การดำรงมูลค่าหุ้นในส่วนที่ชำระแล้วที่เป็นเงินบาทในธนาคารโลก

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 18, 2009 14:59 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานเรื่อง การรับโอนเงินบาทจากธนาคารโลก จำนวน 20,880,843.71 บาท เพื่อนำส่งคืนคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ดังนี้

1. ธนาคารโลกได้แจ้งการประมูลค่าหุ้นในส่วนที่ชำระแล้วเป็นเงินบาทของประเทศไทย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551 ซึ่งธนาคารโลกมีภาระต้องชำระเงินบาทคืนให้แก่ประเทศไทยจำนวน 20,880,843.71 บาท โดยจะสามารถดำเนินการชำระเงินจำนวนดังกล่าวคืนได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2552

2. ตามข้อตกลงการจัดตั้งธนาคารโลก (Article of Agreement) กำหนดให้ประเทศสมาชิกจะต้องชำระค่าหุ้นตามจำนวนที่ได้รับจัดสรรไว้ (par value) หุ้นละ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ตามมูลค่าที่แท้จริงของเงินดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2487

3. ประเทศไทยได้เข้าเป็นสมาชิกของธนาคารระหว่างประเทศเพื่อการบูรณะและพัฒนาของกลุ่มธนาคารโลก เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2492 เป็นสมาชิกลำดับที่ 48 โดยถือหุ้นร้อยละ 0.41 คิดเป็นจำนวน 6,349 หุ้น (ราคาหุ้นละ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 634.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเมื่อรวมกับจำนวนหุ้นของประเทศสมาชิกของกลุ่มออกเสียงของไทย หรือ Southeast Asia Group (SEA Group) ของธนาคารโลก (SEA Group ประกอบด้วยสมาชิก 11 ประเทศ ได้แก่ บรูไน ดารุสซาลาม ฟิจิ อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย พม่า เนปาล สิงคโปร์ ไทย ตองก้า และเวียดนาม) จะถือหุ้นรวมทั้งสิ้น ร้อยละ 2.55

4. การชำระค่าหุ้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ

4.1 ร้อยละ 80 ของมูลค่าหุ้นที่ได้รับจัดสรร โดยธนาคารโลกจะแจ้งให้ประเทศสมาชิกชำระเมื่อธนาคารโลกประสงค์ที่จะดำเนินการตามข้อผูกพันที่ธนาคารโลกได้ก่อขึ้น

4.2 ร้อยละ 20 ประเทศสมาชิกจะต้องชำระค่าหุ้น โดยแบ่งชำระร้อยละ 2 เป็นทองคำหรือเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ และชำระร้อยละ 18 เป็นเงินตราสกุลท้องถิ่นของประเทศสมาชิก โดยธนาคารโลกจะยินยอมให้ประเทศสมาชิกชำระเป็นเงินสดหรือตั๋วสัญญาใช้เงินคลังจ่ายเมื่อทวงถามและไม่มีดอกเบี้ยแทนการชำระเงินสดได้

5. ตามข้อตกลงการจัดตั้งธนาคารโลก กำหนดให้ประเทศสมาชิกชำระเงินเพื่อดำรงมูลค่าหุ้น (Maintenance of Value)ร้อยละ 20 ตามข้อ 4.2 ในกรณีที่ค่าเงินส่วนที่เป็นตราสกุลท้องถิ่นลดลงเมื่อเทียบกับ SDR หรือ Special Drawing Rights ในปี 2517 (อัตราแลกเปลี่ยน 1 SDR เท่ากับ 1.20635 ดอลลาร์สหรัฐ) และ / หรือ ให้ธนาคารโลกจ่ายเงินคืนประเทศสมาชิกกรณีที่ค่าเงินส่วนที่เป็นเงินสกุลตราท้องถิ่นเพิ่มขึ้นเทียบกับ SDR ในปี 2517

6. ธนาคารโลกมีนโยบายในการประเมินมูลค่าหุ้นของประเทศสมาชิกทุก 12 เดือน (ซึ่งของประเทศไทยจะตรงกับวันที่ 30 มิถุนายน ของทุกปี) โดยจะต้องดำเนินการชำระเงินเพื่อดำรงมูลค่าหุ้นให้แล้วเสร็จภายใน 12 เดือน หลังจากวันที่มูลค่าหุ้นถูกประเมิน ทั้งนี้ การชำระเงินสามารถชำระเป็นเงินสด หรือตั๋วสัญญาใช้เงินคลังจ่ายเมื่อทวงถามและไม่มีดอกเบี้ยแทนการชำระเงินสดก็ได้ สำหรับการเบิกเงินจากตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวจะแยกจากการชำระเงินเพื่อดำรงมูลค่าหุ้น เนื่องจากธนาคารโลกอาจจะไม่เบิกเงินจากตั๋วสัญญาใช้เงินในคราวเดียวหมด แต่จะทยอยเบิกเงินตามความต้องการใช้เงินสกุลบาท อย่างไรก็ตามธนาคารโลกมีสิทธิที่จะเบิกเงินสกุลท้องถิ่นตามจำนวนที่ระบุในตั๋วสัญญาใช้เงินในคราวเดียววันก็ได้

7. กระทรวงการคลังได้แจ้งสถานะของการถือหุ้นของประเทศไทย ดังนี้

7.1 ประเทศไทยถือหุ้นรวม 6,349 หุ้น มีมูลค่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 รวมทั้งสิ้น 765,911,615.03 ดอลลาร์สหรัฐ โดยได้มีการชำระค่าหุ้น (Paid in Subscription) จำนวน 45,196,505.94 ดอลลาร์สหรัฐ แบ่งการชำระเป็น 2 ส่วน คือ

7.1.1 เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ จำนวน 4,519,650.59 ดอลลาร์สหรัฐ

7.1.2 ชำระเป็นเงินบาท (National Currency Paid-in Subscription) จำนวนเท่ากับ 40,676,855.35 ดอลลาร์สหรัฐ และที่เหลือเป็นส่วนที่เรียกว่า Callable Capital อีกจำนวน 720,715,109.09 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะเรียกได้ภายหลังหากมีความจำเป็น

7.2 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551 ซึ่งเป็นวันประเมินมูลค่าหุ้นปรากฏว่าประเทศไทยไม่มียอดคงค้างในส่วนที่ชำระเป็นเงินบาทเหลืออยู่แล้ว เนื่องจากธนาคารโลกได้นำเงินส่วนที่ชำระเป็นเงินบาท จำนวน 40,676,855.35 ดอลลาร์สหรัฐ ไปใช้ในการซื้อคืนเงินดอลลาร์สหรัฐ จำนวน 12,409,722.45 ดอลลาร์สหรัฐ และเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจำนวน 28,267,132.90 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ประเทศไทยไม่มีส่วนที่ชำระเป็นเงินบาทเหลืออยู่ จึงไม่จำเป็นต้องดำรงมูลค่าหุ้นอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ธนาคารโลกแจ้งว่ามียอดเงินคงเหลือเป็นเงินบาทจำนวน 20,880,843.71 บาท ซึ่งเป็นตัวเลขสะสมที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนของเงินดอลลาร์สหรัฐ ต่อเงินบาทในช่วงเวลาที่ผ่านมาและตามปกติก็ได้นำมาใช้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเพื่อดำรงมูลค่าหุ้นของไทยมาโดยตลอด ซึ่งเมื่อประเทศไทยไม่ต้องดำเนินการดำรงมูลค่าหุ้นตามที่กล่าวแล้ว ธนาคารโลกจึงไม่มีความจำเป็นที่จะเก็บรักษาเงินบาทจำนวนดังกล่าวไว้อีกต่อไป จึงแจ้งกระทรวงการคลังเพื่อขอโอนเงินจำนวนดังกล่าวคืนให้แก่ประเทศไทยผ่านธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะที่เป็น Depository Bank

8. ธนาคารโลกขอให้ประเทศไทยพิจารณารับโอนเงินบาทคงเหลือจำนวน 20,880,843.71 บาท เนื่องจากไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดำรงมูลค่าหุ้นที่เป็นเงินบาทในธนาคารโลกอีกต่อไป

9. กระทรวงการคลังพิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อประเทศไทยไม่มีเงินชำระค่าหุ้นที่เป็นเงินบาทคงค้างเหลืออยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดำรงมูลค่าหุ้นต่อไป และเงินบาทที่คงค้างที่ธนาคารโลก จำนวน 20,880,843.71 บาท ก็ไม่สามารถนำมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดำรงมูลค่าหุ้น จึงเห็นควรรับโอนเงินจำนวนดังกล่าวคืนมาเพื่อนำส่งคืนคลังเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 17 มีนาคม 2552 --จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ