แท็ก
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สำนักนายกรัฐมนตรี
กระทรวงมหาดไทย
คณะรัฐมนตรี
คณะรัฐมนตรีรับทราบเรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ดินถล่มแบบบูรณาการ ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุชัย เจริญรัตนกุล) ได้เชิญประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ มาร่วมหารือเรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ดินถล่มแบบบูรณาการ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2549 ซึ่งผลการประชุมหารือมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
1. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รายงานผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาพร้อมกับเสนอแนะแนวทางแก้ไขดังนี้
1.1 กรมอุตุนิยมวิทยา ได้นำเสนอกรณีเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม ดินถล่ม อำเภอท่าปลา และอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ และได้สรุปปัญหาและแนวทางแก้ไข ดังนี้
ปัญหา ได้แก่ การแจ้งเตือนภัยในระดับท้องถิ่น ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย ขาดผู้นำในระดับท้องถิ่นในการแจ้งเตือนภัย ขาดการประสานงานระดับปฏิบัติงานในพื้นที่ ขาดการฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
แนวทางการดำเนินการแก้ไข แบ่งออกเป็น 3 มาตรการ ดังนี้
1) มาตรการด้านการสื่อสาร อาทิเช่น เชื่อมต่อระบบสื่อสารระหว่างหน่วยงานด้านเตือนภัย ให้ข้อมูลลงพื้นที่เสี่ยงภัยโดยตรง โดยใช้การสื่อสารและสื่อสารมวลชนแจ้งเตือน เป็นต้น
2) มาตรการด้านวิชาการ อาทิเช่น ให้หน่วยงานราชการปรับปรุงพัฒนาเครื่องมือตรวจวัดให้ทันสมัยมีฐานข้อมูลแลกเปลี่ยนระหว่างหน่วยงานแบบ Real Time เพิ่มเครือข่ายการเฝ้าระวังด้านอุตุนิยมวิทยาระดับท้องถิ่น เช่น โครงการอุตุนิยมวิทยาหมู่บ้าน โครงการอุตุนิยมวิทยาอาสา โครงการนักอุตุนิยมวิทยารุ่นเยาว์ เป็นต้น
3) มาตรการด้านการประสานงาน อาทิ เช่น การใช้ผู้นำท้องถิ่น (มิสเตอร์เตือนภัย) แจ้งเตือนโดยตรง การให้ชุมชนฝึกซ้อมแผนการเตือนภัยหรือการอพยพภายในชุมชน เป็นต้น
1.2 กระทรวงมหาดไทย เสนอแนะแนวทางแก้ไขดังนี้
1) ควรมีการประสานงานที่ดี รวมถึงการกำหนดเจ้าภาพรับผิดชอบดำเนินการในเรื่อง การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ดินถล่ม เพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ
2) ควรมีหน่วยงานหลักรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ
3) ควรจะมีการสนับสนุนเครื่องวัดน้ำฝน ไซเลนซ์ ในทุกพื้นที่ (ปัจจุบันมีพื้นที่เสี่ยงภัย 2,870 แห่ง) มีเครื่องวัดน้ำฝนประมาณ 1,000 แห่ง มีไซเลนซ์ 500 แห่ง)
4) ควรสนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินการให้มีประสิทธิภาพ
1.3 ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เสนอที่ประชุมว่าการดำเนินการป้องกันอุบัติภัย ควรให้ความสำคัญกับศาสตร์ 4 ด้านคือ ด้านอุตุนิยมวิทยา ด้านอุทกวิทยา (น้ำและชลประทาน) ด้านธรณีวิทยา ด้านการปกครอง ซึ่งที่ผ่านมาการดำเนินการไม่ได้นำศาสตร์ทั้ง 4 ด้านมาพิจารณาร่วมกัน โดยแต่ละหน่วยงานใช้โมเดลในการวิเคราะห์ที่แตกต่างกัน ทำให้การแก้ปัญหาไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ดังนั้น จึงเห็นควรนำศาสตร์ทั้ง 4 ด้าน มาพิจารณาร่วมกัน เพื่อให้การแก้ปัญหาเกิดผลเป็นรูปธรรมและดำเนินการเป็นแนวทางเดียวกัน
1.4 กรมทรัพยากรธรณี ได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิเช่น การจัดทำแผนที่เสี่ยงภัยดินถล่ม จัดตั้งเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า เรื่องดินถล่ม เพื่อเผยแพร่ข้อมูลให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ ประสานงานแจ้งเตือนภัยดินถล่มร่วมกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง อบรมอาสาสมัครเฝ้าระวังป้องกันดินถล่ม (ดำเนินการอบรมแล้ว 18,000 คน) เป็นต้น
1.5 กรมพัฒนาที่ดิน ได้จัดทำแผนที่แสดงพื้นที่เสี่ยงภัย โดยใช้ข้อมูล Real Time ของกรมอุตุ-นิยมวิทยา
1.6 กรมทรัพยากรน้ำ ได้ดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและบรรเทาวิกฤตน้ำ โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อเป็นศูนย์กลางในการรวบรวม/วิเคราะห์ข้อมูล ประสานงาน กำหนดแผนงาน/มาตรการป้องกันบรรเทาภัยจากวิกฤตน้ำ โดยแบ่งการดำเนินการโครงการเป็น 3 ระยะ ใช้งบประมาณดำเนินการ 316.10 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการในระยะที่ 2 ในขณะเดียวกันก็ได้ดำเนินโครงการสำรวจติดตั้งระบบตรวจวัดและจัดตั้งศูนย์ข้อมูลภูมิภาคในพื้นที่ลุ่มน้ำชี และลุ่มน้ำมูล และในปีงบประมาณ 2550 จะดำเนินโครงการสำรวจติดตั้งระบบตรวจวัดและจัดตั้งศูนย์ข้อมูลภูมิภาคในพื้นที่ลุ่มน้ำปิง วัง กก น่านตอนล่าง มูลตอนกลาง น้ำสงคราม ปราณบุรี — กุยบุรี
2. ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาแล้วเห็นว่า เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาแต่ละหน่วยงานได้มีการเตรียมการและดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว ซึ่งประเด็นที่เป็นปัญหาสำคัญคือ การประสานงานในระดับท้องถิ่นพื้นที่เสี่ยงภัย ดังนั้น เพื่อให้การประสานงานในพื้นที่เสี่ยงภัยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานรับไปดำเนินการดังนี้
2.1 ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปดำเนินการ ดังนี้
2.1.1 สร้างเครือข่ายเตือนภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยกำหนดผู้รับผิดชอบในพื้นที่โดยตรง ซึ่งเรียกชื่อว่า “มิสเตอร์เตือนภัย” เพื่อทำหน้าที่ประสานงาน และแจ้งเตือนภัยให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย
2.1.2 มอบหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับไปพิจารณาตั้งงบประมาณสนับสนุนเพิ่มเติมในการเตรียมฝึกซ้อมแผนเตือนภัยเสมือนเหตุการณ์จริง เพื่อนำปัญหาที่เกิดจากการฝึกซ้อมแผนมากำหนดแนวทางแก้ไขให้มีประสิทธิภาพต่อไป
2.2 ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมอุตุนิยมวิทยา และศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติร่วมกันเพื่อซักซ้อมแผนเตือนภัยและการอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 18 กรกฎาคม 2549--จบ--
ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุชัย เจริญรัตนกุล) ได้เชิญประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ มาร่วมหารือเรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ดินถล่มแบบบูรณาการ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2549 ซึ่งผลการประชุมหารือมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
1. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รายงานผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาพร้อมกับเสนอแนะแนวทางแก้ไขดังนี้
1.1 กรมอุตุนิยมวิทยา ได้นำเสนอกรณีเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม ดินถล่ม อำเภอท่าปลา และอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ และได้สรุปปัญหาและแนวทางแก้ไข ดังนี้
ปัญหา ได้แก่ การแจ้งเตือนภัยในระดับท้องถิ่น ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย ขาดผู้นำในระดับท้องถิ่นในการแจ้งเตือนภัย ขาดการประสานงานระดับปฏิบัติงานในพื้นที่ ขาดการฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
แนวทางการดำเนินการแก้ไข แบ่งออกเป็น 3 มาตรการ ดังนี้
1) มาตรการด้านการสื่อสาร อาทิเช่น เชื่อมต่อระบบสื่อสารระหว่างหน่วยงานด้านเตือนภัย ให้ข้อมูลลงพื้นที่เสี่ยงภัยโดยตรง โดยใช้การสื่อสารและสื่อสารมวลชนแจ้งเตือน เป็นต้น
2) มาตรการด้านวิชาการ อาทิเช่น ให้หน่วยงานราชการปรับปรุงพัฒนาเครื่องมือตรวจวัดให้ทันสมัยมีฐานข้อมูลแลกเปลี่ยนระหว่างหน่วยงานแบบ Real Time เพิ่มเครือข่ายการเฝ้าระวังด้านอุตุนิยมวิทยาระดับท้องถิ่น เช่น โครงการอุตุนิยมวิทยาหมู่บ้าน โครงการอุตุนิยมวิทยาอาสา โครงการนักอุตุนิยมวิทยารุ่นเยาว์ เป็นต้น
3) มาตรการด้านการประสานงาน อาทิ เช่น การใช้ผู้นำท้องถิ่น (มิสเตอร์เตือนภัย) แจ้งเตือนโดยตรง การให้ชุมชนฝึกซ้อมแผนการเตือนภัยหรือการอพยพภายในชุมชน เป็นต้น
1.2 กระทรวงมหาดไทย เสนอแนะแนวทางแก้ไขดังนี้
1) ควรมีการประสานงานที่ดี รวมถึงการกำหนดเจ้าภาพรับผิดชอบดำเนินการในเรื่อง การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ดินถล่ม เพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ
2) ควรมีหน่วยงานหลักรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ
3) ควรจะมีการสนับสนุนเครื่องวัดน้ำฝน ไซเลนซ์ ในทุกพื้นที่ (ปัจจุบันมีพื้นที่เสี่ยงภัย 2,870 แห่ง) มีเครื่องวัดน้ำฝนประมาณ 1,000 แห่ง มีไซเลนซ์ 500 แห่ง)
4) ควรสนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินการให้มีประสิทธิภาพ
1.3 ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เสนอที่ประชุมว่าการดำเนินการป้องกันอุบัติภัย ควรให้ความสำคัญกับศาสตร์ 4 ด้านคือ ด้านอุตุนิยมวิทยา ด้านอุทกวิทยา (น้ำและชลประทาน) ด้านธรณีวิทยา ด้านการปกครอง ซึ่งที่ผ่านมาการดำเนินการไม่ได้นำศาสตร์ทั้ง 4 ด้านมาพิจารณาร่วมกัน โดยแต่ละหน่วยงานใช้โมเดลในการวิเคราะห์ที่แตกต่างกัน ทำให้การแก้ปัญหาไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ดังนั้น จึงเห็นควรนำศาสตร์ทั้ง 4 ด้าน มาพิจารณาร่วมกัน เพื่อให้การแก้ปัญหาเกิดผลเป็นรูปธรรมและดำเนินการเป็นแนวทางเดียวกัน
1.4 กรมทรัพยากรธรณี ได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิเช่น การจัดทำแผนที่เสี่ยงภัยดินถล่ม จัดตั้งเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า เรื่องดินถล่ม เพื่อเผยแพร่ข้อมูลให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ ประสานงานแจ้งเตือนภัยดินถล่มร่วมกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง อบรมอาสาสมัครเฝ้าระวังป้องกันดินถล่ม (ดำเนินการอบรมแล้ว 18,000 คน) เป็นต้น
1.5 กรมพัฒนาที่ดิน ได้จัดทำแผนที่แสดงพื้นที่เสี่ยงภัย โดยใช้ข้อมูล Real Time ของกรมอุตุ-นิยมวิทยา
1.6 กรมทรัพยากรน้ำ ได้ดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและบรรเทาวิกฤตน้ำ โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อเป็นศูนย์กลางในการรวบรวม/วิเคราะห์ข้อมูล ประสานงาน กำหนดแผนงาน/มาตรการป้องกันบรรเทาภัยจากวิกฤตน้ำ โดยแบ่งการดำเนินการโครงการเป็น 3 ระยะ ใช้งบประมาณดำเนินการ 316.10 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการในระยะที่ 2 ในขณะเดียวกันก็ได้ดำเนินโครงการสำรวจติดตั้งระบบตรวจวัดและจัดตั้งศูนย์ข้อมูลภูมิภาคในพื้นที่ลุ่มน้ำชี และลุ่มน้ำมูล และในปีงบประมาณ 2550 จะดำเนินโครงการสำรวจติดตั้งระบบตรวจวัดและจัดตั้งศูนย์ข้อมูลภูมิภาคในพื้นที่ลุ่มน้ำปิง วัง กก น่านตอนล่าง มูลตอนกลาง น้ำสงคราม ปราณบุรี — กุยบุรี
2. ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาแล้วเห็นว่า เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาแต่ละหน่วยงานได้มีการเตรียมการและดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว ซึ่งประเด็นที่เป็นปัญหาสำคัญคือ การประสานงานในระดับท้องถิ่นพื้นที่เสี่ยงภัย ดังนั้น เพื่อให้การประสานงานในพื้นที่เสี่ยงภัยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานรับไปดำเนินการดังนี้
2.1 ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปดำเนินการ ดังนี้
2.1.1 สร้างเครือข่ายเตือนภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยกำหนดผู้รับผิดชอบในพื้นที่โดยตรง ซึ่งเรียกชื่อว่า “มิสเตอร์เตือนภัย” เพื่อทำหน้าที่ประสานงาน และแจ้งเตือนภัยให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย
2.1.2 มอบหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับไปพิจารณาตั้งงบประมาณสนับสนุนเพิ่มเติมในการเตรียมฝึกซ้อมแผนเตือนภัยเสมือนเหตุการณ์จริง เพื่อนำปัญหาที่เกิดจากการฝึกซ้อมแผนมากำหนดแนวทางแก้ไขให้มีประสิทธิภาพต่อไป
2.2 ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมอุตุนิยมวิทยา และศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติร่วมกันเพื่อซักซ้อมแผนเตือนภัยและการอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 18 กรกฎาคม 2549--จบ--