คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานสถานะหนี้สาธารณะของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ ตามที่ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ
ทั้งนี้ ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะรายงานว่า คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะได้รายงานสถานะหนี้สาธารณะ ดังนี้
1. หนี้สาธารณะตามแนวทาง GFS (Government Finance Statistics) จะประกอบด้วย
1.1 หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง
1.2 หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินทั้งที่กระทรวงการคลังค้ำประกันและไม่ค้ำประกัน
1.3 หนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
1.4 หนี้องค์กรของรัฐอื่น
โดยไม่รวมหนี้ของรัฐวิสาหกิจในภาคการเงิน เนื่องจากสถาบันการเงินทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการระดมทุนและให้กู้ต่อแก่ภาครัฐและเอกชนโดยมิได้เป็นผู้ลงทุนในเศรษฐกิจที่แท้จริงโดยตรง จึงไม่นับรวมหนี้ของภาคการเงินเพื่อหลีกเลี่ยงการนับซ้ำ
2. หนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2549 มีจำนวน 3,233,120 ล้านบาท หรือร้อยละ 41.28 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ โดยเป็นหนี้ของรัฐบาล 1,967,704 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 911,473 ล้านบาท หนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 273,515 ล้านบาท และหนี้องค์กรของรัฐอื่น 80,428 ล้านบาท โดยมีต้นทุนเฉลี่ยร้อยละ 4.85 และมีอายุเงินกู้เฉลี่ย 5.84 ปี
3. หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินและสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน ณ สิ้นเดือนกันยายน 2549 มีจำนวน 113,372 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ในประเทศ จำนวน 98,991 ล้านบาท และหนี้ต่างประเทศ จำนวน 14,381 ล้านบาท ทำให้ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2549 มีจำนวน 3,346,492 ล้านบาท หรือร้อยละ 42.73 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
4. หนี้อื่น ๆ ได้แก่ หนี้ของบริษัท ดีเอดี เอสพีวี จำกัด จำนวน 10,300 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลมีภาระผูกพันต้องจ่ายภายใต้สัญญาเช่าพื้นที่อาคาร สัญญาบริการ สัญญาบริการจัดหาเฟอร์นิเจอร์ และสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องของโครงการศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร ถนนแจ้งวัฒนะ และหนี้ของรัฐวิสาหกิจและสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่กระทรวงการคลังไม่ได้ค้ำประกันจำนวนรวม 638,619 ล้านบาท ซึ่งเมื่อหักยอดหนี้ของบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินได้เข้าไปรับภาระอาวัล จำนวน 471,167 ล้านบาทแล้ว จะมียอดหนี้คงค้างสุทธิ 167,452 ล้านบาท
5. คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ ได้พิจารณาการเปลี่ยนแปลงสถานะหนี้คงค้างในช่วง 4 ปีงบประมาณที่ผ่านมา (กันยายน 2545-2549) พบว่า หนี้สาธารณะลดลงจาก 2,943,008 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2545 เป็น 2,930,042 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2546 ต่อมาเพิ่มขึ้นเป็น 3,126,554 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2547 และได้เพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงปี 2548 เป็น 3,277,498 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2548 และลดลงเหลือ 3,233,120 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2549 อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) พบว่าหนี้สาธารณะต่อ GDP มีสัดส่วนลดลงตามลำดับ คือ จากร้อยละ 53.99 ณ สิ้นปี 2545 เหลือร้อยละ 41.28 ณ สิ้นปี 2549
6. คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ ได้เสนอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหนี้รัฐบาลในส่วนของหนี้ต่างประเทศลดลง 217,651 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นของหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน หนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ที่ลดลง 91,834 ล้านบาท และการเพิ่มขึ้นในส่วนของหนี้องค์กรของรัฐอื่น ซึ่งเป็นหนี้ของหน่วยงานของรัฐที่มีกฎหมายจัดตั้ง แต่มิได้เป็นส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ทั้งนี้ ได้เสนอข้อมูลด้วยว่า กระทรวงการคลังได้ให้ความสำคัญของการดำเนินการบริหารจัดการหนี้สาธารณะที่มีประสิทธิภาพ และได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นระบบ ทั้งในด้านการก่อหนี้ใหม่และการบริหารหนี้คงค้างโดยใช้เครื่องมือทางการเงินและโอกาสที่ตลาดการเงินเอื้ออำนวยในการทำ Refinancing Prepayment และ Swap Agreement ซึ่งในช่วงปีงบประมาณ 2543-2549 ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ถึง 296,934 ล้านบาท และประหยัดภาระดอกเบี้ยได้ 93,661 ล้านบาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 12 ธันวาคม 2549--จบ--
ทั้งนี้ ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะรายงานว่า คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะได้รายงานสถานะหนี้สาธารณะ ดังนี้
1. หนี้สาธารณะตามแนวทาง GFS (Government Finance Statistics) จะประกอบด้วย
1.1 หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง
1.2 หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินทั้งที่กระทรวงการคลังค้ำประกันและไม่ค้ำประกัน
1.3 หนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
1.4 หนี้องค์กรของรัฐอื่น
โดยไม่รวมหนี้ของรัฐวิสาหกิจในภาคการเงิน เนื่องจากสถาบันการเงินทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการระดมทุนและให้กู้ต่อแก่ภาครัฐและเอกชนโดยมิได้เป็นผู้ลงทุนในเศรษฐกิจที่แท้จริงโดยตรง จึงไม่นับรวมหนี้ของภาคการเงินเพื่อหลีกเลี่ยงการนับซ้ำ
2. หนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2549 มีจำนวน 3,233,120 ล้านบาท หรือร้อยละ 41.28 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ โดยเป็นหนี้ของรัฐบาล 1,967,704 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 911,473 ล้านบาท หนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 273,515 ล้านบาท และหนี้องค์กรของรัฐอื่น 80,428 ล้านบาท โดยมีต้นทุนเฉลี่ยร้อยละ 4.85 และมีอายุเงินกู้เฉลี่ย 5.84 ปี
3. หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินและสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน ณ สิ้นเดือนกันยายน 2549 มีจำนวน 113,372 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ในประเทศ จำนวน 98,991 ล้านบาท และหนี้ต่างประเทศ จำนวน 14,381 ล้านบาท ทำให้ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2549 มีจำนวน 3,346,492 ล้านบาท หรือร้อยละ 42.73 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
4. หนี้อื่น ๆ ได้แก่ หนี้ของบริษัท ดีเอดี เอสพีวี จำกัด จำนวน 10,300 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลมีภาระผูกพันต้องจ่ายภายใต้สัญญาเช่าพื้นที่อาคาร สัญญาบริการ สัญญาบริการจัดหาเฟอร์นิเจอร์ และสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องของโครงการศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร ถนนแจ้งวัฒนะ และหนี้ของรัฐวิสาหกิจและสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่กระทรวงการคลังไม่ได้ค้ำประกันจำนวนรวม 638,619 ล้านบาท ซึ่งเมื่อหักยอดหนี้ของบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินได้เข้าไปรับภาระอาวัล จำนวน 471,167 ล้านบาทแล้ว จะมียอดหนี้คงค้างสุทธิ 167,452 ล้านบาท
5. คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ ได้พิจารณาการเปลี่ยนแปลงสถานะหนี้คงค้างในช่วง 4 ปีงบประมาณที่ผ่านมา (กันยายน 2545-2549) พบว่า หนี้สาธารณะลดลงจาก 2,943,008 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2545 เป็น 2,930,042 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2546 ต่อมาเพิ่มขึ้นเป็น 3,126,554 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2547 และได้เพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงปี 2548 เป็น 3,277,498 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2548 และลดลงเหลือ 3,233,120 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2549 อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) พบว่าหนี้สาธารณะต่อ GDP มีสัดส่วนลดลงตามลำดับ คือ จากร้อยละ 53.99 ณ สิ้นปี 2545 เหลือร้อยละ 41.28 ณ สิ้นปี 2549
6. คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ ได้เสนอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหนี้รัฐบาลในส่วนของหนี้ต่างประเทศลดลง 217,651 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นของหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน หนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ที่ลดลง 91,834 ล้านบาท และการเพิ่มขึ้นในส่วนของหนี้องค์กรของรัฐอื่น ซึ่งเป็นหนี้ของหน่วยงานของรัฐที่มีกฎหมายจัดตั้ง แต่มิได้เป็นส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ทั้งนี้ ได้เสนอข้อมูลด้วยว่า กระทรวงการคลังได้ให้ความสำคัญของการดำเนินการบริหารจัดการหนี้สาธารณะที่มีประสิทธิภาพ และได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นระบบ ทั้งในด้านการก่อหนี้ใหม่และการบริหารหนี้คงค้างโดยใช้เครื่องมือทางการเงินและโอกาสที่ตลาดการเงินเอื้ออำนวยในการทำ Refinancing Prepayment และ Swap Agreement ซึ่งในช่วงปีงบประมาณ 2543-2549 ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ถึง 296,934 ล้านบาท และประหยัดภาระดอกเบี้ยได้ 93,661 ล้านบาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 12 ธันวาคม 2549--จบ--