คณะรัฐมนตรีพิจารณาผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2552 ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) ประธานกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ เสนอแล้วมีมติดังนี้
1. เห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) ครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2552
2. อนุมัติในหลักการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินการตามที่ กนร.เสนอเกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟู
ฐานะทางการเงินรอง รฟท. ดังนี้
2.1 ให้ปรับโครงสร้างการบริหารจัดการของ รฟท. โดยการจัดตั้งบริษัทเดินรถและบริษัทบริหารทรัพย์สินแยกจาก รฟท. โดยให้
รฟท. ดำเนินการ ดังนี้
(1) จัดตั้งบริษัทลูก 2 บริษัท คือ บริษัทเดินรถและบริษัทบริหารทรัพย์สินที่ รฟท. ถือหุ้นร้อยละ 100 ภายใน 30 วัน นับแต่วัน
ที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการ ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการ รฟท. พิจารณากำหนดทุนจดทะเบียนเริ่มต้นที่เหมาะสม
(2) พิจารณาแบ่งแยกภารกิจ สินทรัพย์ และหนี้สินระหว่าง รฟท. และบริษัทลูกทั้ง 2 บริษัท รวมทั้งกำหนดกิจกรรมระหว่างกัน
และราคาให้เหมาะสม และเสนอให้ กนร.หรือคณะรัฐมนตรีเห็นชอบอีกครั้งภายใน 150 วัน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
อนุมัติในหลักการ
(3) ดำเนินการถ่ายโอนภารกิจ สินทรัพย์และหนี้สิน เพื่อให้บริษัทลูก 2 บริษัท เริ่มดำเนินการได้ภายใน 180 วันนับแต่วันที่
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการ
2.2 ให้ภาครัฐรับภาระการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในอนาคตของ รฟท. โดยให้กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการ
พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ ร่วมพิจารณาการรับภาระการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของ รฟท.
2.3 ให้กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ ร่วมพิจารณาในการแก้ไขภาระหนี้สินของ รฟท. โดยใช้รายได้ของ รฟท. และ
บริษัทลูกจ่ายคืนเงินต้นและดอกเบี้ยที่กระทรวงการคลังช่วยเหลือ
2.4 ให้คณะกรรมการ รฟท. พิจารณาเสนอกรอบอัตรากำลังที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์และแผนงานของ รฟท. ให้กระทรวงการคลัง
พิจารณาเห็นชอบก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2541 ที่กำหนดให้ รฟท. งดรับ
พนักงานใหม่ ยกเว้นตำแหน่งที่เกี่ยวกับการเดินรถและตำแหน่งที่ใช้คุณวุฒิพิเศษ แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 5 ของจำนวนพนักงานที่
เกษียณอายุ
2.5 ให้ รฟท. เร่งรัดเสนอแผนการเพิ่มบทบาทภาคเอกชนในกิจการของ รฟท. และบริษัทลูกภายใน 180 วันนับแต่วันที่คณะ
รัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการ
2.6 นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีข้อสังเกตเพิ่มเติม ดังนี้
(1) เห็นควรให้บริษัทบริหารทรัพย์สินทำหน้าที่จัดหาเอกชนเพื่อพัฒนาและบริหารที่ดินของ รฟท. โดยบริษัทฯ จะทำหน้าที่บริหาร
สัญญาเช่า (Management Agency) เท่านั้นและขอให้บริษัทฯ ระงับการพัฒนาไปสู่การเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
(Real Estate Developer) อย่างเต็มรูปแบบ ในระยะที่ 2
(2) เห็นควรให้ รฟท. นำเสนอประมาณการทางการเงินที่ รฟท. จะใช้ในการปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการฯ ของ
รฟท.พร้อมกับโครงสร้างองค์กรของบริษัทลูกทั้ง 2 แห่งเพิ่มเติม เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป
(3) ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาความชัดเจนของผู้รับผิดชอบในส่วนของการลงทุนระบบอาณัติสัญญาณว่าเป็นหน้าที่ของ รฟท.
ที่ภาครัฐจะเป็นผู้รับภาระหรือบริษัทเดินรถเป็นผู้รับภาระเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
3. เห็นชอบให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณ จำนวน 560 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของหน่วยธุรกิจ
การเดินรถโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งจะสามารถเปิดให้บริการเดินรถภายในปลายปี 2552
และการดำเนินงานของบริษัทบริหารทรัพย์สิน โดยขอรับการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2552 จำนวน 140 ล้านบาท ภายในต้น
เดือนกรกฎาคม 2552 และงบประมาณประจำปี 2553 จำนวน 420 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 3 งวด ๆ ละ 140 ล้านบาท ภายใน
ต้นเดือนตุลาคม 2552 ต้นเดือนมกราคมและต้นเดือนเมษายน 2553
4. เห็นชอบให้บริษัทลูกทั้ง 2 บริษัท ได้รับการยกเว้นกฎระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการประเมินผล และ
โครงสร้างอัตรากำลังตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2550 เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดตั้งและร่วมทุนและกำกับดูแลบริษัทใน
เครือของรัฐวิสาหกิจ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 มิถุนายน 2552 --จบ--