ขออนุมัติวงเงินกู้เพื่อรองรับกรณีรายจ่ายสูงกว่ารายได้

ข่าวเศรษฐกิจ Monday April 20, 2009 12:55 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีพิจารณาการขออนุมัติวงเงินกู้เพื่อรองรับกรณีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แล้วมีมติดังนี้

1. อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อรองรับกรณีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ตามมาตรา 20 (1) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 จำนวน 94,000 ล้านบาท

2. อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่างๆ ของการกู้เงินในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น

3. สำหรับวงเงินงบประมาณเพื่อเป็นค่าดอกเบี้ยสำหรับเงินกู้ดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 นั้น สำนักงบประมาณจะพิจารณาให้สอดคล้องกับการดำเนินการของกระทรวงการคลัง และวงเงินรวมของงบประมาณรายจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ซึ่งเป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

สาระสำคัญของเรื่อง

1. ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 รัฐบาลดำเนินนโยบายงบประมาณแบบขาดดุล โดยมีประมาณการรายจ่ายจำนวน 1,835,000 ล้านบาท ประมาณการรายได้จำนวน 1,585,500 ล้านบาท และมีวงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณจำนวน 249,500 ล้านบาท ต่อมารัฐบาลได้จัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมจำนวน 116,700 ล้านบาท

ซึ่งพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2552 ทำให้กระทรวงการคลังต้องกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณเพิ่มเติมอีกจำนวน 97,560.52 ล้านบาท รวมวงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวนทั้งสิ้น 347,060.52 ล้านบาท

2. ตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 มาตรา 20 กำหนดว่า “ให้กระทรวงการคลังกู้เงินได้เฉพาะเพื่อวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (1) ชดเชยการขาดดุลงบประมาณหรือเมื่อมีรายจ่ายสูงกว่ารายได้...” และมาตรา 21 กำหนดว่า “การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณหรือเมื่อมีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ในปีงบประมาณหนึ่ง ให้กระทรวงการคลังกู้เป็นเงินบาทไม่เกินวงเงิน (1) ร้อยละยี่สิบของงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น และงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม และ (2) ร้อยละแปดสิบของงบประมาณรายจ่ายที่ตั้งไว้สำหรับชำระคืนเงินต้น” โดยกระทรวงการคลังสามารถดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณหรือเมื่อมีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ภายใต้กรอบวงเงินกู้ตามมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 โดยกรอบวงเงินกู้ดังกล่าวมีจำนวน 441,280.88 ล้านบาท คงเหลือวงเงินกู้ที่สามารถดำเนินการกู้เงินได้อีกจำนวน 94,220.36 ล้านบาท

3. จากสถานการณ์ในปัจจุบันที่เศรษฐกิจของประเทศชะลอตัว ส่งผลให้รัฐบาลจัดเก็บรายได้ได้ต่ำกว่าเป้าหมาย ในขณะที่มีการเร่งการเบิกจ่ายเงินงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ดุลเงินสดขาดดุลอย่างต่อเนื่อง โดยประมาณการฐานะการคลังในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 คาดว่าจะมีเงินสดรับจำนวน 1,810,764 ล้านบาท เงินสดจ่ายจำนวน 2,345,400 ล้านบาท ทำให้ดุลเงินสดขาดดุลจำนวน 534,636 ล้านบาท ดังนั้น เพื่อให้เงินคงคลังอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการรองรับการใช้จ่ายของรัฐบาล กระทรวงการคลังจึงเห็นควรให้มีการกู้เงินเพิ่มเติมอีกจำนวน 94,000 ล้านบาท ซึ่งวงเงินดังกล่าวอยู่ภายใต้กรอบการกู้เงินตามมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2552 ปรับปรุงครั้งที่ 2 แล้ว

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 17 เมษายน 2552 --จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ