คณะรัฐมนตรีรับทราบแผนฟื้นฟูธุรกิจระยะเร่งด่วนของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอดังนี้
สาระสำคัญของเรื่อง
กระทรวงคมนาคมรายงานว่า
1. ในช่วงปลายปี 2551 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ประสบปัญหาสภาพคล่องและมีผลประกอบการขาดทุน ต่อมาบริษัทฯ จึงได้ จ้างบริษัท Avantgarde Capita และ L.E.K. Consulting เพื่อศึกษาและจัดทำแผนฟื้นฟูบริษัทฯ และแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารแผนฟื้นฟูธุรกิจ (Turnaround Plan Steering Committee : TSC) โดยมี นายพิชัย ชุณหวชิร เป็นประธาน และมีผู้แทนกระทรวงคมนาคมและผู้แทนของ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจร่วมด้วย โดยให้มีหน้าที่เป็นผู้กำกับดูแลฝ่ายบริหารให้ดำเนินการจัดทำแผนธุรกิจและดำเนินการตามแผนเพื่อ ฟื้นฟูกิจการอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ ซึ่งแผนฟื้นฟูฯ ดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริษัทฯ แล้ว เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2552 โดยแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ แผนฟื้นฟูธุรกิจระยะเร่งด่วนในปี 2552 โดยมุ่งแก้ไขปัญหาสภาพคล่อง รักษาและเพิ่มคุณภาพรายได้ ควบคุมค่า ใช้จ่าย และชะลอการลงทุนที่ไม่จำเป็นเร่งด่วน และแผนฟื้นฟูระยะต่อไป บริษัทฯ จะจัดทำยุทธศาสตร์เครือข่ายการบินและฝูงบิน ปรับโครงสร้าง ธุรกิจ พัฒนาบุคลากร ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และปรับโครงสร้างทางการเงินระยะยาว ซึ่งสรุปได้ ดังนี้
1.1 แผนฟื้นฟูธุรกิจระยะเร่งด่วน : เน้นธุรกิจการขนส่งผู้โดยสารเป็นอันดับแรก ประกอบด้วย แผนธุรกิจ 2 แผน คือ แผนการ รักษาและเพิ่มคุณภาพรายได้ และแผนการควบคุมต้นทุนและการลงทุน และแผนด้านการเงิน 1 แผน คือ แผนการแก้ไขปัญหาสภาพคล่อง ซึ่งมีราย ละเอียดดังนี้
1.1.1 การรักษาและเพิ่มคุณภาพรายได้ : บริษัทฯ มุ่งรักษาและเพิ่มคุณภาพรายได้ในปี 2552 ให้มีระดับใกล้เคียงกับปี 2551 โดยจะดำเนินการ 3 ด้าน คือ ด้านราคา ด้านผลิตภัณฑ์ และด้านผลิตภัณฑ์เสริม ดังนี้
กรอบการดำเนินงาน แนวทาง 1. ด้านราคา - นำระบบใหม่มาใช้เพื่อปรับลดและเลิกค่านายหน้า
- ปรับอัตราค่าธรรมเนียมน้ำมัน (Fuel Surcharge) ให้รวดเร็วตามความผันผวนของราคาน้ำมัน
- ทบทวนระบบการจัดสรรที่นั่ง เพิ่มสัดส่วนการขยายตรงโดยเฉพาะ Web Sales
- ปรับปรุงระบบและเครื่องมือกระตุ้นการขาย
- เพิ่มประสิทธิผลของระบบกำหนดราคา ปรับราคาให้อยู่ในระดับเดียวกับคู่แข่ง
2. ด้านผลิตภัณฑ์ - ปรับปรุงการใช้ประเภทเครื่องบินที่มีอยู่ในเส้นทางเดียวกันให้มีความใกล้เคียงและสม่ำเสมอกัน
มากที่สุด เพื่อให้สามารถทดแทนกันได้
- ขยายเส้นทางบินและเที่ยวบินในภูมิภาคและในตลาดที่เข้มแข็ง เช่น อินเดีย ไต้หวัน โซล มิวนิค เพิร์ธ
- ขยายเส้นทางบินและเที่ยวบินในประเทศ เช่น เชียงใหม่ หาดใหญ่ ภูเก็ต
3. ด้านผลิตภัณฑ์เสริม - เพิ่มรายได้ด้วยผลิตภัณฑ์เสริมที่เกี่ยวเนื่องกับการโดยสารต่างๆ เช่น โรงแรม รถเช่า และประกันภัย
- ปรับปรุงโปรแกรม Royal Orchid Plus ดึงดูดลูกค้า
1.1.2 การควบคุมค่าใช้จ่ายและการลงทุน : ปี 2552 บริษัทฯ มีเป้าหมายปรับลดค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่ต้นทุนน้ำมันและค่าเสื่อม ราคา เช่น ด้านปฏิบัติการการบิน ด้านปฏิบัติการภาคพื้น ด้านการขายและการตลาด ด้านการซ่อมบำรุงอากาศยาน ด้านบุคลากร เป็นต้น ประมาณ 10,000 ล้านบาท (ลดลงร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในปี 2551) และรักษาระดับค่าใช้จ่ายให้คงที่ไปอีกอย่างน้อย 2 ปี รวมทั้งปรับลดการลง ทุนที่ไม่เร่งด่วน ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ทางตรงต่อธุรกิจประมาณ 2,500 ล้านบาท ดังนี้
ค่าใช้จ่าย แนวทางการดำเนินงาน ค่าใช้จ่ายที่ลดได้ (ล้านบาท/ปี) 1. การปฏิบัติการการบิน - วางแผนการบินให้เหมาะสม ลดน้ำหนักบรรทุก 3,700 — 4,200
- นำเครื่องบินใหม่ (A330-300) เข้ามาบินแทน A300-600
- ปรับลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการบิน ค่าล่วงเวลาของนักบินและพนักงาน
ต้อนรับบนเครื่องบิน
- เจรจาขอลดค่าบริการ Landing Fee และ Navigation Fee
ทั้งในและต่างประเทศ
2. การปฏิบัติการภาคพื้น - เจรจาขอปรับลดค่าบริการภาคพื้นและบริการทางเทคนิคในสถานีทั้งใน 1,400
และต่างประเทศ
3. การตลาดและการขาย - ลดค่านายหน้าจากการขายบัตรโดยสารและ Cargo - เจรจาลดค่าธรรมเนียมระบบสำรองที่นั่ง เพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายบัตร 1,000
โดยสารผ่านอินเตอร์เน็ต
4. ค่าบำรุงรักษาอากาศยาน - เพิ่มประสิทธิภาพการซ่อมบำรุงอากาศยาน การสั่งซื้อและการจัดเก็บอะไหล่ 220 5. บุคลากร - งดการขึ้นเงินเดือนและโบนัสปี 2552 และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารบุคลากร 4,000
- ลดผลตอบแทนคณะกรรมการบริษัท และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ
6. การบริหารงานทั่วไป - ลดการเช่าพื้นที่ และต่อรองค่าเช่า 700
- ชะลอการจัดซื้ออุปกรณ์สำนักงาน
7. อื่น ๆ - ลดค่าเช่าเครื่องบินและอะไหล่ และลดค่าสินค้าวัสดุที่ใช้ไปเกี่ยวกับ 2,600
ธุรกิจการบินโดยตรง รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการขายอื่น ๆ
รวมปรับลดค่าใช้จ่ายทั้งหมดในปี 2552 13,700-14,200
การปรับลดการลงทุนที่ไม่เร่งด่วนและไม่ใช่ธุรกิจหลัก ประมาณ 2,500 ล้านบาท เช่น โครงการขยายโรงซ่อม B747-400 จำนวน 1,000 ล้านบาท โครงการสร้างศูนย์ดัดแปลงเครื่องบินขนส่งสินค้าจำนวน 236 ล้านบาท และขายสินทรัพย์ที่ไม่จำเป็น จำนวน 1,000 ล้านบาท เป็น ต้น
1.1.3 การดูแลสภาพคล่องทางการเงิน : บริษัทฯ มีแนวทางเพิ่มการสำรองสภาพคล่องทางการเงินให้เหมาะสมกับกระแส เงินสดอีกประมาณ 20,000 ล้านบาท และปรับโครงสร้างเงินกู้จากระยะสั้นเป็นระยะยาว โดยมีแนวทางการจัดหาเงินกู้ในแต่ละประเภท ดังนี้
ประเภทเงินกู้ แนวทางการดำเนินงาน มูลค่า (ล้านบาท) 1. เงินกู้ระยะสั้น เจรจาต่ออายุตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือเปลี่ยนเป็นเงินกู้ระยะยาว 14,450 2. เงินกู้ระยะยาว จัดหาแหล่งเงินกู้เพิ่มเติม หรือออกหุ้นกู้ หรือชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น 20,000 3. สัญญาเช่าทางการเงิน จัดหาเงินกู้สำหรับเครื่องบิน A330 จำนวน 6 ลำ 16,000
1.1.4 ประมาณการทางการเงินตามแผนฟื้นฟูธุรกิจระยะเร่งด่วน : บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายว่าในปี 2552 — 2554 จะสามารถ ยกระดับความสามารถในการทำกำไร EBITDA ได้สูงสุดประมาณ 38,813 ล้านบาท 45,136 ล้านบาท และ 46,201 ล้านบาท ตามลำดับ และ บริษัทฯ ได้วิเคราะห์ความอ่อนไหวหากเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างมาก พบว่าจะทำกำไร EBITDA ได้ในปี 2552 — 2554 ประมาณ 33,856 ล้านบาท 38,185 ล้านบาท และ 38,816 ล้านบาท ตามลำดับ
1.2 แผนฟื้นฟูระยะต่อไป : การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันระยะยาว บริษัทฯ จะดำเนินการ 5 ด้านหลัก คือ
(1) การจัดทำยุทธศาสตร์เครือข่ายการบินและฝูงบิน
(2) การปรับโครงสร้างธุรกิจ และโครงสร้างต้นทุน
(3) การพัฒนาองค์กร บุคลากร และวัฒนธรรม
(4) การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
(5) การปรับโครงสร้างทางการเงินระยะยาว
2. การขอรับการสนับสนุนจากภาครัฐ : บริษัทฯ ขอรับการสนับสนุนเชิงนโยบายจากภาครัฐ เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทฯ จะสามารถนำแผน ฟื้นฟูสู่การปฏิบัติได้ประสบผลสำเร็จ ดังนี้
(1) สนับสนุนการให้ความเห็นเชิงนโยบาย ซึ่งจะเป็นการสร้างภาพพจน์ที่ดี และสร้างความมั่นใจต่อแผนฟื้นฟูธุรกิจต่อตลาดเงิน
และตลาดทุน
(2) อำนวยความสะดวกในการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
(3) การให้คำแนะนำ และ/หรือสนับสนุนการจัดหาแหล่งเงินทุน
(4) ร่วมในการศึกษาแนวทางการปรับโครงสร้างทุนของบริษัทฯ และสนับสนุนการดำเนินการตามผลการศึกษา
เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จ
(5) ให้ความสะดวกและสนับสนุนแผนฟื้นฟูเพื่อให้บรรลุผลทั้งในเรื่องของฝูงบิน การเช่าซื้อ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 30 มิถุนายน 2552 --จบ--