การรักษาเสถียรภาพอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายในกรณีโรงงานน้ำตาลรีไฟน์ชัยมงคลไม่สามารถจ่ายเงินค่าอ้อยขั้นต้น

ข่าวเศรษฐกิจ Friday April 10, 2009 13:15 —มติคณะรัฐมนตรี

เรื่อง การรักษาเสถียรภาพอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายในกรณีโรงงานน้ำตาลรีไฟน์ชัยมงคลไม่สามารถจ่ายเงินค่าอ้อยขั้นต้น

ฤดูการผลิตปี 2551/2552 ให้กับชาวไร่อ้อยได้ครบถ้วน

คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในวงเงิน 450 ล้านบาท ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยใช้น้ำตาลทรายที่ซื้อจากโรงงานน้ำตาลรีไฟน์ชัยมงคลจำนำเป็นหลักประกัน ภายใต้เงื่อนไข ดังนี้

1. กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายต้องมีกรรมสิทธิ์ในน้ำตาลทรายที่นำไปจำนำเป็นหลักประกันกับ ธ.ก.ส.

2. กองทุนฯ มอบให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายจัดการ ดำเนินการ และควบคุมกำกับดูแลในการจัดเก็บ และการจำหน่ายน้ำตาลทรายเพื่อชำระหนี้ให้กับ ธ.ก.ส. โดยกำหนดเวลาดำเนินการไม่เกิน 10 เดือน (มีนาคม-ธันวาคม 2552) ตามงวดการจำหน่ายน้ำตาลทรายโควตา ก.

กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานว่า

1. คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) ได้รับการร้องเรียนจากสมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยเขต 7 ว่า ชาวไร่อ้อยจำนวนกว่า 2,500 ครอบครัว ซึ่งส่งอ้อยให้กับโรงงานน้ำตาลรีไฟน์ชัยมงคล ไม่ได้รับเงินค่าอ้อยขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2551/2552 ครบถ้วน คิดเป็นมูลค่าหนี้ ประมาณ 450 ล้านบาท ชาวไร่อ้อยจึงได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก กอน.พิจารณาแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว มีมติเห็นชอบในหลักการให้นำเสนอคณะกรรมการบริหารกองทุนพิจารณาหาแนวทางให้ความช่วยเหลือชาวไร่อ้อยที่ส่งอ้อยให้กับโรงงานน้ำตาลรีไฟน์ชัยมงคลให้ได้รับค่าอ้อยขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2551/2552 ครบถ้วนต่อไป

2. คณะกรรมการบริหารกองทุน ซึ่งแต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรีตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ.2527 ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้วมีมติให้หารือประเด็นข้อกฎหมายต่อสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า กองทุนจะสามารถนำเงินรายได้ของกองทุนไปให้สินเชื่อแก่บริษัท น้ำตาลรีไฟน์ชัยมงคล จำกัด โดยการรับจำนำน้ำตาลทราย เพื่อให้บริษัทฯ นำเงินที่ได้รับไปชำระค่าอ้อยที่ค้างอยู่ได้หรือไม่อย่างไร และเนื่องจากกรณีการหารือดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะกรรมการบริหารกองทุนในการประชุมเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2552 จึงมีมติให้สำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายแจ้งสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย พิจารณาหาแนวทางอื่นในการช่วยเหลือชาวไร่อ้อยที่ส่งอ้อยให้กับโรงงานน้ำตาลรีไฟน์ชัยมงคลในฤดูการผลิตปี 2551/2552 ให้ได้รับชำระค่าอ้อยโดยด่วน

3. จากประเด็นปัญหาตามข้อ 1 และข้อ 2 กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาแล้วมีความเห็นว่า ประเด็นปัญหาข้างต้นถึงแม้จะไม่ได้เป็นปัญหาของระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย แต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะรายที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อชาวไร่อ้อยจำนวนมากที่ส่งอ้อยให้กับโรงงานน้ำตาลรีไฟน์ชัยมงคล และอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายโดยรวม จึงจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือโดยเร่งด่วน ตามแนวทางดังนี้

3.1 เห็นควรนำแนวทางแก้ไขปัญหาที่เคยใช้กับกรณีโรงงานน้ำตาลกลุ่มวังขนายไม่สามารถจ่ายเงินค่าอ้อยขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2549/2550 ให้แก่ชาวไร่อ้อยได้ครบถ้วน ตามที่คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2550 ได้มีมติอนุมัติให้ดำเนินการได้ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ มาใช้ในการแก้ไขปัญหากรณีโรงงานน้ำตาลรีไฟน์ชัยมงคลครั้งนี้ โดยให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายกู้เงินจาก ธ.ก.ส. ในวงเงินตามมูลค่าหนี้ค้างชำระชาวไร่อ้อย โดยใช้น้ำตาลทรายที่กองทุนจะได้รับโอนจากโรงงานน้ำตาลรีไฟน์ชัยมงคลในจำนวนที่คุ้มมูลค่าหนี้ประมาณ 450 ล้านบาท เพื่อไปจำนำเป็นหลักประกัน และนำเงินกู้ไปจ่ายค่าอ้อยให้กับชาวไร่อ้อยให้ครบถ้วน และให้จัดทำขั้นตอนการปฏิบัติในการกำกับดูแล การขนย้ายและ การจำหน่ายน้ำตาลทรายจำนวนดังกล่าว พร้อมทั้งให้จัดทำรายละเอียดข้อตกลงระหว่างผู้มีส่วนได้เสียและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

3.2 ตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ.2527 กำหนดให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาเสถียรภาพของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อผลประโยชน์ของชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาล อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในขณะนี้กองทุนมีภาระหนี้ ธ.ก.ส. ที่กู้มาเพิ่มค่าอ้อยอยู่กว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท จึงไม่อยู่ในสถานะที่จะจัดการในเรื่องนี้ด้วยเงินกองทุนที่มีอยู่ได้

3.3 ในการแก้ไขปัญหากรณีโรงงานน้ำตาลรีไฟน์ชัยมงคลไม่สามารถจ่ายค่าอ้อยขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2551/2552 ให้แก่ชาวไร่อ้อยได้ครบถ้วนตามแนวทางในข้อ 3.1 ต้องมีขั้นตอนและวิธีการควบคุม ดูแล เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าชาวไร่อ้อยได้รับเงินค่าอ้อยค้างชำระครบถ้วน ธ.ก.ส. ได้รับการชำระหนี้ครบถ้วน และไม่ก่อภาระเพิ่มเติมให้แก่กองทุน โดยมีแนวทางดำเนินการ ดังนี้

(1) ให้กองทุนรับซื้อน้ำตาลทรายโดยคิดมูลค่าน้ำตาลทรายไม่เกินร้อยละ 80 ของมูลค่าตลาดปัจจุบัน จากโรงงานน้ำตาลรีไฟน์ชัยมงคลในจำนวนที่เพียงพอ โดยวิธีหักลบกลบหนี้กับภาระหนี้ที่โรงงานค้างชำระค่าอ้อยขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2551/2552 กับชาวไร่อ้อย เป็นเงินจำนวน 450 ล้านบาท ตลอดจนดอกเบี้ยและค่าดำเนินการต่างๆ โดยไม่ต้องชำระเป็นเงินสด นอกจากหากมีเงินส่วนเกินจากการดำเนินการจึงจ่ายคืนกับโรงงาน แล้วให้จำนำน้ำตาลทรายที่รับซื้อนี้ไปกู้เงิน ธ.ก.ส.ในวงเงิน 450 ล้านบาท

(2) ให้กองทุนจ่ายเงินตรงให้กับชาวไร่อ้อยแต่ละรายตามค่าอ้อยขั้นต้นที่โรงงานน้ำตาลค้างชำระ

(3) ให้กองทุนมอบให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายจัดการ ดำเนินการ และควบคุมกำกับดูแลในการจัดเก็บ และการจำหน่ายน้ำตาลทราย เพื่อชำระหนี้ให้กับ ธ.ก.ส. โดยกำหนดเวลาดำเนินการไม่เกิน 10 เดือน (มีนาคม-ธันวาคม 2552) ตามงวดการจำหน่ายน้ำตาลทรายโควตา ก.

(4) เพื่อสร้างความมั่นใจให้มากขึ้น ให้มีการดำเนินการจัดทำบันทึกข้อตกลง 5 ฝ่าย ประกอบด้วย กองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย ธ.ก.ส. โรงงานน้ำตาลรีไฟน์ชัยมงคล ผู้ส่งออกน้ำตาลทราย (บริษัท การค้าอุตสาหกรรมน้ำตาล จำกัด) และสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบและวิธีปฏิบัติเพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์

กระทรวงอุตสาหกรรมจึงขอเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 7 เมษายน 2552 --จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ