คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานสรุปผลการประชุมทวิภาคีระหว่างไทย - สปป.ลาว และการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ดังนี้
1. การประชุมทวิภาคีระหว่างไทย — สปป.ลาว : เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2549 ได้มีการประชุมทวิภาคีระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายวิเศษ จูภิบาล) กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ของ สปป.ลาว (ท่านบ่อสายคำ วงศ์ดารา) สรุปได้ดังนี้
1.1 โครงการรับซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาว
ฝ่ายลาวขอให้ฝ่ายไทยพิจารณารับซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาว เพิ่มจาก MOU เดิมที่ได้ตกลงกันไว้จำนวน 3,000 MW ภายในปี 2549 เป็น 5,000 MW ซึ่งมีการลงนาม PPA แล้ว 1,848 MW และยังมีโครงการที่มีศักยภาพขายไฟฟ้าให้แก่ไทยได้อีกประมาณ 4,000 MW โดยฝ่ายไทยยินดีพิจารณาซื้อไฟฟ้าจากลาวในราคาตามกลไกตลาด โดยเฉพาะโครงการใหม่ที่มีศักยภาพและได้มอบให้คณะกรรมการรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านพิจารณาความเหมาะสมและจัดลำดับความสำคัญเพื่อบรรจุไว้ในแผนการใช้ไฟฟ้าของประเทศต่อไป
1.2 โครงการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าบ้านนาบง และสายส่งไฟฟ้าขนาด 500 เควี เชื่อมโยงไทย — สปป.ลาว
- ฝ่ายลาวขอให้ฝ่ายไทยพิจารณาสนับสนุนให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมลงทุนกับการไฟฟ้าลาวในการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าบ้านนาบง และสายส่งไฟฟ้าขนาด 500 เควี จากบ้านนาบงมายังชายแดนไทยระยะทางประมาณ 27 กิโลเมตร
- ฝ่ายไทยยินดีสนับสนุนให้ กฟผ.เข้าร่วมลงทุน เนื่องจากระบบสายส่งนี้จะสามารถรองรับโครงการไฟฟ้าพลังน้ำอื่น ๆ ที่จะส่งกระแสไฟฟ้ามายังประเทศไทยในระยะต่อไป เช่น น้ำงึม 2 น้ำงึม 3 น้ำเทิน 1 และน้ำเจี๊ยบ โดยจัดให้มีการศึกษาความเหมาะสมทางธุรกิจร่วมกัน
1.3 โครงการสายส่งไฟฟ้าเชื่อมโยงจีน — สปป.ลาว — ไทย
- ฝ่ายไทยขอให้รัฐบาลลาวพิจารณาสนับสนุนโครงการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าขนาด 500 เควี เชื่อมโยงจีน — สปป.-ลาว-ไทย ที่ไทยจะรับซื้อไฟฟ้าจากจีนจำนวน 3,000 MW ซึ่งฝ่ายลาวยินดีสนับสนุนและเห็นว่าโครงการนี้จะเป็นประโยชน์กับโครงการไฟฟ้าพลังน้ำของลาวทางตอนเหนือ ที่สามารถส่งไฟฟ้าผ่านระบบสายส่งนี้มาขายให้กับประเทศไทยได้
- ทั้งสองฝ่ายตกลงให้มีการหารือร่วมกัน 3 ประเทศ (ไทย — สปป.ลาว — จีน) ระหว่างวันที่ 17 — 18 สิงหาคม 2549 ที่จังหวัดอุดรธานี
1.4 การสนับสนุนให้ กฟผ.ลงทุนก่อสร้างโครงการไฟฟ้าในลาว
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้แจ้งให้ฝ่ายลาวทราบว่า รัฐบาลไทยสนับสนุนให้ กฟผ. เข้าไปลงทุนในต่างประเทศเช่นเดียวกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และขอให้รัฐบาลลาวให้การสนับสนุน กฟผ.ในการลงทุนโครงการไฟฟ้าต่าง ๆ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ ของ สปป.ลาว รับและยินดีสนับสนุน โดยเชื่อว่าประสบการณ์และความสามารถของ กฟผ.จะช่วยพัฒนาระบบไฟฟ้าของลาวได้
2. การประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ครั้งที่ 24
2.1 การประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน
1) การเสริมสร้างความมั่นคงและการพัฒนาอย่างยั่งยืน
- ที่ประชุมให้ความสำคัญกับการจัดหาพลังงานอย่างเพียงพอและเหมาะสม โดยเห็นควรลดการพึ่งพาน้ำมันจากนอกภูมิภาคซึ่งมีความเสี่ยงต่อความมั่นคงด้านพลังงานของอาเซียน จึงตกลงให้การสนับสนุนการจัดหาพลังงานทางเลือกอื่น ๆ เช่น ถ่านหิน และพลังงานหมุนเวียน ได้แก่ ไฟฟ้าพลังน้ำ พลังงานชีวมวล และเชื้อเพลิงชีวภาพ ให้มากขึ้น รวมถึงการส่งเสริมการซื้อขายไฟฟ้าภายในภูมิภาค
- สำหรับการส่งเสริมการใช้ถ่านหินสะอาด ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพการประชุมคณะทำงานและจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการนานาชาติว่าด้วยเทคโนโลยีการพัฒนาถ่านหินสะอาด ในเดือนธันวาคม 2549 ที่จังหวัดเชียงใหม่
2) ความคืบหน้าการดำเนินงานภายใต้แผนปฏิบัติการเวียงจันทน์ และแผนปฏิบัติการความร่วมมือด้านพลังงานอาเซียน ปี 2547 — 2552 (APAEC 2004 — 2009)
- การลงนาม MOU ความมั่นคงด้านปิโตรเลียมของอาเซียน (ASEAN Petroleum Security Agreement : APSA) และ MOU การเชื่อมโยงระบบสายส่งไฟฟ้าอาเซียน (ASEAN Power Grid) ที่ประชุมเห็นควรให้มีการปรับปรุง MOU ทั้ง 2 ฉบับ โดยกำหนดให้มีประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสนัดพิเศษเพื่อพิจารณารายละเอียดอีกครั้งหนึ่งระหว่างวันที่ 14 — 16 พฤศจิกายน 2549 ที่เมืองหลวงพระบาง สปป.ลาว
3) รางวัลพลังงานอาเซียนประจำปี 2549 (ASEAN Energy Awards) : มอบให้กับผู้ที่ประสบความสำเร็จในการอนุรักษ์พลังงานและพัฒนาพลังงานทดแทน โดยแบ่งรางวัลเป็น 2 ประเภท ซึ่งประเทศไทยได้รับรางวัลมากที่สุดถึง 4 รางวัล ได้แก่
- ประเภทอาคารที่มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพดีเด่น : ธนาคารกรุงไทยได้รับรางวัลรองชนะเลิศประเภท Retrofitted Building
- ประเภทโครงการพลังงานทดแทนดีเด่น : ประเทศไทยได้รับรางวัลชนะเลิศทั้ง 3 ประเภท ได้แก่
(1) ประเภท On-Grid ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้า BMP
(2) ประเภท Off — Grid ได้แก่ โครงการผลิตไฟฟ้าจากระบบบำบัดน้ำมันและก๊าซชีวภาพ
(3) ประเภท Co — generation ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าจากระบบไฟฟ้าและความร้อนร่วมจากเชื้อเพลิงชีวภาพ ของมูลนิธิพัฒนาสิ่งแวดล้อมและพลังงาน
2.2 การประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน + 3 (สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี) : ที่ประชุมเห็นชอบร่วมกันดังนี้
1) เร่งรัดโครงการความร่วมมือระหว่างอาเซียน + 3 โดยสาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี จะให้การสนับสนุนทั้งด้านเทคโนโลยีและการเงินในการสนับสนุนโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ พลังงาน การส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน การพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพ และส่งเสริมการใช้ถ่านหินสะอาด
2) เร่งรัดการจัดทำแผนสำรองน้ำมันทั้งเชิงยุทธศาสตร์ให้ครอบคลุมประเทศสมาชิกอื่น ๆ ด้วย นอกเหนือจากประเทศไทย สปป.ลาว และฟิลิปปินส์ ที่การจัดทำแผนใกล้จะเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยญี่ปุ่นและเกาหลีพร้อมให้ความช่วยเหลือ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 1 สิงหาคม 2549--จบ--
1. การประชุมทวิภาคีระหว่างไทย — สปป.ลาว : เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2549 ได้มีการประชุมทวิภาคีระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายวิเศษ จูภิบาล) กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ของ สปป.ลาว (ท่านบ่อสายคำ วงศ์ดารา) สรุปได้ดังนี้
1.1 โครงการรับซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาว
ฝ่ายลาวขอให้ฝ่ายไทยพิจารณารับซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาว เพิ่มจาก MOU เดิมที่ได้ตกลงกันไว้จำนวน 3,000 MW ภายในปี 2549 เป็น 5,000 MW ซึ่งมีการลงนาม PPA แล้ว 1,848 MW และยังมีโครงการที่มีศักยภาพขายไฟฟ้าให้แก่ไทยได้อีกประมาณ 4,000 MW โดยฝ่ายไทยยินดีพิจารณาซื้อไฟฟ้าจากลาวในราคาตามกลไกตลาด โดยเฉพาะโครงการใหม่ที่มีศักยภาพและได้มอบให้คณะกรรมการรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านพิจารณาความเหมาะสมและจัดลำดับความสำคัญเพื่อบรรจุไว้ในแผนการใช้ไฟฟ้าของประเทศต่อไป
1.2 โครงการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าบ้านนาบง และสายส่งไฟฟ้าขนาด 500 เควี เชื่อมโยงไทย — สปป.ลาว
- ฝ่ายลาวขอให้ฝ่ายไทยพิจารณาสนับสนุนให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมลงทุนกับการไฟฟ้าลาวในการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าบ้านนาบง และสายส่งไฟฟ้าขนาด 500 เควี จากบ้านนาบงมายังชายแดนไทยระยะทางประมาณ 27 กิโลเมตร
- ฝ่ายไทยยินดีสนับสนุนให้ กฟผ.เข้าร่วมลงทุน เนื่องจากระบบสายส่งนี้จะสามารถรองรับโครงการไฟฟ้าพลังน้ำอื่น ๆ ที่จะส่งกระแสไฟฟ้ามายังประเทศไทยในระยะต่อไป เช่น น้ำงึม 2 น้ำงึม 3 น้ำเทิน 1 และน้ำเจี๊ยบ โดยจัดให้มีการศึกษาความเหมาะสมทางธุรกิจร่วมกัน
1.3 โครงการสายส่งไฟฟ้าเชื่อมโยงจีน — สปป.ลาว — ไทย
- ฝ่ายไทยขอให้รัฐบาลลาวพิจารณาสนับสนุนโครงการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าขนาด 500 เควี เชื่อมโยงจีน — สปป.-ลาว-ไทย ที่ไทยจะรับซื้อไฟฟ้าจากจีนจำนวน 3,000 MW ซึ่งฝ่ายลาวยินดีสนับสนุนและเห็นว่าโครงการนี้จะเป็นประโยชน์กับโครงการไฟฟ้าพลังน้ำของลาวทางตอนเหนือ ที่สามารถส่งไฟฟ้าผ่านระบบสายส่งนี้มาขายให้กับประเทศไทยได้
- ทั้งสองฝ่ายตกลงให้มีการหารือร่วมกัน 3 ประเทศ (ไทย — สปป.ลาว — จีน) ระหว่างวันที่ 17 — 18 สิงหาคม 2549 ที่จังหวัดอุดรธานี
1.4 การสนับสนุนให้ กฟผ.ลงทุนก่อสร้างโครงการไฟฟ้าในลาว
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้แจ้งให้ฝ่ายลาวทราบว่า รัฐบาลไทยสนับสนุนให้ กฟผ. เข้าไปลงทุนในต่างประเทศเช่นเดียวกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และขอให้รัฐบาลลาวให้การสนับสนุน กฟผ.ในการลงทุนโครงการไฟฟ้าต่าง ๆ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ ของ สปป.ลาว รับและยินดีสนับสนุน โดยเชื่อว่าประสบการณ์และความสามารถของ กฟผ.จะช่วยพัฒนาระบบไฟฟ้าของลาวได้
2. การประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ครั้งที่ 24
2.1 การประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน
1) การเสริมสร้างความมั่นคงและการพัฒนาอย่างยั่งยืน
- ที่ประชุมให้ความสำคัญกับการจัดหาพลังงานอย่างเพียงพอและเหมาะสม โดยเห็นควรลดการพึ่งพาน้ำมันจากนอกภูมิภาคซึ่งมีความเสี่ยงต่อความมั่นคงด้านพลังงานของอาเซียน จึงตกลงให้การสนับสนุนการจัดหาพลังงานทางเลือกอื่น ๆ เช่น ถ่านหิน และพลังงานหมุนเวียน ได้แก่ ไฟฟ้าพลังน้ำ พลังงานชีวมวล และเชื้อเพลิงชีวภาพ ให้มากขึ้น รวมถึงการส่งเสริมการซื้อขายไฟฟ้าภายในภูมิภาค
- สำหรับการส่งเสริมการใช้ถ่านหินสะอาด ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพการประชุมคณะทำงานและจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการนานาชาติว่าด้วยเทคโนโลยีการพัฒนาถ่านหินสะอาด ในเดือนธันวาคม 2549 ที่จังหวัดเชียงใหม่
2) ความคืบหน้าการดำเนินงานภายใต้แผนปฏิบัติการเวียงจันทน์ และแผนปฏิบัติการความร่วมมือด้านพลังงานอาเซียน ปี 2547 — 2552 (APAEC 2004 — 2009)
- การลงนาม MOU ความมั่นคงด้านปิโตรเลียมของอาเซียน (ASEAN Petroleum Security Agreement : APSA) และ MOU การเชื่อมโยงระบบสายส่งไฟฟ้าอาเซียน (ASEAN Power Grid) ที่ประชุมเห็นควรให้มีการปรับปรุง MOU ทั้ง 2 ฉบับ โดยกำหนดให้มีประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสนัดพิเศษเพื่อพิจารณารายละเอียดอีกครั้งหนึ่งระหว่างวันที่ 14 — 16 พฤศจิกายน 2549 ที่เมืองหลวงพระบาง สปป.ลาว
3) รางวัลพลังงานอาเซียนประจำปี 2549 (ASEAN Energy Awards) : มอบให้กับผู้ที่ประสบความสำเร็จในการอนุรักษ์พลังงานและพัฒนาพลังงานทดแทน โดยแบ่งรางวัลเป็น 2 ประเภท ซึ่งประเทศไทยได้รับรางวัลมากที่สุดถึง 4 รางวัล ได้แก่
- ประเภทอาคารที่มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพดีเด่น : ธนาคารกรุงไทยได้รับรางวัลรองชนะเลิศประเภท Retrofitted Building
- ประเภทโครงการพลังงานทดแทนดีเด่น : ประเทศไทยได้รับรางวัลชนะเลิศทั้ง 3 ประเภท ได้แก่
(1) ประเภท On-Grid ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้า BMP
(2) ประเภท Off — Grid ได้แก่ โครงการผลิตไฟฟ้าจากระบบบำบัดน้ำมันและก๊าซชีวภาพ
(3) ประเภท Co — generation ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าจากระบบไฟฟ้าและความร้อนร่วมจากเชื้อเพลิงชีวภาพ ของมูลนิธิพัฒนาสิ่งแวดล้อมและพลังงาน
2.2 การประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน + 3 (สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี) : ที่ประชุมเห็นชอบร่วมกันดังนี้
1) เร่งรัดโครงการความร่วมมือระหว่างอาเซียน + 3 โดยสาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี จะให้การสนับสนุนทั้งด้านเทคโนโลยีและการเงินในการสนับสนุนโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ พลังงาน การส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน การพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพ และส่งเสริมการใช้ถ่านหินสะอาด
2) เร่งรัดการจัดทำแผนสำรองน้ำมันทั้งเชิงยุทธศาสตร์ให้ครอบคลุมประเทศสมาชิกอื่น ๆ ด้วย นอกเหนือจากประเทศไทย สปป.ลาว และฟิลิปปินส์ ที่การจัดทำแผนใกล้จะเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยญี่ปุ่นและเกาหลีพร้อมให้ความช่วยเหลือ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 1 สิงหาคม 2549--จบ--