คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานผลการ
ดำเนินงาน เรื่อง การช่วยเหลือเด็กที่ถูกทอดทิ้ง ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม — 20 พฤศจิกายน 2548
ดังนี้
จำนวนเด็กที่นำส่งเข้ารับการอุปการะจำแนกตามสาเหตุการนำส่ง
กรณีฝากเป็นการชั่วคราว
สาเหตุการนำส่ง วันที่ 9 — วันที่ 26 ก.ย. - วันที่ 22 ต.ค. -
25 ก.ย. 48 21 ต.ค. 48 20 พ.ย. 48
ครอบครัวแตกแยกและบิดามารดาต้องออกไปทำงานนอกบ้าน 6 27 12
ครอบครัวมีฐานะยากจน 7 5 20
สาเหตุการนำส่ง วันที่ 9 — วันที่ 26 ก.ย. - วันที่ 22 ต.ค. —
25 ก.ย. 48 21 ต.ค. 48 20 พ.ย. 48
บิดา มารดา ต้องโทษ 8 8 3
การเลี้ยงดูเด็กไม่เหมาะสม 6 1 10
มารดาตั้งครรภ์นอกสมรส/ไม่พึงปรารถนา 2 8 6
เป็นบุตรผู้รับการสงเคราะห์ 1 5 4
เร่ร่อน - 2 1
ครอบครัวหย่าร้าง - - 2
ได้รับผลกระทบจากโรค AID - - 2
มารดามีอาการทางจิต - - 1
ทอดทิ้งไว้ในที่สาธารณะ - - 1
รวม 30 56 62
ผลการดำเนินงานการรับเด็กเข้ารับการอุปการะจำแนกตามสาเหตุการนำส่งกรณีฝากเป็นการชั่วคราว
พบว่า การฝากเด็กเป็นการชั่วคราวครั้งที่ 3 มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นจากครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 โดยภาพรวมของ
การรับเด็ก เข้ารับการอุปการะทั้งสามครั้ง สาเหตุหลักที่นำส่งเด็กเข้าสถานสงเคราะห์ ได้แก่ ครอบครัวมี
ฐานะยากจน ครอบครัว แตกแยกและบิดามารดาต้องออกไปทำงานนอกบ้าน ในกรณีของเด็กถูกทอดทิ้งในที่
สาธารณะ จำนวน 1 ราย พบว่า สถานสงเคราะห์สามารถติดตามครอบครัวได้และครอบครัวขอฝากบุตรไว้
เป็นการชั่วคราวในสถานสงเคราะห์ สาเหตุที่มีการฝากเด็กเป็นการชั่วคราวมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นจาก 2 ครั้ง
ที่ผ่านมา อาจเป็นเพราะบิดามารดาได้รับทราบข่าวการประชาสัมพันธ์โครงการฝากรัฐเลี้ยงลูก จึงนำบุตรมาฝาก
เป็นการชั่วคราวในหน่วยงานของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เพื่อแบ่งเบาภาระให้กับผู้ปกครอง ในภายภาคหน้า
เมื่อบิดามารดามีความพร้อม ก็จะรับบุตรกลับไปอุปการะเลี้ยงดูเอง
กรณีมอบให้สถานสงเคราะห์เป็นการถาวร
สาเหตุการนำส่ง วันที่ 9— วันที่ 26 ก.ย.- วันที่ 22 ต.ค.-
25 ก.ย. 48 21 ต.ค. 48 20 พ.ย.48
มารดาติดเชื้อ HIV 1 3 1
มารดาตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ 6 12 8
มีฐานะยากจน 5 4 4
ครอบครัวหย่าร้าง - 8 -
ครอบครัวแตกแยก/บิดามารดาต้องไปทำงานนอกบ้าน 4 - 2
ญาติไม่สามารถอุปการะได้ 2 - -
กำพร้าบิดามารดา - 1
รพ.นำส่ง เนื่องจากมารดามอบให้ 2 1 4
รวม 20 28 20
ผลการดำเนินงานการรับเด็กเข้ารับการอุปการะจำแนกตามสาเหตุการนำส่ง กรณีฝากเป็นการถาวร
พบว่า มีปริมาณลดลงจากครั้งที่ผ่านมา โดยสาเหตุหลักที่นำส่งเด็กเข้ารับการอุปการะเป็นการถาวรจากการรายงาน
ทั้งสามครั้ง พบว่า มาจากมารดาตั้งครรภ์นอกสมรส ตลอดจนตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ จึงไม่ประสงค์จะนำบุตร
กลับไป เลี้ยงดู ดังนั้น กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ จึงควรจัดกิจกรรมตลอดจนโครงการเพื่อรณรงค์ป้องกัน
ปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร หรือการป้องกันตนเองจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ หรืออีกประการหนึ่ง
ที่บิดามารดาฝากบุตรเป็นการถาวรมีจำนวนลดลง อาจเป็นเพราะได้รับการช่วยเหลือจากทางราชการ จึงสามารถ
ให้การดูแลบุตรด้วยตนเองได้ โดยไม่นำส่งบุตรเข้าสถานสงเคราะห์
กรณีถูกทอดทิ้ง
สาเหตุการนำส่ง วันที่ 9 — วันที่ 26 ก.ย. - วันที่ 22 ต.ค. —
25 ก.ย. 48 21 ต.ค. 48 20 พ.ย. 48
ทอดทิ้งไว้ในโรงพยาบาล 3 7 4
ทอดทิ้งไว้ในที่สาธารณะ 2 3 9
ทอดทิ้งกับผู้รับจ้างเลี้ยงดู 6 6 6
รวม 11 16 19
ผลการดำเนินงานการรับเด็กเข้ารับการอุปการะจำแนกตามสาเหตุการนำส่ง กรณีถูกทอดทิ้ง
พบว่า กรณีเด็กถูกทอดทิ้งเพิ่มมากขึ้นจากการรายงานผลที่ผ่านมา โดยเด็กถูกทอดทิ้งในที่สาธารณะเพิ่มขึ้น
จากครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ค่อนข้างมาก อาจจะมีสาเหตุเนื่องจากมารดาไม่ต้องการเปิดเผยตนเอง
จึงทำให้จำนวนเด็กถูกทอดทิ้งไว้ในที่สาธารณะเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ จึงควร
จัดกิจกรรมโครงการความรักและความสัมพันธ์ที่ปลอดภัย เพื่อรณรงค์ป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร
หรือ การป้องกันตนเองจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ
จำนวนเด็กที่นำส่งเข้ารับการอุปการะจำแนกตามอายุของเด็ก
จำแนกตามอายุของเด็กถูกทอดทิ้ง วันที่ 9 — วันที่ 26 ก.ย. - วันที่ 22 ต.ค. —
25 ก.ย. 48 21 ต.ค. 48 20 พ.ย. 48
อายุแรกเกิด — 6 เดือน 25 58 41
อายุ 6 เดือน — 1 ปี 6 7 16
อายุ 1 ปี — 1 ปี 6 เดือน 2 8 14
อายุ 1 ปี 6 เดือน — 2 ปี 3 7 2
อายุ 2 ปี ขึ้นไป 23 20 28
รวม 59 100 101
ผลการดำเนินงานการรับเด็กเข้ารับการอุปการะในสถานสงเคราะห์จำแนกตามอายุของเด็ก พบว่า
เด็กแรกเกิด — 6 เดือน และเด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป จะมีการส่งตัวเข้ารับการอุปการะในสถานสงเคราะห์มากที่สุด
ทั้งสามครั้ง
จำนวนเด็กที่นำส่งเข้ารับการอุปการะจำแนกตามหน่วยงานที่นำส่งเด็ก
จำแนกตามหน่วยงานนำส่งเด็ก วันที่ 9 — วันที่ 26 ก.ย. - วันที่ 22 ต.ค. -
25 ก.ย. 48 21 ต.ค. 48 20 พ.ย. 48
โรงพยาบาล 2 14 4
สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด 12 12 18
ครอบครัว (บิดา มารดา) 9 13 25
หน่วยงานในสังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ 27 51 42
ตำรวจ องค์กรเอกชน 9 10 12
รวม 59 100 101
ผลการดำเนินงานการรับเด็กเข้ารับการอุปการะในสถานสงเคราะห์จำแนกตามหน่วยงานที่นำส่ง
พบว่า หน่วยงานในสังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ได้แก่ บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดต่าง ๆ
นำส่งเด็กเข้ารับการอุปการะในสถานสงเคราะห์มากที่สุด อาจจะแสดงให้เห็นว่า หน่วยงานของกรมพัฒนาสังคม
และสวัสดิการที่ตั้งอยู่ทุกภาคของประเทศ ประสบผลสำเร็จในการประชาสัมพันธ์ภารกิจและบริการของหน่วยงาน
ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อน มีครอบครัวตลอดจนหน่วยงานขอรับบริการจำนวนมาก
ในขณะเดียวกัน ครอบครัวเป็นผู้นำส่งบุตรเข้ารับการอุปการะในสถานสงเคราะห์เป็นอันดับรองลงมา อาจจะ
เนื่องจากครอบครัวทราบข่าวการประชาสัมพันธ์โครงการฝากรัฐเลี้ยงลูกของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความ
มั่นคงของมนุษย์ทางสื่อมวลชน ทั้งโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ เมื่อครอบครัวประสบปัญหาไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรได้
จึงนำส่งบุตรเข้ารับการอุปการะในสถานสงเคราะห์ด้วยตนเอง
แนวทางการช่วยเหลือของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ
กรณีฝากเป็นการชั่วคราว
1. นักสังคมสงเคราะห์เยี่ยมครอบครัวเพื่อสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการให้คำปรึกษา ให้ความ
ช่วยเหลือตามความเหมาะสม อาทิเช่น เครื่องอุปโภค-บริโภค เงินสงเคราะห์ครอบครัว การฝึกอาชีพ
2. รับตัวเด็กเข้ารับการอุปการะในสถานสงเคราะห์ สวัสดิการที่จัดให้เมื่อเข้ารับการอุปการะ
ได้แก่ บริการด้านปัจจัยสี่ บริการด้านการรักษาพยาบาลและอนามัย บริการด้านสังคมสงเคราะห์และจิตวิทยา
บริการด้านนันทนาการ คุณธรรมและจริยธรรม บริการด้านการกระตุ้นพัฒนาการเด็กตามวัย การจัดทำทะเบียน
ราษฎร์ ให้การศึกษาตามวัย และให้ความช่วยเหลือตามความเหมาะสมแก่สภาพปัญหาของเด็กแต่ละราย
3. เมื่อบิดา มารดามีความพร้อมและรับเด็กกลับไปดูแลในครอบครัวตามเดิมแล้ว กรมพัฒนาสังคม
และ สวัสดิการจะติดตามให้ความช่วยเหลือตามความจำเป็นและเหมาะสมกับสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวเด็ก
ต่อไป
กรณีมอบให้สถานสงเคราะห์เป็นการถาวร
1. รับตัวเด็กเข้ารับการอุปการะในสถานสงเคราะห์ โดยจัดบริการแก่เด็กเพื่อส่งเสริมพัฒนาการ
ตามวัยอย่างรอบด้าน ได้รับการศึกษา ฝึกอาชีพ และพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคม
ได้อย่างมีความสุข
2. สนับสนุนและจัดหาครอบครัวทดแทนให้เด็ก ได้แก่ ครอบครัวอุปถัมภ์ซึ่งเป็นการจัด หาครอบครัว
ทดแทนชั่วคราว และการจัดหาครอบครัวทดแทนที่ถาวรให้แก่เด็ก โดยการมอบเด็กให้เป็นบุตรบุญธรรมทั้งชาวไทย
และ ชาวต่างประเทศ เพื่อให้เด็กมีชีวิตครอบครัวตามสิทธิขั้นพื้นฐาน
กรณีถูกทอดทิ้ง
1. รับตัวเด็กเข้ารับการอุปการะในสถานสงเคราะห์ ให้บริการด้านบริการด้านปัจจัยสี่ บริการ
ด้านการรักษาพยาบาลและอนามัย บริการด้านสังคมสงเคราะห์และจิตวิทยา บริการด้านนันทนาการ คุณธรรม
และจริยธรรม บริการด้านการกระตุ้นพัฒนาการเด็กตามวัย การจัดทำทะเบียนราษฎร์ ให้การศึกษาตามวัย
และพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
2. กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการจะสืบหาบิดามารดาเด็กในความอุปการะทุกรายหากพบและยังไม่มี
ความพร้อมที่จะอุปการะเด็ก กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือตามสภาพของปัญหาจนกว่า
ครอบครัวมีความพร้อมที่จะรับเด็กกลับไปอุปการะ กรณีที่สืบหาบิดามารดาของเด็กไม่พบ จะพิจารณาจัดหา
ครอบครัวทดแทนที่เหมาะสมทั้งแบบครอบครัวชั่วคราวและครอบครัวถาวรให้กับเด็กต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 10 มกราคม 2549--จบ--
ดำเนินงาน เรื่อง การช่วยเหลือเด็กที่ถูกทอดทิ้ง ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม — 20 พฤศจิกายน 2548
ดังนี้
จำนวนเด็กที่นำส่งเข้ารับการอุปการะจำแนกตามสาเหตุการนำส่ง
กรณีฝากเป็นการชั่วคราว
สาเหตุการนำส่ง วันที่ 9 — วันที่ 26 ก.ย. - วันที่ 22 ต.ค. -
25 ก.ย. 48 21 ต.ค. 48 20 พ.ย. 48
ครอบครัวแตกแยกและบิดามารดาต้องออกไปทำงานนอกบ้าน 6 27 12
ครอบครัวมีฐานะยากจน 7 5 20
สาเหตุการนำส่ง วันที่ 9 — วันที่ 26 ก.ย. - วันที่ 22 ต.ค. —
25 ก.ย. 48 21 ต.ค. 48 20 พ.ย. 48
บิดา มารดา ต้องโทษ 8 8 3
การเลี้ยงดูเด็กไม่เหมาะสม 6 1 10
มารดาตั้งครรภ์นอกสมรส/ไม่พึงปรารถนา 2 8 6
เป็นบุตรผู้รับการสงเคราะห์ 1 5 4
เร่ร่อน - 2 1
ครอบครัวหย่าร้าง - - 2
ได้รับผลกระทบจากโรค AID - - 2
มารดามีอาการทางจิต - - 1
ทอดทิ้งไว้ในที่สาธารณะ - - 1
รวม 30 56 62
ผลการดำเนินงานการรับเด็กเข้ารับการอุปการะจำแนกตามสาเหตุการนำส่งกรณีฝากเป็นการชั่วคราว
พบว่า การฝากเด็กเป็นการชั่วคราวครั้งที่ 3 มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นจากครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 โดยภาพรวมของ
การรับเด็ก เข้ารับการอุปการะทั้งสามครั้ง สาเหตุหลักที่นำส่งเด็กเข้าสถานสงเคราะห์ ได้แก่ ครอบครัวมี
ฐานะยากจน ครอบครัว แตกแยกและบิดามารดาต้องออกไปทำงานนอกบ้าน ในกรณีของเด็กถูกทอดทิ้งในที่
สาธารณะ จำนวน 1 ราย พบว่า สถานสงเคราะห์สามารถติดตามครอบครัวได้และครอบครัวขอฝากบุตรไว้
เป็นการชั่วคราวในสถานสงเคราะห์ สาเหตุที่มีการฝากเด็กเป็นการชั่วคราวมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นจาก 2 ครั้ง
ที่ผ่านมา อาจเป็นเพราะบิดามารดาได้รับทราบข่าวการประชาสัมพันธ์โครงการฝากรัฐเลี้ยงลูก จึงนำบุตรมาฝาก
เป็นการชั่วคราวในหน่วยงานของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เพื่อแบ่งเบาภาระให้กับผู้ปกครอง ในภายภาคหน้า
เมื่อบิดามารดามีความพร้อม ก็จะรับบุตรกลับไปอุปการะเลี้ยงดูเอง
กรณีมอบให้สถานสงเคราะห์เป็นการถาวร
สาเหตุการนำส่ง วันที่ 9— วันที่ 26 ก.ย.- วันที่ 22 ต.ค.-
25 ก.ย. 48 21 ต.ค. 48 20 พ.ย.48
มารดาติดเชื้อ HIV 1 3 1
มารดาตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ 6 12 8
มีฐานะยากจน 5 4 4
ครอบครัวหย่าร้าง - 8 -
ครอบครัวแตกแยก/บิดามารดาต้องไปทำงานนอกบ้าน 4 - 2
ญาติไม่สามารถอุปการะได้ 2 - -
กำพร้าบิดามารดา - 1
รพ.นำส่ง เนื่องจากมารดามอบให้ 2 1 4
รวม 20 28 20
ผลการดำเนินงานการรับเด็กเข้ารับการอุปการะจำแนกตามสาเหตุการนำส่ง กรณีฝากเป็นการถาวร
พบว่า มีปริมาณลดลงจากครั้งที่ผ่านมา โดยสาเหตุหลักที่นำส่งเด็กเข้ารับการอุปการะเป็นการถาวรจากการรายงาน
ทั้งสามครั้ง พบว่า มาจากมารดาตั้งครรภ์นอกสมรส ตลอดจนตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ จึงไม่ประสงค์จะนำบุตร
กลับไป เลี้ยงดู ดังนั้น กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ จึงควรจัดกิจกรรมตลอดจนโครงการเพื่อรณรงค์ป้องกัน
ปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร หรือการป้องกันตนเองจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ หรืออีกประการหนึ่ง
ที่บิดามารดาฝากบุตรเป็นการถาวรมีจำนวนลดลง อาจเป็นเพราะได้รับการช่วยเหลือจากทางราชการ จึงสามารถ
ให้การดูแลบุตรด้วยตนเองได้ โดยไม่นำส่งบุตรเข้าสถานสงเคราะห์
กรณีถูกทอดทิ้ง
สาเหตุการนำส่ง วันที่ 9 — วันที่ 26 ก.ย. - วันที่ 22 ต.ค. —
25 ก.ย. 48 21 ต.ค. 48 20 พ.ย. 48
ทอดทิ้งไว้ในโรงพยาบาล 3 7 4
ทอดทิ้งไว้ในที่สาธารณะ 2 3 9
ทอดทิ้งกับผู้รับจ้างเลี้ยงดู 6 6 6
รวม 11 16 19
ผลการดำเนินงานการรับเด็กเข้ารับการอุปการะจำแนกตามสาเหตุการนำส่ง กรณีถูกทอดทิ้ง
พบว่า กรณีเด็กถูกทอดทิ้งเพิ่มมากขึ้นจากการรายงานผลที่ผ่านมา โดยเด็กถูกทอดทิ้งในที่สาธารณะเพิ่มขึ้น
จากครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ค่อนข้างมาก อาจจะมีสาเหตุเนื่องจากมารดาไม่ต้องการเปิดเผยตนเอง
จึงทำให้จำนวนเด็กถูกทอดทิ้งไว้ในที่สาธารณะเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ จึงควร
จัดกิจกรรมโครงการความรักและความสัมพันธ์ที่ปลอดภัย เพื่อรณรงค์ป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร
หรือ การป้องกันตนเองจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ
จำนวนเด็กที่นำส่งเข้ารับการอุปการะจำแนกตามอายุของเด็ก
จำแนกตามอายุของเด็กถูกทอดทิ้ง วันที่ 9 — วันที่ 26 ก.ย. - วันที่ 22 ต.ค. —
25 ก.ย. 48 21 ต.ค. 48 20 พ.ย. 48
อายุแรกเกิด — 6 เดือน 25 58 41
อายุ 6 เดือน — 1 ปี 6 7 16
อายุ 1 ปี — 1 ปี 6 เดือน 2 8 14
อายุ 1 ปี 6 เดือน — 2 ปี 3 7 2
อายุ 2 ปี ขึ้นไป 23 20 28
รวม 59 100 101
ผลการดำเนินงานการรับเด็กเข้ารับการอุปการะในสถานสงเคราะห์จำแนกตามอายุของเด็ก พบว่า
เด็กแรกเกิด — 6 เดือน และเด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป จะมีการส่งตัวเข้ารับการอุปการะในสถานสงเคราะห์มากที่สุด
ทั้งสามครั้ง
จำนวนเด็กที่นำส่งเข้ารับการอุปการะจำแนกตามหน่วยงานที่นำส่งเด็ก
จำแนกตามหน่วยงานนำส่งเด็ก วันที่ 9 — วันที่ 26 ก.ย. - วันที่ 22 ต.ค. -
25 ก.ย. 48 21 ต.ค. 48 20 พ.ย. 48
โรงพยาบาล 2 14 4
สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด 12 12 18
ครอบครัว (บิดา มารดา) 9 13 25
หน่วยงานในสังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ 27 51 42
ตำรวจ องค์กรเอกชน 9 10 12
รวม 59 100 101
ผลการดำเนินงานการรับเด็กเข้ารับการอุปการะในสถานสงเคราะห์จำแนกตามหน่วยงานที่นำส่ง
พบว่า หน่วยงานในสังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ได้แก่ บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดต่าง ๆ
นำส่งเด็กเข้ารับการอุปการะในสถานสงเคราะห์มากที่สุด อาจจะแสดงให้เห็นว่า หน่วยงานของกรมพัฒนาสังคม
และสวัสดิการที่ตั้งอยู่ทุกภาคของประเทศ ประสบผลสำเร็จในการประชาสัมพันธ์ภารกิจและบริการของหน่วยงาน
ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อน มีครอบครัวตลอดจนหน่วยงานขอรับบริการจำนวนมาก
ในขณะเดียวกัน ครอบครัวเป็นผู้นำส่งบุตรเข้ารับการอุปการะในสถานสงเคราะห์เป็นอันดับรองลงมา อาจจะ
เนื่องจากครอบครัวทราบข่าวการประชาสัมพันธ์โครงการฝากรัฐเลี้ยงลูกของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความ
มั่นคงของมนุษย์ทางสื่อมวลชน ทั้งโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ เมื่อครอบครัวประสบปัญหาไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรได้
จึงนำส่งบุตรเข้ารับการอุปการะในสถานสงเคราะห์ด้วยตนเอง
แนวทางการช่วยเหลือของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ
กรณีฝากเป็นการชั่วคราว
1. นักสังคมสงเคราะห์เยี่ยมครอบครัวเพื่อสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการให้คำปรึกษา ให้ความ
ช่วยเหลือตามความเหมาะสม อาทิเช่น เครื่องอุปโภค-บริโภค เงินสงเคราะห์ครอบครัว การฝึกอาชีพ
2. รับตัวเด็กเข้ารับการอุปการะในสถานสงเคราะห์ สวัสดิการที่จัดให้เมื่อเข้ารับการอุปการะ
ได้แก่ บริการด้านปัจจัยสี่ บริการด้านการรักษาพยาบาลและอนามัย บริการด้านสังคมสงเคราะห์และจิตวิทยา
บริการด้านนันทนาการ คุณธรรมและจริยธรรม บริการด้านการกระตุ้นพัฒนาการเด็กตามวัย การจัดทำทะเบียน
ราษฎร์ ให้การศึกษาตามวัย และให้ความช่วยเหลือตามความเหมาะสมแก่สภาพปัญหาของเด็กแต่ละราย
3. เมื่อบิดา มารดามีความพร้อมและรับเด็กกลับไปดูแลในครอบครัวตามเดิมแล้ว กรมพัฒนาสังคม
และ สวัสดิการจะติดตามให้ความช่วยเหลือตามความจำเป็นและเหมาะสมกับสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวเด็ก
ต่อไป
กรณีมอบให้สถานสงเคราะห์เป็นการถาวร
1. รับตัวเด็กเข้ารับการอุปการะในสถานสงเคราะห์ โดยจัดบริการแก่เด็กเพื่อส่งเสริมพัฒนาการ
ตามวัยอย่างรอบด้าน ได้รับการศึกษา ฝึกอาชีพ และพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคม
ได้อย่างมีความสุข
2. สนับสนุนและจัดหาครอบครัวทดแทนให้เด็ก ได้แก่ ครอบครัวอุปถัมภ์ซึ่งเป็นการจัด หาครอบครัว
ทดแทนชั่วคราว และการจัดหาครอบครัวทดแทนที่ถาวรให้แก่เด็ก โดยการมอบเด็กให้เป็นบุตรบุญธรรมทั้งชาวไทย
และ ชาวต่างประเทศ เพื่อให้เด็กมีชีวิตครอบครัวตามสิทธิขั้นพื้นฐาน
กรณีถูกทอดทิ้ง
1. รับตัวเด็กเข้ารับการอุปการะในสถานสงเคราะห์ ให้บริการด้านบริการด้านปัจจัยสี่ บริการ
ด้านการรักษาพยาบาลและอนามัย บริการด้านสังคมสงเคราะห์และจิตวิทยา บริการด้านนันทนาการ คุณธรรม
และจริยธรรม บริการด้านการกระตุ้นพัฒนาการเด็กตามวัย การจัดทำทะเบียนราษฎร์ ให้การศึกษาตามวัย
และพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
2. กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการจะสืบหาบิดามารดาเด็กในความอุปการะทุกรายหากพบและยังไม่มี
ความพร้อมที่จะอุปการะเด็ก กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือตามสภาพของปัญหาจนกว่า
ครอบครัวมีความพร้อมที่จะรับเด็กกลับไปอุปการะ กรณีที่สืบหาบิดามารดาของเด็กไม่พบ จะพิจารณาจัดหา
ครอบครัวทดแทนที่เหมาะสมทั้งแบบครอบครัวชั่วคราวและครอบครัวถาวรให้กับเด็กต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 10 มกราคม 2549--จบ--