นกรรมการและเลขานุการ และให้ผู้ช่วยเลขานุการเป็นกรรมการด้วย
2. คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 2) ได้พิจารณาความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตามข้อ 1.1 แล้วมีความเห็นดังนี้
2.1 คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 2) ได้พิจารณาปรับปรุงร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ฉบับ โดยยึดหลักการของมาตรา 11 (8) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดินฯ อันเป็นกฎหมายแม่บทให้ออกระเบียบนี้ โดยในการกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายตามร่างข้อ 4 ของ ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ฉบับ ได้กำหนดให้มีกรรมการโดยตำแหน่ง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากภาคราชการมากกว่าภาคเอกชน เพื่อให้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการที่จะต้องเสนอแนะการส่งเสริมและพัฒนาสุกรและไก่ไข่และวางแนวปฏิบัติให้กับส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีการปฏิบัติโดยสอดคล้องกัน
2.2 ในการกำหนดองค์ประกอบคณะกรรมการได้คำนึงถึงเจตนารมณ์ในการเสนอร่างระเบียบที่ต้องการให้มีส่วนร่วมจากภาคเอกชน จึงกำหนดให้มีผู้แทนภาคเอกชนเป็นกรรมการ จำนวน 4 คน ผู้ทรงคุณวุฒิอีกจำนวน 4 คน เมื่อรวมกันก็จะเป็นกรรมการที่มิใช่โดยตำแหน่ง จำนวน 8 คน เท่ากับกรรมการโดยตำแหน่ง 8 คน (ไม่รวมประธาน รองประธานและเลขานุการ) ดังนั้น สัดส่วนของกรรมการโดยตำแหน่งและกรรมการอื่นที่ไม่ได้จากภาคราชการจึงมีจำนวนที่ใกล้เคียงกัน
2.3 สำหรับสัดส่วนของคณะกรรมการนโยบายตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ คือ
(1) คณะกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์จะประกอบด้วยกรรมการจากภาคราชการโดยตำแหน่ง จำนวน 9 คน กรรมการที่มิได้มาจากภาคราชการ จำนาน 18 คน ได้แก่ จากสมาคมวิชาชีพ 2 คน จากผู้ค้า ผู้ประกอบการและองค์กรผู้เลี้ยง จำนวน 12 คน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 4 คน
(2) คณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์จะประกอบด้วย กรรมการจากภาคราชการโดยตำแหน่ง จำนวน 7 คน กรรมการที่มิได้มาจากภาคราชการ จำนวน 18 คน ได้แก่ จากสมาคมวิชาชีพ จำนวน 2 คน จากผู้ค้า ผู้ประกอบการและองค์กรผู้เลี้ยงจำนวน 12 คนและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 4 คน จะเห็นได้ว่า กรรมการที่มิได้มาจากภาคราชการมีจำนวนมากกว่ากรรมการที่มาจากภาคราชการ ซึ่งขัดกับหลักการบริหารราชการแผ่นดินและอาจมีผลทำให้แนวทางการปฏิบัติราชการต้องเป็นไปตามที่ผู้ประกอบการกำหนดและจะกระทบกับการปฏิบัติงานตามภารกิจของส่วนราชการที่จะต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล และการทำหน้าที่ของส่วนราชการในการคุ้มครองประชาชนผู้บริโภคไม่สามารถกระทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ จำนวนกรรมการที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอขอแก้ไขใหม่มีจำนวนถึง 32 คน และ 30 คน ตามลำดับ ซึ่งแตกต่างจากร่างของคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 2 ที่มีจำนวน 20 คน ซึ่งการมีคณะกรรมการจำนวนมากจะทำให้การพิจารณาเรื่องมีความล่าช้าและไม่คล่องตัว
2.4 ดังนั้น คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 2) จึงเห็นว่าร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ฉบับที่ได้ตรวจพิจารณาไปแล้วมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับมาตรา 11 (8) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 แล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 25 กรกฎาคม 2549--จบ--
ในกรณีที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เห็นสมควรรับฟังข้อเท็จจริงและควมเห็นอื่นใดอันจะเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของคณะกรรมการตามร่างระเบียบทั้ง 2 ฉบับนี้ ให้พิจารณาแต่งตั้งผู้แทนภาคเอกชน ซึ่งเป็นผู้ค้า ผู้ประกอบการ และองค์กรผู้เลี้ยง เป็นคณะกรรมการที่ปรึกษาและช่วยเหลือในการดำเนินงานของคณะกรรมการตามความเหมาะสมต่อไป
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการายงานว่า
1. คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 2) ได้ตรวจพิจารณาร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2547 รวม 2 ฉบับเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังไม่เห็นชอบด้วยกับองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ และคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ตามร่างข้อ 4 ของ ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ฉบับ โดยเห็นควรกำหนดสัดส่วนของคณะกรรมการโดยตำแหน่งและกรรมการซึ่งเป็นผู้ได้รับการคัดเลือกจากผู้ค้า ผู้ประกอบการและองค์กรผู้เลี้ยงให้เท่ากันหรือใกล้เคียงกัน และขอแก้ไขร่างข้อ 4 ของร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ฉบับดังนี้
1.1 ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ พ.ศ. ....
(1) ร่างข้อ 4 (3) กำหนดให้อธิบดีกรมปศุสัตว์เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง (เดิมเป็นกรรมการและเลขานุการ) และเพิ่มนายกสมาคมสัตวบาลแห่งประเทศไทยและนายกสัตวแพทยของสมาคมแห่งประเทศในพระบรมราชูปถัมภ์เป็นกรรมการโดยตำแหน่งด้วย
(2) ร่างข้อ 4 (4) เพิ่มกรรมการซึ่งเป็นผู้ได้รับการคัดเลือกจากผู้ค้า ผู้ประกอบการ สมาคมผู้เลี้ยงและสหกรณ์ผู้เลี้ยง จากเดิมแห่งละ 1 คน เป็น จากผู้ค้า 3 คน ผู้ประกอยการ 2 คน และองค์กรผู้เลี้ยง 7 คน
(3) ร่างข้อ 4 วรรคสอง กำหนดให้รองอธิบดีกรมปศุสัตว์เป็นกรรมการและเลขานุการ และให้ผู้ช่วยเลขานุการเป็นกรรมการด้วย
1.2 ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ พ.ศ. ...
(1) ร่างข้อ 4 (3) กำหนดให้อธิบดีกรมปศุสัตว์เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง (เดิมเป็นกรรมการและเลขานุการ)
(2) ร่างข้อ 4 (4) เพิ่มกรรมการซึ่งเป็นผู้ได้รับการคัดเลือกจากผู้ค้า ผู้ประกอบการ สมาคมผู้เลี้ยงและสหกรณ์ผู้เลี้ยงจากเดิมแห่งละ 1 คน เป็น จากผู้ค้า 3 คน ผู้ประกอบการ 5 คน และองค์กรผู้เลี้ยง 4 คน
(3) ร่างข้อ 4 วรรคสอง กำหนดให้รองอธิบดีกรมปศุสัตว์เป็นกรรมการและเลขานุการ และให้ผู้ช่วยเลขานุการเป็นกรรมการด้วย
2. คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 2) ได้พิจารณาความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตามข้อ 1.1 แล้วมีความเห็นดังนี้
2.1 คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 2) ได้พิจารณาปรับปรุงร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ฉบับ โดยยึดหลักการของมาตรา 11 (8) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดินฯ อันเป็นกฎหมายแม่บทให้ออกระเบียบนี้ โดยในการกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายตามร่างข้อ 4 ของ ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ฉบับ ได้กำหนดให้มีกรรมการโดยตำแหน่ง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากภาคราชการมากกว่าภาคเอกชน เพื่อให้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการที่จะต้องเสนอแนะการส่งเสริมและพัฒนาสุกรและไก่ไข่และวางแนวปฏิบัติให้กับส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีการปฏิบัติโดยสอดคล้องกัน
2.2 ในการกำหนดองค์ประกอบคณะกรรมการได้คำนึงถึงเจตนารมณ์ในการเสนอร่างระเบียบที่ต้องการให้มีส่วนร่วมจากภาคเอกชน จึงกำหนดให้มีผู้แทนภาคเอกชนเป็นกรรมการ จำนวน 4 คน ผู้ทรงคุณวุฒิอีกจำนวน 4 คน เมื่อรวมกันก็จะเป็นกรรมการที่มิใช่โดยตำแหน่ง จำนวน 8 คน เท่ากับกรรมการโดยตำแหน่ง 8 คน (ไม่รวมประธาน รองประธานและเลขานุการ) ดังนั้น สัดส่วนของกรรมการโดยตำแหน่งและกรรมการอื่นที่ไม่ได้จากภาคราชการจึงมีจำนวนที่ใกล้เคียงกัน
2.3 สำหรับสัดส่วนของคณะกรรมการนโยบายตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ คือ
(1) คณะกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์จะประกอบด้วยกรรมการจากภาคราชการโดยตำแหน่ง จำนวน 9 คน กรรมการที่มิได้มาจากภาคราชการ จำนาน 18 คน ได้แก่ จากสมาคมวิชาชีพ 2 คน จากผู้ค้า ผู้ประกอบการและองค์กรผู้เลี้ยง จำนวน 12 คน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 4 คน
(2) คณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์จะประกอบด้วย กรรมการจากภาคราชการโดยตำแหน่ง จำนวน 7 คน กรรมการที่มิได้มาจากภาคราชการ จำนวน 18 คน ได้แก่ จากสมาคมวิชาชีพ จำนวน 2 คน จากผู้ค้า ผู้ประกอบการและองค์กรผู้เลี้ยงจำนวน 12 คนและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 4 คน จะเห็นได้ว่า กรรมการที่มิได้มาจากภาคราชการมีจำนวนมากกว่ากรรมการที่มาจากภาคราชการ ซึ่งขัดกับหลักการบริหารราชการแผ่นดินและอาจมีผลทำให้แนวทางการปฏิบัติราชการต้องเป็นไปตามที่ผู้ประกอบการกำหนดและจะกระทบกับการปฏิบัติงานตามภารกิจของส่วนราชการที่จะต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล และการทำหน้าที่ของส่วนราชการในการคุ้มครองประชาชนผู้บริโภคไม่สามารถกระทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ จำนวนกรรมการที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอขอแก้ไขใหม่มีจำนวนถึง 32 คน และ 30 คน ตามลำดับ ซึ่งแตกต่างจากร่างของคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 2 ที่มีจำนวน 20 คน ซึ่งการมีคณะกรรมการจำนวนมากจะทำให้การพิจารณาเรื่องมีความล่าช้าและไม่คล่องตัว
2.4 ดังนั้น คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 2) จึงเห็นว่าร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ฉบับที่ได้ตรวจพิจารณาไปแล้วมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับมาตรา 11 (8) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 แล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 25 กรกฎาคม 2549--จบ--