การประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวงชายแดนไทย-ลาว ครั้งที่ 8

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้ง 2 ข้อ ดังนี้

1. เห็นชอบกรอบการจัดทำบันทึกการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวงชายแดนไทย-ลาว ครั้งที่ 8 และมอบให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการต่างประเทศ โดยความเห็นชอบของคณะผู้แทนฝ่ายไทยพิจารณาปรับบันทึกการประชุมตามความเหมาะสมในกรณีที่ต้องดำเนินการเพิ่มเติมเนื้อหาบางประการในระหว่างการประชุม โดยไม่กระทบต่อสาระสำคัญของกรอบบันทึกการประชุมที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้

2. เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแห่งราชอาณาจักรไทยในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายไทย ลงนามในบันทึกการประชุมฯ ร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันความสงบ แห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายลาว

กระทรวงมหาดไทยรายงานว่า

1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีกำหนดนำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวงชายแดนไทย-ลาว ครั้งที่ 8 ตามคำเชิญของนายทองบัน แสงอาพอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันความสงบ ระหว่างวันที่ 22-24 เมษายน 2552 ณ แขวงจำปาสัก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

2. กระทรวงมหาดไทยได้จัดทำกรอบบันทึกการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวงชายแดนไทย-ลาว ครั้งที่ 8 ซึ่งที่ประชุมฝ่ายเลขานุการร่วมไทย-ลาว เพื่อเตรียมการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวงชายแดนไทย-ลาว ครั้งที่ 8 ได้ร่วมกันยกร่างขึ้น เมื่อวันที่ 18-19 สิงหาคม 2551 ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

3. กลไกการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวงชายแดนไทย-ลาวมีความสำคัญต่อความสำเร็จในการดำเนินนโยบายการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระดับท้องถิ่นกับประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ และร่วมกันแก้ไขปัญหาความเข้าใจไม่ตรงกันให้ยุติลงในระดับพื้นที่มิให้บานปลายเป็นข้อพิพาทระหว่างประเทศ

4. การจัดทำบันทึกการประชุมร่วมจะมีเนื้อหาสาระที่หน่วยงานระดับนโยบายจะมอบหมายแนวทางให้หน่วยปฏิบัติในพื้นที่ดำเนินการในเรื่องต่างๆ ภายในขอบเขตที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบร่วมกันไว้แล้ว รวมทั้งการสนับสนุนและกำกับดูแลให้หน่วยงานในพื้นที่ของทั้งสองฝ่ายนำความตกลงในระดับรัฐบาลไปปฏิบัติให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรม ดังนั้น จึงมีความเห็นว่าบันทึกการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวงชายแดนไทย-ลาว ครั้งที่ 8 ไม่เข้าข่ายเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 190 วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 เนื่องจากไม่มีผลเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย หรือเขตพื้นที่นอกอาณาเขต ซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย หรือมีเขตอำนาจตามหนังสือสัญญาหรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่ต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญา ไม่มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือ สังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง ไม่มีผลผูกพันด้านการค้าการลงทุน หรืองบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 7 เมษายน 2552 --จบ--