สรุปสถานการณ์ภัยธรรมชาติในช่วงฤดูแล้ง ครั้งที่ 13

ข่าวเศรษฐกิจ Friday April 10, 2009 15:56 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สรุปสถานการณ์ภัยธรรมชาติในช่วงฤดูแล้ง ครั้งที่ 13 ณ วันที่ 3 เมษายน 2552 ประกอบด้วย สถานการณ์ภัยแล้งและการช่วยเหลือ สถานการณ์วาตภัย สถานการณ์น้ำ และสถานการณ์การปลูกพืชฤดูแล้ง สรุปได้ดังนี้

สถานการณ์ภัยแล้งและการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตร

พื้นที่ประสบภัยแล้งด้านการเกษตร ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 รวมทั้งสิ้น 18 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ น่าน พิจิตร แพร่ ลำปาง สุโขทัย อุตรดิตถ์ หนองบัวลำภู ศรีสะเกษ ยโสธร ร้อยเอ็ด สระแก้ว ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร แยก เป็น ด้านพืช จำนวน 15 จังหวัด ด้านปศุสัตว์ จำนวน 5 จังหวัด โดยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบทั้ง 2 ด้าน จำนวน 2 จังหวัด คือ จังหวัดอุตรดิตถ์ และเพชรบุรี

ด้านพืช จำนวน 15 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ น่าน พิจิตร แพร่ ลำปาง สุโขทัย อุตรดิตถ์ ยโสธร ร้อยเอ็ด สระแก้ว ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์

เกษตรกร 71,430 ราย พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 848,918 ไร่ แยกเป็น ข้าว 240,635 ไร่ พืชไร่ 431,082 ไร่ และพืชสวนและ อื่นๆ 177,201 ไร่

การดำเนินการให้การช่วยเหลือ

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ระดมสรรพกำลังให้การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยแล้งและพื้นที่การเกษตร โดยการสนับสนุนเครื่อง สูบน้ำ รถบรรทุกน้ำ และปฏิบัติการฝนหลวง ดังนี้

(1) การจัดสรรน้ำเพื่อกิจกรรมต่างในช่วงฤดูแล้ง(ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2551 ถึง 30 เม.ย. 2552) ได้แก่ เพื่อการอุปโภค-บริโภค (1,945 ล้านลบ.ม.) รักษาระบบนิเวศน์(4,991 ล้านลบ.ม.) เพื่อการเกษตร(15,499 ล้านลบ.ม.) และเพื่ออุตสาหกรรม(252 ล้านลบ.ม.) วางแผนไว้ทั้งสิ้น 22,687 ล้านลูกบาศก์เมตร ณ วันที่ 3 เมษายน 2552 จัดสรรน้ำไปแล้ว 20,925 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 92 ของแผน การจัดสรรน้ำ ยังเหลือปริมาตรน้ำที่ต้องจัดสรรอีก 1,762 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 8 ของแผนการจัดสรรน้ำ ซึ่งเพียงพอถึงสิ้นฤดูแล้งปีนี้ (30 เม.ย. 2552)

(2) สนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่รวม 790 เครื่อง(จาก 1,200 เครื่อง) ในพื้นที่ 55 จังหวัด

ภาค            จังหวัด          เครื่องสูบน้ำ(เครื่อง)          รายชื่อจังหวัด(จำนวนเครื่องสูบน้ำ)
เหนือ              16                       227          เชียงใหม่ (36) ลำพูน (10) แม่ฮ่องสอน (6)

ลำปาง (27) น่าน (8) พะเยา (4) เชียงราย (12)

พิษณุโลก (2) พิจิตร (24) นครสวรรค์ (28) อุตรดิตถ์ (4)

ตาก (15) สุโขทัย (12) แพร่ (19) กำแพงเพชร (13)

เพชรบูรณ์ (7)

ต.อ.เฉียงเหนือ      18                       312          อุดรธานี (9) หนองคาย (20) หนองบัวลำภู (10) เลย (6)

สกลนคร (11) ขอนแก่น (11) มหาสารคาม (29) ร้อยเอ็ด (56)

กาฬสินธุ์ (54) ชัยภูมิ (5) อุบลราชธานี (3) ยโสธ ร(20)

นครพนม (19) มุกดาหาร (5) อำนาจเจริญ (12)

นครราชสีมา (25) สุรินทร์ (6) ศรีสะเกษ (11)

กลาง               8                        81          ชัยนาท (26) ลพบุรี (10) พระนครศรีอยุธยา (10) นนทบุรี (8)

ปทุมธานี (9) กรุงเทพมหานคร (2) อ่างทอง (9) นครปฐม (7)

ตะวันออก            5                        77          นครนายก (15) ปราจีนบุรี (33) ฉะเชิงเทรา (22) จันทบุรี (6)

ตราด (1)

ตะวันตก             3                        82          กาญจนบุรี (7) ราชบุรี (40) เพชรบุรี (35)
ใต้                 5                        11          ชุมพร (5) ภูเก็ต (1) พังงา (2) ตรัง (1) นราธิวาส (2)
รวม               55                       790
หมายเหตุ:  ข้อมูลกรมชลประทาน ณ วันที่ 3 เม.ย. 2552

(3) สนับสนุนรถบรรทุกน้ำ เพื่อการอุปโภค-บริโภค และการเกษตร รวม 53 คัน 1,455 เที่ยว ปริมาณน้ำ 8.622 ล้านลิตร ในพื้นที่ 14 จังหวัด

ภาค            จังหวัด    รถบรรทุกน้ำ(คัน)    จำนวนเที่ยว    ปริมาณน้ำ(ล้านลิตร)    รายชื่อจังหวัด(จำนวนรถบรรทุกน้ำ)
เหนือ               6               28          770              4.620    น่าน (1) พิจิตร (13) นครสวรรค์ (1)

อุตรดิตถ์ (9) ตาก (3) แพร่ (1)

กำแพงเพชร(13) เพชรบูรณ์ (7)

ต.อ.เฉียงเหนือ       2                2            7              0.042    นครราชสีมา (1) สุรินทร์ (1)
ตะวันออก            4               20          392              2.244    ฉะเชิงเทรา (2) ระยอง (3)

จันทบุรี (12) ตราด(3)

ใต้                 2                3          286              1.716    ประจวบคีรีขันธ์ (2) ชุมพร (1)
รวม               14               53        1,455              8.622
หมายเหตุ:  ข้อมูลกรมชลประทาน ณ วันที่ 3 เม.ย. 2552

(4) การปฏิบัติการฝนหลวง

เริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. ถึง 2 เม.ย. 2552 จำนวน 8 ศูนย์ (9 หน่วยปฏิบัติการ 4 ฐานเติมสาร ได้แก่ เชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ ขอนแก่น อุบลราชธานี/นครราชสีมา ระยอง หัวหิน ชุมพร สุราษฎร์ธานี และ 4 ฐานเติมสาร ได้แก่ ตาก กาญจนบุรี จันทบุรี สระแก้ว)

ขึ้นบิน จำนวน 1,293 เที่ยวบิน มีฝนตกในพื้นที่ 55 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน ตาก แม่ฮ่องสอน พะเยา พิษณุโลก แพร่ เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร สุโขทัย พิจิตร น่าน อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ กาญจนบุรี ลพบุรี ชัยนาท พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี สระบุรี อุทัยธานี ขอนแก่น นครพนม สกลนคร ร้อยเอ็ด เลย หนองบัวลำภู หนองคาย อุดรธานี กาฬสินธุ์ มหาสารคาม อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ อำนาจเจริญ ระยอง ชลบุรี ตราด จันทบุรี สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี กระบี่ นครศรีธรรมราช และพังงา รวมเป็นพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์ 149.93 ล้านไร่

จากการดำเนินการดังกล่าวข้างต้น ทำให้พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหาย 848,918 ไร่ สามารถลดพื้นที่คาดว่าจะเสียหายได้ 70,582 ไร่ ในพื้นที่ 5 จังหวัด0 ได้แก่ จังหวัดแพร่ สุโขทัย ร้อยเอ็ด ฉะเชิงเทรา และสระแก้ว คงเหลือพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง 762,098 ไร่

ส่วนพื้นที่การเกษตรที่เสียหายแล้ว จำนวน 16,238 ไร่ ในพื้นที่ 6 จังหวัด(เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง พิจิตร เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์) ได้สำรวจและจ่ายเงินช่วยเหลือแล้ว 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี ลำปาง และเชียงใหม่ พื้นที่ 2,705 ไร่ วงเงิน 1.65 ล้านบาท และอยู่ระหว่างนำเสนอคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติระดับอำเภอพิจารณา 3 จังหวัด(เชียงราย พิจิตร และประจวบ คีรีขันธ์)

ด้านปศุสัตว์ จำนวน 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุตรดิตถ์ หนองบัวลำภู ศรีสะเกษ เพชรบุรี และชุมพร

เกษตรกร 9,168 ราย สัตว์ได้รับผลกระทบ 31,791 ตัว เป็น โค 29,194 ตัว กระบือ 2,304 ตัว แพะ 293 ตัว ช่วยเหลือ โดยสนับสนุนพืชอาหารสัตว์ จำนวน 98.17 ตัน และดูแลสุขภาพสัตว์ 1,818 ตัว ได้แก่ หนองบัวลำภู(8.65 ตัน/1,193 ตัว) ศรีสะเกษ(4 ตัน) อุตรดิตถ์(7.2 ตัน) เพชรบุรี(58.32 ตัน) และชุมพร(20 ตัน/625 ตัว) และได้เตรียมไว้ช่วยเหลืออีก 7,532 ตัน

ด้านประมง ยังไม่ได้รับรายงานผลกระทบ

สถานการณ์วาตภัย ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม ถึง 26 มีนาคม 2552

พื้นที่ประสบภัย 14 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ตาก เพชรบูรณ์ แพร่ ลำปาง ศรีสะเกษ อุบลราชธานี มุกดาหาร หนองคาย จันทบุรี กาญจนบุรี กระบี่ นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี

เกษตรกรได้รับผลกระทบ 2,816 ราย พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย 7,205 ไร่ แยกเป็น ข้าว 1,850 ไร่ พืชไร่ 2,473 ไร่ และพืชสวนและอื่นๆ 2,882 ไร่

นอกจากนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรได้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ที่ เกี่ยวข้อง ได้แก่ สถานการณ์น้ำและสถานการณ์การปลูกพืช ดังนี้

สถานการณ์น้ำ ณ วันที่ 3 เมษายน 2552

1. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่

สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศ มีปริมาณน้ำในอ่างฯทั้งหมด 43,360 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ คิดเป็นร้อยละ 62 ของความจุอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งหมด (ปริมาณน้ำใช้การได้ 20,005 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 29 ของความจุอ่างฯ) น้อยกว่าปี 2551 (45,339 ล้านลูกบาศก์เมตร) จำนวน 1,979 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 3 ของความจุอ่างฯ

ปริมาณน้ำไหลลงอ่างสะสมในช่วงฤดูแล้ง ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2551 ถึงปัจจุบัน จำนวน 8,642 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำระบายสะสมในช่วงฤดูแล้งตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2551 ถึงปัจจุบัน จำนวน 19,993 ล้านลูกบาศก์เมตร

สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล สิริกิติ์ และป่าสักชลสิทธิ์

หน่วย : ล้าน ลบ.ม.

อ่างเก็บน้ำ       ปริมาตรน้ำในอ่างฯ         ปริมาตรน้ำใช้การได้     ปริมาตรน้ำไหลลงอ่างฯ             ปริมาณน้ำระบาย
               ปริมาตร   %ความจุ     ปริมาตร      %ความจุ     วันนี้           สะสม     วันนี้     เมื่อวาน       สะสม
                   น้ำ     อ่างฯ         น้ำ        อ่างฯ               1 พ.ย.51                      1 พ.ย.51
1. ภูมิพล         6,448       48      2,648          20    2.17          1,417      25         25      3,804
2. สิริกิติ์         5,526       58      2,676          28    4.25          1,081   27.04      26.95      4,728
รวมภูมิพล+สิริกิติ์   11,974       52      5,324          23    6.42          2,498   52.04      51.95     10,278
3. ป่าสักชลสิทธิ์      435       45        432          45    3.22            554    2.65       2.65        341

เมื่อเปรียบเทียบปริมาตรน้ำปัจจุบันกับปี 2551 เขื่อนภูมิพล น้อยกว่า จำนวน 1,073 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ มากกว่า จำนวน 636 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มากกว่า จำนวน 117 ล้านลูกบาศก์เมตร

อ่างเก็บน้ำที่อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อยกว่าร้อยละ 40 ของความจุอ่างฯ จำนวน 7 อ่าง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำแม่กวงอุดมธารา(ร้อยละ 24) กิ่วคอหมา(ร้อยละ31) แควน้อย (ร้อยละ9 เนื่องจากแควน้อย เริ่มเก็บน้ำปลายฤดูฝนนี้) ลำปาว (ร้อยละ31) ทับเสลา(ร้อยละ35) ขุนด่านปราการ ชล(ร้อยละ32) และอ่างเก็บน้ำบางพระ(ร้อยละ32)

2. สภาพน้ำท่า

ภาคเหนือ แม่น้ำปิงบริเวณจังหวัดกำแพงเพชรและนครสวรรค์ อยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นบริเวณ จังหวัดเชียงใหม่อยู่ในเกณฑ์น้อย แม่น้ำวังบริเวณจังหวัดตากอยู่ในเกณฑ์ปกติ แม่น้ำยมบริเวณจังหวัดแพร่อยู่ในเกณฑ์น้อย แม่น้ำน่านและแม่น้ำแควน้อยบริเวณจังหวัดพิษณุโลก อยู่ในเกณฑ์ น้อย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แม่น้ำชีบริเวณจังหวัดขอนแก่น ชัยภูมิ ยโสธร มหาสารคาม และร้อยเอ็ด อยู่ในเกณฑ์น้อย แม่น้ำมูล บริเวณจังหวัดบุรีรัมย์ นครราชสีมา และศรีสะเกษ อยู่ในเกณฑ์น้อย

ภาคกลาง แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยาอยู่ในเกณฑ์ปกติ

ภาคตะวันออก แม่น้ำปราจีนบุรีบริเวณจังหวัดปราจีนบุรี และแม่น้ำพระสทึงบริเวณจังหวัดสระแก้ว อยู่ในเกณฑ์น้อย

ภาคใต้ แม่น้ำตาปี บริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี แม่น้ำปัตตานีบริเวณจังหวัดยะลา และแม่น้ำโก-ลกบริเวณจังหวัดนราธิวาส อยู่ใน เกณฑ์น้อย

3. คุณภาพน้ำ

กรมประทาน ได้ติดตามตรวจสอบและเฝ้าระวังคุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลองในการดูแลรักษาคุณภาพ น้ำ ทำการตรวจวัด ณ วันที่ 18 มีนาคม 2552 ดังนี้

แม่น้ำ        จุดเฝ้าระวัง                      ค่าออกซิเจนละลายในน้ำ   ค่าความเค็ม   เกณฑ์

(Do) (มิลลิกรัม/ลิตร) กรัม/ลิตร)

เจ้าพระยา    ท่าน้ำจังหวัดนนทบุรี                               1.87       0.124   ค่า Do ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
ท่าจีน        ที่ว่าการอำเภอสามพราน จ.นครปฐม                  1.28       0.151   ค่า Do ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
แม่กลอง      ปากคลองดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี                    4.63       0.056   ปกติ
หมายเหตุ : ค่าออกซิเจนละลายในน้ำ (Do) ไม่ต่ำกว่า 2 มิลลิกรัม/ลิตร ค่าความเค็มของน้ำ เพื่อการเกษตรไม่เกิน 2 กรัม/ลิตร

สถานการณ์การปลูกพืชฤดูแล้ง ปี 2551/2552

ผลการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ข้อมูล ณ วันที่ 30 มีนาคม 2552 มีพื้นที่ปลูกพืชฤดูแล้งทั้งประเทศ จำนวน 18.80 ล้านไร่ แยกเป็น ข้าวนาปรัง จำนวน 12.94 ล้านไร่ พืชไร่-ผัก จำนวน 2.13 ล้านไร่ และพืชอื่นๆ จำนวน 3.73 ล้านไร่ รายละเอียดดังนี้

พื้นที่                                  คาดการณ์พื้นที่ปลูก (ล้านไร่)              พื้นที่ปลูกจริง (ล้านไร่)
                       ข้าวนาปรัง     พืชไร่-ผัก     พืชอื่นๆ      รวม      ข้าวนาปรัง   พืชไร่-ผัก    พืชอื่นๆ      รวม
ในเขตพื้นที่ชลประทาน           8.79        0.76      3.64    13.19          9.88      0.59     3.73     14.2

(112.4) (77.63) (102.47) (107.65)

นอกเขตพื้นที่ชลประทาน          2.82        2.04         -     4.86          3.06      1.54        -      4.6
                                                                    (108.51)   (75.49)        -  (94.65)
รวม                       11.61         2.8      3.64    18.05         12.94      2.13     3.73     18.8

(111.46) (76.07) (102.47) (104.15) หมายเหตุ ( ) หมายถึง ร้อยละของพื้นที่คาดการณ์

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 7 เมษายน 2552 --จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ