การกู้เงินของธนาคารอาคารสงเคราะห์ในปีงบประมาณ 2552 จำนวน 5,000 ล้านบาท

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 11, 2009 13:28 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์กู้เงินในประเทศในปีงบประมาณ 2552 จำนวน 5,000 ล้านบาท และอนุมัติให้กระทรวงการคลัง เป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน และการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารอาคารสงเคราะห์) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณไปประกอบการพิจารณาด้วย

กระทรวงการคลังรายงานว่า

1. แผนการดำเนินงานในปี 2552 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) คาดว่าจะปล่อยสินเชื่อได้ประมาณ 73,500 ล้านบาท โดย ธอส. ยังคงมีนโยบายสนับสนุนสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำให้แก่ผู้มีรายได้น้อย-ปานกลาง ให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งปัจจุบัน ธอส. มีลูกค้าที่มีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 20,000 บาท จำนวนรวม 180,057.06 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 31.69 ของสินเชื่อรวมของธนาคาร และวงเงินกู้ไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 389,401.76 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 68.53 ของสินเชื่อทั้งหมดของธนาคาร และมีสินเชื่อคงค้างที่เป็นโครงการตามนโยบายรัฐบาลจำนวนประมาณ 116,731.20 ล้านบาท โดยในเบื้องต้นมีโครงการตามนโยบายรัฐบาลที่จะปล่อยสินเชื่อในปี 2552 เช่น โครงการบ้าน ธอส. เพื่อที่อยู่อาศัยแห่งแรก โครงการบ้าน ธอส. — กบข. เพื่อที่อยู่อาศัยของข้าราชการ โครงการบ้าน เอื้ออาทร โครงการบ้านมั่นคง ธอส.-พอช. และโครงการบ้านมิตรภาพ ธอส.-สปส.

2. จากการที่สินเชื่อที่ ธอส. ให้กู้ส่วนใหญ่จะมีอายุอยู่ระหว่าง 20-30 ปี ในขณะที่แหล่งเงินทุนส่วนใหญ่ของ ธอส. มาจากเงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำระยะสั้น ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหา Mismatch Fund ดังจะเห็นได้จากโครงสร้างของสินทรัพย์และหนี้สินของ ธอส. ตามประเภทของแหล่งที่มาและใช้ไปของเงินทุน ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2551 ดังนี้

                      สินทรัพย์                                              หนี้สินและทุน
สินทรัพย์ระยะยาว (การให้สินเชื่อ)          514,051             หนี้สินระยะยาว                    171,738
NPL                                  69,294             หนี้สินระยะสั้น                     429,390
การลงทุนระยะสั้น                        45,510             ทุน                              27,727
รวมสินทรัพย์                           628,855             รวมหนี้สินและทุน                   628,855

ซึ่งจะเห็นได้ว่า ธอส. มีสินทรัพย์ระยะยาวที่เป็นการให้สินเชื่อ จำนวน 514,051 ล้านบาท ในขณะที่มีหนี้สินที่เป็นแหล่งเงินทุนระยะยาว (พันธบัตร บัตรเงินฝาก ตั๋วสัญญาใช้เงินและเงินฝากที่อายุเงิน 1 ปี) จำนวน 171,738 ล้านบาท และหนี้สินที่เป็นแหล่งเงินทุนระยะสั้น (เงินฝาก และตั๋วสัญญาใช้เงินที่อายุน้อยกว่าหรือเท่ากับ 1 ปี) จำนวน 429,390 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนระหว่างเงินทุนระยะยาวต่อเงินทุนระยะสั้นเท่ากับร้อยละ 28.57 ต่อร้อยละ 71.43 จึงจะเห็นได้ว่า ธอส. ใช้เงินทุนส่วนใหญ่จากแหล่งเงินทุนระยะสั้นไปปล่อยสินเชื่อระยะยาว ดังนั้น การระดมทุนโดยการออกพันธบัตรระยะยาวจะช่วยลดปัญหาการ Mismatch ระหว่างหนี้สินและสินทรัพย์ของธนาคารและยังเป็นการลดความเสี่ยงทางด้านสภาพคล่องอีกด้วย

3. กระทรวงการคลังพิจารณาแล้วเห็นว่า เนื่องจากในระหว่างเดือนตุลาคม 2551-กันยายน 2552 ธอส.มีแผนที่จะระดมเงินทุนเพิ่ม จำนวน 51,000 ล้านบาท และออกพันธบัตรเพื่อ Roll over จำนวน 21,000 ล้านบาท รวมทั้งคาดว่าจะได้รับชำระเงินกู้ จำนวน 52,800 ล้านบาท ในขณะที่ ธอส. มีเป้าหมายว่าจะปล่อยสินเชื่อ จำนวน 85,620 ล้านบาท และมีการชำระคืนหนังสือยืนยันการรับฝากเงิน (R/D) ต้นเงินพันธบัตรที่ครบกำหนด และบัตรเงินฝาก (FRCD) และประมาณการยอดเงินฝากลด จำนวนทั้งสิ้น 55,981 ล้านบาท จึงจะทำให้ในช่วงเวลาดังกล่าว ธอส. จะมีแหล่งที่ใช้ไปของเงินมากกว่าแหล่งที่มาของเงิน จำนวน 16,801 ล้านบาท ซึ่งหากการระดมเงินทุนเพิ่มไม่เป็นไปตามเป้าหมาย หรือมีการปล่อยสินเชื่อในปริมาณที่มากกว่าประมาณการไว้ จะทำให้ ธอส. ประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องจากการดำเนินงานเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น การกู้เงินในปีงบประมาณ 2552 จำนวน 5,000 ล้านบาท จึงเป็นวิธีการระดมทุนวิธีหนึ่งที่ช่วยรักษาสภาพคล่องของ ธอส. ไม่ให้ต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ซึ่งกำหนดให้อัตราส่วนสภาพคล่องต่อเงินฝากเฉลี่ยอยู่ในระดับร้อยละ 6 นอกจากนี้ แหล่งเงินทุนส่วนใหญ่ของ ธอส. เป็นแหล่งเงินทุนระยะสั้น ในขณะที่ ธอส.ปล่อยสินเชื่อระยะยาว ซึ่งไม่สอดคล้องกันระหว่างแหล่งที่มาของเงิน และแหล่งที่ใช้ไปของเงิน (Mismatch Fund) ดังนั้น เพื่อเป็นการลดปัญหาการขาดสภาพคล่องในการดำเนินงานดังกล่าว ธอส. จึงมีความจำเป็นต้องระดมเงินทุนจากแหล่งเงินกู้ระยะยาวในปีงบประมาณ 2552 เพื่อให้สอดคล้องกับลักษณะการให้สินเชื่อระยะยาว จึงเห็นควรให้ ธอส.กู้เงินในปีงบประมาณ 2552 เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและอื่น ๆ จำนวนทั้งสิ้น 5,000 ล้านบาท

กระทรวงการคลังจึงเสนอเรื่องดังกล่าวมาเพื่อพิจารณา

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 10 มีนาคม 2552 --จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ