คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาพื้นที่โดยรอบ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้เพิ่มผู้แทนสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นกรรมการในคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตามร่างข้อ 6 แล้วดำเนินการต่อไปได้
สาระสำคัญของร่างระเบียบมีดังนี้
1. กำหนดคำนิยามที่สำคัญได้แก่ “หน่วยงาน” “ส่วนราชการ” “ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” “การพัฒนาพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” เป็นต้น (ร่างข้อ 4)
2. กำหนดให้กรณีมีปัญหาหรือมีความจำเป็นที่ไม่อาจปฏิบัติตามระเบียบนี้ได้ ให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจสั่งยกเว้นการปฏิบัติตามที่เห็นสมควร รวมทั้งมีอำนาจดำเนินการตามควรเพื่อให้การพัฒนาพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล (ร่างข้อ 5)
3. กำหนดให้มีคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเรียกโดยย่อว่า “กพส.” ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นรองประธานกรรมการ กรรมการโดยตำแหน่ง จำนวน 25 คน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน ผู้บริหารท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับแผนแม่บท เป็นกรรมการตามที่ประธานกรรมการกำหนด และให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นกรรมการและเลขานุการ (ร่างข้อ 6)
4. กำหนดวาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นตำแหน่ง ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ โดยมีวาระดำรงตำแหน่ง 4 ปี และอาจได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการได้ไม่เกินสองวาระติดต่อกัน กำหนดองค์ประชุม และอำนาจหน้าที่ของ กพส. ตามที่กำหนด (ร่างข้อ 7 — ร่างข้อ 10)
5. กำหนดให้มีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเรียกโดยย่อว่า “สพส.” อยู่ในสังกัดสำนักนโยบายและแผน สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย มีอำนาจและหน้าที่เกี่ยวกับกิจการทั่วไป และอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด (ร่างข้อ 12)
6. กำหนดให้มีผู้อำนวยการ สพส. 1 คน โดยให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยแต่งตั้งจากข้าราชการในสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบการปฏิบัติงานของ สพส. และให้มีอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นข้าราชการตามที่กำหนด (ร่างข้อ 13)
7. กำหนดให้ค่าใช้จ่ายสำหรับ กพส. คณะอนุกรรมการ คณะทำงานที่ กพส. แต่งตั้ง และ สพส. รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่จำเป็น ให้จ่ายจากงบประมาณของสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้เพียงพอต่อการดำเนินงาน (ร่างข้อ 14)
8. กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำแผนแม่บท แผนงานหรือโครงการ ตามที่กำหนด (ร่างข้อ 15 — ร่างข้อ 18)
9. กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการบริหารและการควบคุมโครงการ ตามที่กำหนด (ร่างข้อ 19 — ร่างข้อ 22)
10. กำหนดบทเฉพาะกาลให้ระเบียบนี้มีผลใช้บังคับเป็นระยะเวลา 4 ปี และให้คณะรัฐมนตรีมีอำนาจขยายระยะเวลาออกไปได้อีกคราวละ 2 ปี (ร่างข้อ 23)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 10 มีนาคม 2552 --จบ--