คณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่องการ ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เพื่ออนุญาตให้ผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้สำหรับโครงการพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติภูฮ่อม ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ แล้วมีมติเห็นชอบการขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2548 ที่กำหนดให้หน่วยราชการทุกหน่วยงานที่มีที่ดินอยู่ในความครอบครอง ชะลอการออกหลักฐานและการอนุญาตให้เช่าใช้ที่ดินที่เป็นของรัฐไว้เป็นการชั่วคราว เพื่อผ่อนผันให้บริษัท อเมราดา เฮสส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมตามโครงการพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติภูฮ่อม (เพื่อความมั่นคงด้านพลังงาน) เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้และสวนป่าที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ หรือกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชที่ขออนุญาตได้เท่าที่จำเป็นไปพลางก่อน จนกว่าจะได้รับอนุญาตตามระเบียบและกฎหมายที่ว่าด้วยการป่าไม่ โดยให้ชำระค่าชดเชยการปลูกสร้างสวนป่าตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่กำหนด และมอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานชี้แจงว่า
1. บริษัท อเมราดา เฮสส์ (ไทยแลนด์) จำกัด และคณะ ผู้รับสัมปทานปิโตรเลียม เลขที่ 2/2522/17 และ 1/2524/19 สำหรับแปลงสำรวจหลายเลข E5 และ EU1 บริเวณอำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี และอำเภอเขาสวนกวาง อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ได้สำรวจพบแหล่งก๊าซธรรมชาติภูฮ่อม ซึ่งมีสมรรถนะเชิงพาณิชย์ และได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงพลังงาน ให้ดำเนินโครงการพัฒนาก๊าซธรรมชาติจากแหล่งถูฮ่อม เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งขาดแคลนก๊าซธรรมชาติ (เนื่องจากแหล่งก๊าซน้ำพองมีปริมาณก๊าซลดลงอย่างมาก) โครงการ ฯ นี้ กระทรวงพลังงานได้กำหนดให้ผู้รับสัปทานเร่งรัดดำเนินงานให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2549 นี้ เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ และโครงการฯ ได้รับความเห็นชอบในรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2548
2. สืบเนื่องจากข้อ 1 ขณะนี้ ผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะต้องเข้าพื้นที่เพื่อเริ่มการก่อสร้างสถานีผลิต และวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติจากแหล่งภูฮ่อมไปยังโรงไฟฟ้าน้ำพอง เป็นระยะทางประมาณ 65 กิโลเมตร ให้แล้วเสร็จตามกำหนดภายในกลางปี 2549 นี้ แต่เนื่องจากหลุมเจาะภูฮ่อมอยู่ในเขตป่าสงวน จึงทำให้ในการวางท่อและก่อสร้างสถานีผลิตตามโครงการฯ จำเป็นต้องผ่านเข้าไปพื้นที่ป่าไม้ (เขตป่าสงวนฯ และ / หรือเขตอุทยานแห่งชาติ) ในเนื้อที่เท่าที่จำเป็นและหลีกเลี่ยงไม่ได้ประมาณ 475 ไร่ (รวม 2 จังหวัด) ซึ่ง บริษัท อเมราดา เฮสส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้ยื่นคำขอใช้ประโยชน์ในเขตป่าตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ ต่อกรมป่าไม้ผ่านสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดอุดรธานีและจังหวัดขอนแก่น ไว้แล้วส่วนหนึ่งตั้งแต่เดือนกันยายน 2548
3. กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้ประสานงานกับกรมป่าไม้และได้รับแจ้งว่า กรมป่าไม้ยินดีให้การสนับสนุนและเร่งพิจารณาดำเนินการอนุญาต แต่ติดขัดที่มติคณะรัฐมนตรีตามข้อ 2 ซึ่งให้ชะลอการอนุญาตโครงการเช่าใช้พื้นที่ป่าใด ๆ ไว้ก่อน อีกทั้งไม่สามารถผ่อนผันให้ผู้รับสัมปทานเข้าไปดำเนินการก่อนการพิจารณาอนุญาตได้ แม้จะเป็นเรื่องเพื่อความมั่นคงทางพลังงาน เพราะผู้รับสัมปทานไม่ใช่ส่วนราชการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2536
4. กระทรวงพลังงานพิจารณาเห็นว่า โครงการพัฒนาก๊าซธรรมชาติจากแหล่งภูฮ่อม ที่จังหวัดอุดรธานีและจังหวัดขอนแก่นนี้ มีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งต่อการแก้ไขปัญหากาขาดแคลนไฟฟ้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และลดต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าของประเทศโดยรวม หากการก่อสร้างท่อส่งก๊าซธรรมชาติในโครงการฯ ดังกล่าวไม่สามารถเริ่มก่อสร้างได้ตามกำหนด จะส่งผลให้โรงไฟฟ้าน้ำพองที่จังหวัดขอนแก่นต้องใช้น้ำมันเตาและน้ำมันดีเซล ซึ่งมีราคาแพงมากมาเป็นเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นในการผลิตไฟฟ้า อันจะทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าของชาติมีราคาสูงขึ้น (การใช้น้ำมันดีเซลทดแทนก๊าซธรรมชาติที่ขาดหายไป เพื่อผลิตไฟฟ้าให้ได้เต็มที่กำลังของโรงไฟฟ้าน้ำพองจะสิ้นเปลืองต้นทุนเชื้อเพลิงแพงขึ้นประมาณ 1,400 ล้านบาท/เดือน หากโครงการฯ ล่าช้ากว่ากำหนด) และอาจทำให้ประเทศไทยต้องซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นด้วย กระทรวงพลังงานจึงกำหนดให้ผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมเร่งรัดการดำเนินงานก่อสร้างโครงการพัฒนาก๊าซธรรมชาติจากแหล่งภูฮ่อมนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด เพราะเป็นโครงการเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของชาติ และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ตามแผนการบริหารราชการแผ่นดิน ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 14 มีนาคม 2549--จบ--
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานชี้แจงว่า
1. บริษัท อเมราดา เฮสส์ (ไทยแลนด์) จำกัด และคณะ ผู้รับสัมปทานปิโตรเลียม เลขที่ 2/2522/17 และ 1/2524/19 สำหรับแปลงสำรวจหลายเลข E5 และ EU1 บริเวณอำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี และอำเภอเขาสวนกวาง อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ได้สำรวจพบแหล่งก๊าซธรรมชาติภูฮ่อม ซึ่งมีสมรรถนะเชิงพาณิชย์ และได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงพลังงาน ให้ดำเนินโครงการพัฒนาก๊าซธรรมชาติจากแหล่งถูฮ่อม เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งขาดแคลนก๊าซธรรมชาติ (เนื่องจากแหล่งก๊าซน้ำพองมีปริมาณก๊าซลดลงอย่างมาก) โครงการ ฯ นี้ กระทรวงพลังงานได้กำหนดให้ผู้รับสัปทานเร่งรัดดำเนินงานให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2549 นี้ เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ และโครงการฯ ได้รับความเห็นชอบในรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2548
2. สืบเนื่องจากข้อ 1 ขณะนี้ ผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะต้องเข้าพื้นที่เพื่อเริ่มการก่อสร้างสถานีผลิต และวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติจากแหล่งภูฮ่อมไปยังโรงไฟฟ้าน้ำพอง เป็นระยะทางประมาณ 65 กิโลเมตร ให้แล้วเสร็จตามกำหนดภายในกลางปี 2549 นี้ แต่เนื่องจากหลุมเจาะภูฮ่อมอยู่ในเขตป่าสงวน จึงทำให้ในการวางท่อและก่อสร้างสถานีผลิตตามโครงการฯ จำเป็นต้องผ่านเข้าไปพื้นที่ป่าไม้ (เขตป่าสงวนฯ และ / หรือเขตอุทยานแห่งชาติ) ในเนื้อที่เท่าที่จำเป็นและหลีกเลี่ยงไม่ได้ประมาณ 475 ไร่ (รวม 2 จังหวัด) ซึ่ง บริษัท อเมราดา เฮสส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้ยื่นคำขอใช้ประโยชน์ในเขตป่าตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ ต่อกรมป่าไม้ผ่านสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดอุดรธานีและจังหวัดขอนแก่น ไว้แล้วส่วนหนึ่งตั้งแต่เดือนกันยายน 2548
3. กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้ประสานงานกับกรมป่าไม้และได้รับแจ้งว่า กรมป่าไม้ยินดีให้การสนับสนุนและเร่งพิจารณาดำเนินการอนุญาต แต่ติดขัดที่มติคณะรัฐมนตรีตามข้อ 2 ซึ่งให้ชะลอการอนุญาตโครงการเช่าใช้พื้นที่ป่าใด ๆ ไว้ก่อน อีกทั้งไม่สามารถผ่อนผันให้ผู้รับสัมปทานเข้าไปดำเนินการก่อนการพิจารณาอนุญาตได้ แม้จะเป็นเรื่องเพื่อความมั่นคงทางพลังงาน เพราะผู้รับสัมปทานไม่ใช่ส่วนราชการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2536
4. กระทรวงพลังงานพิจารณาเห็นว่า โครงการพัฒนาก๊าซธรรมชาติจากแหล่งภูฮ่อม ที่จังหวัดอุดรธานีและจังหวัดขอนแก่นนี้ มีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งต่อการแก้ไขปัญหากาขาดแคลนไฟฟ้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และลดต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าของประเทศโดยรวม หากการก่อสร้างท่อส่งก๊าซธรรมชาติในโครงการฯ ดังกล่าวไม่สามารถเริ่มก่อสร้างได้ตามกำหนด จะส่งผลให้โรงไฟฟ้าน้ำพองที่จังหวัดขอนแก่นต้องใช้น้ำมันเตาและน้ำมันดีเซล ซึ่งมีราคาแพงมากมาเป็นเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นในการผลิตไฟฟ้า อันจะทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าของชาติมีราคาสูงขึ้น (การใช้น้ำมันดีเซลทดแทนก๊าซธรรมชาติที่ขาดหายไป เพื่อผลิตไฟฟ้าให้ได้เต็มที่กำลังของโรงไฟฟ้าน้ำพองจะสิ้นเปลืองต้นทุนเชื้อเพลิงแพงขึ้นประมาณ 1,400 ล้านบาท/เดือน หากโครงการฯ ล่าช้ากว่ากำหนด) และอาจทำให้ประเทศไทยต้องซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นด้วย กระทรวงพลังงานจึงกำหนดให้ผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมเร่งรัดการดำเนินงานก่อสร้างโครงการพัฒนาก๊าซธรรมชาติจากแหล่งภูฮ่อมนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด เพราะเป็นโครงการเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของชาติ และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ตามแผนการบริหารราชการแผ่นดิน ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 14 มีนาคม 2549--จบ--