การลงนามในความตกลงทางการค้าระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งยูเครน

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday June 4, 2009 15:47 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีพิจารณาการลงนามในความตกลงทางการค้าระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งยูเครน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ แล้วมีมติ ดังนี้

1. เห็นชอบการลงนามในความตกลงทางการค้าระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งยูเครนและให้ส่งความตกลงฯ ดังกล่าวให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบ

ต่อไป

2. เมื่อรัฐสภาเห็นชอบความตกลงฯ ตามข้อ 1 แล้ว ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในความตกลงดังกล่าว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็น

ต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในความตกลงฯ ขอให้ผู้ลงนามสามารถใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีได้

3. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ในการลงนามในความตกลงฯ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามความ

ตกลงฯ ดังกล่าว

กระทรวงพาณิชย์เสนอว่าได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ความตกลงทางการค้าระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งยูเครนจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยกับยูเครนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นการสร้างเวทีทวิภาคีที่เป็นรูปธรรมในการพัฒนาความร่วมมือทางการค้า และลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ ซึ่งจะช่วยให้ทั้งสองประเทศสามารถขยายมูลค่าการค้าระหว่างกันในอนาคตเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่จะขยายการส่งออกไปสู่ตลาดใหม่ในยุโรปตะวันออก จึงได้เสนอเรื่องดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ

สาระสำคัญของเรื่อง

1. ให้การปฏิบัติเยี่ยงชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่ง (most-favoured-nation) ในด้านการค้าสินค้าระหว่างกันตามหลักเกณฑ์ขององค์การการค้าโลก (WTO) และเป็นไป

ตามกฎหมายและข้อบังคับของแต่ละประเทศ

2. สนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศผ่านทางการแลกเปลี่ยนการเยือนของนักธุรกิจ การจัดนิทรรศการ การแสดงสินค้า ข้อมูล

ทางการค้า รวมทั้งการจัดตั้งธุรกิจในประเทศทั้งสอง

3. ส่งเสริมการลงทุนและความร่วมมือทางด้านวิชาการระหว่างกันผ่านทางการร่วมลงทุน (Joint venture) ในตลาดของประเทศทั้งสองและในประเทศที่สาม

4. จัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee) โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการรวมกลุ่ม

สหภาพยุโรปยูเครนเป็นประธานร่วม

5. ความตกลงฉบับนี้ จะมีผลใช้บังคับเป็นเวลา 5 ปี และหลังจากนั้นจะมีการต่ออายุโดยอัตโนมัติครั้งละ 1 ปี

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 มิถุนายน 2552 --จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ