คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานการดำเนินงานช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย กระทรวงศึกษาธิการ ดังนี้
การสำรวจความเสียหาย
การเกิดสถานการณ์น้ำท่วม ตั้งแต่เดือน กันยายน 2549 จนถึงปัจจุบัน มีจังหวัดที่ถูกน้ำท่วมจำนวน 30 จังหวัด มีสถานศึกษาได้รับความเสียหาย จำนวน 893 แห่ง ประมาณการมูลค่าความเสียหายในเบื้องต้น ประมาณ 350 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถสำรวจความเสียหายที่ชัดเจนอีกครั้งเมื่อน้ำลดอยู่ในสภาพปกติ
การดำเนินงานให้ความช่วยเหลือ
การดำเนินงานระยะเร่งด่วน ได้ดำเนินการดังนี้
1. ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย กระทรวงศึกษาธิการขึ้น มีรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (นายบุญรัตน์ วงศ์ใหญ่) เป็นประธาน และผู้แทนองค์กรหลัก องค์กรในกำกับร่วมเป็นคณะทำงาน
2. จัดตั้งศูนย์ประสานงานกลาง ที่สำนักพัฒนากิจการนักเรียน นักศึกษา และกิจการพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ศูนย์ประสานงานประจำองค์กรหลัก และศูนย์ประสานงาน ในพื้นที่ส่วนภูมิภาค เพื่อเป็นการสร้างเครือข่ายในการให้ความช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษาและประชาชน
3. จัดตั้งศูนย์รับบริจาคเงินเครื่องอุปโภคบริโภคที่ศูนย์เสมารักษ์กระทรวงศึกษาธิการ และแต่ละองค์กรหลัก
4. จัดตั้งศูนย์ประชาสัมพันธ์ โดยกลุ่มสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้บุคลากรในกระทรวงศึกษาธิการ และประชาชนทั่วไปร่วมบริจาคเงินและสิ่งของที่จำเป็น
4.1 จัดทำอักษรวิ่งตามป้ายประชาสัมพันธ์ ของกระทรวงศึกษาธิการ ทุกองค์กร และตามสถานีโทรทัศน์ รวมทั้งเว็บไซต์กระทรวงศึกษาธิการ www.moe.go.th
4.2 จัดรถคาราวานนำสิ่งของที่จำเป็นไปมอบให้กับ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2549 ได้ปล่อยรถคาราวาน จำนวน 7 สาย ไปใน 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอยุธยา สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี ปทุมธานี นนทบุรี และปราจีนบุรี รวมสิ่งของที่นำไปช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษาและประชาชน จำนวน 7,500 ชุด
5. มอบให้หน่วยงานและสถานศึกษาเข้าไปช่วยเหลือประชาชน ได้แก่
5.1 จัดตั้งศูนย์ประสานงานกลางเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย อยู่ที่สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
5.2 จัดตั้งศูนย์อาชีวะร่วมด้วยช่วยประชาชนและศูนย์ซ่อมสร้าง Fix it center 30 ศูนย์
5.3 จัดอุปกรณ์ช่วยเหลือ เครื่องสูบน้ำพร้อมอุปกรณ์ เครื่องบรรจุทราย สุขาลอยน้ำไร้มลพิษ เรือไฟเบอร์ท้องแบน จำนวน 100 ลำ
5.4 สร้างบ้านพัก ซ่อมแซมที่พักอาศัย ขนย้ายสิ่งของอุปกรณ์เครื่องใช้ ที่จอดรถรับส่ง 3 — 5 คัน ในแต่ละพื้นที่จังหวัด จัดนักศึกษาช่วยเหลือประชาชนบรรจุกระสอบทรายและถุงทราย
5.5 ประกอบอาหารพร้อมบริโภคและจัดเลี้ยงอาหารกลางวัน 800 จานต่อวันในแต่ละจุด
5.6 จัดถุงยังชีพ มอบให้นักเรียน นักศึกษาและประชาชน จำนวน 12,000 ชุด
การดำเนินงานในระยะยาว ได้จัดทำแผนฟื้นฟู ทั้งโครงสร้างพื้นฐานการซ่อมแซมเพื่อให้สถานศึกษาเปิดเรียนได้ รวมทั้งการเสนอของบประมาณดำเนินการ การติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด ให้สถานศึกษาจัดการเรียนการสอนได้ตามปกติ รวมทั้งจะต้องมีการสำรวจและป้องกันเพื่อมิให้น้ำท่วมได้อีก ทั้งนี้ได้กำหนดรูปแบบการดำเนินงานของหน่วยงานและสถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการจะต้องช่วยเหลือตัวเองในเบื้องต้นให้พ้นวิกฤต ช่วยเหลือหน่วยอื่น และช่วยเหลือประชาชนในอีกทางหนึ่งตามศักยภาพของแต่ละสังกัด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 24 ตุลาคม 2549--จบ--
การสำรวจความเสียหาย
การเกิดสถานการณ์น้ำท่วม ตั้งแต่เดือน กันยายน 2549 จนถึงปัจจุบัน มีจังหวัดที่ถูกน้ำท่วมจำนวน 30 จังหวัด มีสถานศึกษาได้รับความเสียหาย จำนวน 893 แห่ง ประมาณการมูลค่าความเสียหายในเบื้องต้น ประมาณ 350 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถสำรวจความเสียหายที่ชัดเจนอีกครั้งเมื่อน้ำลดอยู่ในสภาพปกติ
การดำเนินงานให้ความช่วยเหลือ
การดำเนินงานระยะเร่งด่วน ได้ดำเนินการดังนี้
1. ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย กระทรวงศึกษาธิการขึ้น มีรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (นายบุญรัตน์ วงศ์ใหญ่) เป็นประธาน และผู้แทนองค์กรหลัก องค์กรในกำกับร่วมเป็นคณะทำงาน
2. จัดตั้งศูนย์ประสานงานกลาง ที่สำนักพัฒนากิจการนักเรียน นักศึกษา และกิจการพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ศูนย์ประสานงานประจำองค์กรหลัก และศูนย์ประสานงาน ในพื้นที่ส่วนภูมิภาค เพื่อเป็นการสร้างเครือข่ายในการให้ความช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษาและประชาชน
3. จัดตั้งศูนย์รับบริจาคเงินเครื่องอุปโภคบริโภคที่ศูนย์เสมารักษ์กระทรวงศึกษาธิการ และแต่ละองค์กรหลัก
4. จัดตั้งศูนย์ประชาสัมพันธ์ โดยกลุ่มสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้บุคลากรในกระทรวงศึกษาธิการ และประชาชนทั่วไปร่วมบริจาคเงินและสิ่งของที่จำเป็น
4.1 จัดทำอักษรวิ่งตามป้ายประชาสัมพันธ์ ของกระทรวงศึกษาธิการ ทุกองค์กร และตามสถานีโทรทัศน์ รวมทั้งเว็บไซต์กระทรวงศึกษาธิการ www.moe.go.th
4.2 จัดรถคาราวานนำสิ่งของที่จำเป็นไปมอบให้กับ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2549 ได้ปล่อยรถคาราวาน จำนวน 7 สาย ไปใน 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอยุธยา สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี ปทุมธานี นนทบุรี และปราจีนบุรี รวมสิ่งของที่นำไปช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษาและประชาชน จำนวน 7,500 ชุด
5. มอบให้หน่วยงานและสถานศึกษาเข้าไปช่วยเหลือประชาชน ได้แก่
5.1 จัดตั้งศูนย์ประสานงานกลางเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย อยู่ที่สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
5.2 จัดตั้งศูนย์อาชีวะร่วมด้วยช่วยประชาชนและศูนย์ซ่อมสร้าง Fix it center 30 ศูนย์
5.3 จัดอุปกรณ์ช่วยเหลือ เครื่องสูบน้ำพร้อมอุปกรณ์ เครื่องบรรจุทราย สุขาลอยน้ำไร้มลพิษ เรือไฟเบอร์ท้องแบน จำนวน 100 ลำ
5.4 สร้างบ้านพัก ซ่อมแซมที่พักอาศัย ขนย้ายสิ่งของอุปกรณ์เครื่องใช้ ที่จอดรถรับส่ง 3 — 5 คัน ในแต่ละพื้นที่จังหวัด จัดนักศึกษาช่วยเหลือประชาชนบรรจุกระสอบทรายและถุงทราย
5.5 ประกอบอาหารพร้อมบริโภคและจัดเลี้ยงอาหารกลางวัน 800 จานต่อวันในแต่ละจุด
5.6 จัดถุงยังชีพ มอบให้นักเรียน นักศึกษาและประชาชน จำนวน 12,000 ชุด
การดำเนินงานในระยะยาว ได้จัดทำแผนฟื้นฟู ทั้งโครงสร้างพื้นฐานการซ่อมแซมเพื่อให้สถานศึกษาเปิดเรียนได้ รวมทั้งการเสนอของบประมาณดำเนินการ การติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด ให้สถานศึกษาจัดการเรียนการสอนได้ตามปกติ รวมทั้งจะต้องมีการสำรวจและป้องกันเพื่อมิให้น้ำท่วมได้อีก ทั้งนี้ได้กำหนดรูปแบบการดำเนินงานของหน่วยงานและสถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการจะต้องช่วยเหลือตัวเองในเบื้องต้นให้พ้นวิกฤต ช่วยเหลือหน่วยอื่น และช่วยเหลือประชาชนในอีกทางหนึ่งตามศักยภาพของแต่ละสังกัด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 24 ตุลาคม 2549--จบ--