คณะรัฐมนตรีอนุมัติเพิ่มอัตรากำลังข้าราชการอัยการ ประจำปีงบประมาณ 2552 เฉพาะข้าราชการอัยการชั้น 1 และชั้น 3 ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ ดังนี้ 1.ข้าราชการอัยการชั้น 1 จำนวน 250 อัตรา 2. ข้าราชการอัยการชั้น 3 จำนวน 100 อัตรา
สำนักงานอัยการสูงสุดรายงานว่า
1. ประเด็นเรื่องการเร่งรัดกฎหมายเกี่ยวกับองค์กรอัยการเพื่ออนุมัติให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการตรวจร่างกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งได้มีการเร่งรัดการพิจารณาอยู่แล้ว โดยมีการประชุมคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะพิเศษ ทุกๆ วันจันทร์ แต่กระบวนการตรากฎหมายยังมีขั้นตอนอีกมากมายซึ่งคงต้องใช้เวลานานพอควร
2. ส่วนประเด็นการดำเนินการโดยเสนอเป็นแผนชั่วคราวก่อนกฎหมายมีผลบังคับใช้นั้น สำนักงานอัยการสูงสุดได้เสนอคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ซึ่งเป็นองค์กรกลางในการบริหารงานบุคคลของข้าราชการอัยการเพื่อปรับเปลี่ยนถ่ายโอนข้าราชการอัยการในสำนักงานอัยการต่างๆ ตามความจำเป็นให้เหมาะสมกับภารกิจมากยิ่งขึ้นตามแผนบริหารจัดการบุคลากรระยะสั้น ซึ่ง ก.อ. ได้มีมติเห็นชอบในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการอัยการทั่วประเทศในคราวประชุม ก.อ. ครั้งที่ 2/2552 เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2552 แล้ว แต่การบริหารจัดการเรื่องบุคลากรดังกล่าวยังประสบปัญหาภาวะขาดแคลนอัตรากำลังข้าราชการอัยการอยู่เช่นเดิม แม้ว่าสำนักงานอัยการสูงสุดจะได้ใช้แผนชั่วคราวโดยจ้างนิติกร วุฒินิติศาสตรบัณฑิตและเนติบัณฑิตไทยเป็นลูกจ้างตามสัญญาจ้างเหมาบริการระยะสั้น มีกำหนด 1 ปี ให้ทำหน้าที่ช่วยเหลืองานพนักงานอัยการเพื่อแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องดังกล่าวเป็นจำนวนมากก็ตาม แต่นิติกรดังกล่าวก็สามารถช่วยงานได้ในระดับหนึ่งโดยมีข้อจำกัด เนื่องจากไม่สามารถทำหน้าที่ว่าความหรือพิจารณา วินิจฉัยสั่งคดีอันเป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการตามกฎหมายได้
3. เพื่อลดภาระในด้านงบประมาณของรัฐบาลในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ สำนักงานอัยการสูงสุดได้พิจารณาทบทวนเรื่องนี้แล้ว เห็นควรปรับลดการขอเพิ่มอัตรากำลังข้าราชการอัยการ เป็นดังนี้
3.1 ขอเพิ่มอัตรากำลังข้าราชการอัยการชั้น 1 (ตำแหน่งอัยการผู้ช่วย) จาก 300 อัตรา เหลือเพียง 250 อัตรา เพื่อรองรับผู้สอบคัดเลือกได้ในตำแหน่งอัยการผู้ช่วย พ.ศ. 2550 ซึ่งมีผู้สอบได้ทั้งหมด จำนวน 369 คน แต่ขณะนี้ยังคงจ้างบรรจุเพราะไม่มีอัตราว่าง จำนวน 284 คน ซึ่งคำนวณเงินงบประมาณเป็นเงินเดือน รวมทั้งสิ้น 50,160,000 บาทต่อปี
3.2 ขอเพิ่มอัตรากำลังข้าราชการชั้น 3 (ตำแหน่งรองอัยการจังหวัดและอัยการประจำกรม) จาก 200 อัตรา เหลือเพียง 100 อัตรา เพื่อเสริมอัตรากำลังให้แก่สำนักงานอัยการสูงสุดบางแห่งที่ประสบภาวะขาดแคลนอัตรากำลังข้าราชการอัยการอย่างยิ่ง อันมีผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรมอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งคำนวณเงินงบประมาณเป็นเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง รวมทั้งสิ้น 64,656,000 บาทต่อปี
อนึ่ง งบประมาณเกี่ยวกับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการอัยการ ชั้น 1 และชั้น 3 ดังกล่าว รวมเป็นเงินปีละ 114,816,000 บาท นั้น สำนักงานอัยการสูงสุดได้กันเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2552 ไว้แล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 26 พฤษภาคม 2552 --จบ--