คณะรัฐมนตรีเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบในการเข้าเป็นสมาชิกความตกลงกาแฟระหว่างประเทศฉบับปี ค.ศ. 2007 ของไทย และให้ส่งความตกลงฯ ในเรื่องนี้ ไปเพื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบต่อไป
2. อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการลงนามและให้สัตยาบันการเข้าเป็นสมาชิกดังกล่าวของไทย ณ สำนักงานใหญ่องค์การกาแฟระหว่างประเทศ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการต่อไปได้ เมื่อรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบการเข้าเป็นสมาชิกตามข้อ 1 แล้ว
กระทรวงพาณิชย์เสนอว่า ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ประเทศไทยในฐานะที่เป็นทั้งผู้ผลิต นำเข้า และส่งออกกาแฟ ควรคงสมาชิกภาพต่อในความตกลงกาแฟระหว่างประเทศฉบับปี ค.ศ. 2007 ซึ่งจะได้รับประโยชน์ทั้งในด้านเป็นการเปิดให้สามารถมีบทบาทในการโน้มน้าวและผลักดันทิศทางการค้ากาแฟให้สอดคล้องกับผลประโยชน์ของประเทศ เป็นช่องทางในการรับทราบและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และเป็นเวทีในการประชุมหารือระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคเพื่อนำไปสู่ความเป็นธรรมของราคากาแฟ ทั้งนี้ การเข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกองค์การกาแฟระหว่างประเทศ จะต้องจ่ายค่าสมาชิกเพื่อเป็นเงินสมทบงบบริหารองค์การฯ ปีละประมาณ 12,000-12,300 ปอนด์ (ประมาณ 600,000-615,000 บาท)
จึงได้เสนอเรื่องดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
สาระสำคัญของเรื่องความตกลงฯ ฉบับ ค.ศ. 2007 มีสาระสำคัญส่วนใหญ่เช่นเดียวกับความตกลงฯ ฉบับ ค.ศ. 2001 ซึ่ง กำหนดให้
1. ส่งเสริมให้มีการบริโภคและการขยายตัวของตลาดสินค้ากาแฟเพื่อให้ผู้บริโภคมีความพึงพอใจ สร้างความโปร่งใสในการค้ากาแฟ
2. ผลักดันให้ประเทศสมาชิกพัฒนามาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารของสินค้ากาแฟ
3. ให้สมาชิกพยายามดำเนินการให้มีการลดภาษีนำเข้า หรือ ขจัดอุปสรรคการนำเข้าเพื่อส่งเสริมการบริโภคและการค้ากาแฟ
4. พัฒนาระบบจัดเก็บข้อมูลสถิติในเชิงการตลาด การผลิต และการบริโภค เพื่อให้สมาชิกโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศผู้ผลิต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศกำลังพัฒนานำไปใช้ประโยชน์ได้มากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ความตกลงฯ ฉบับนี้ไม่มีผลผูกพันให้ไทยต้องลดภาษีนำเข้าหรือจำกัดปริมาณการส่งออกสินค้ากาแฟแต่อย่างใด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 17 มีนาคม 2552 --จบ--