คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ตามแผนพัฒนากฎหมายแห่งชาติ) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป และให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อสังเกตของสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
โดยร่างพระราชบัญญัติสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ตามแผนพัฒนากฎหมายแห่งชาติ) มีสาระสำคัญคือ ยกเลิกมาตรา 14 และมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2537
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงว่า คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 1) ได้มีความเห็นว่า บทบัญญัติมาตรา 14 และมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2537 ที่กำหนดให้ผู้ส่งสินค้าทางเรือที่เป็นนิติบุคคล ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกตามจำนวนที่กำหนดในกฎกระทรวง (รวมกันตลอดปีตั้งแต่สิบห้าล้านบาทขึ้นไป) จะต้องเป็นสมาชิกสามัญของสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทยภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่มีคุณสมบัติดังกล่าว และหากผู้ใดไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท และปรับอีกวันละสองร้อยบาท จนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง เป็นบทบัญญัติที่ขัดต่อมาตรา 45 และมาตรา 50 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กล่าวคือ เป็นการบังคับผู้ส่งสินค้าทางเรือต้องเป็นสมาชิกสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือฯ แต่รัฐธรรมนูญมาตรา 45 ได้บัญญัติให้การรวมกันเป็นสมาคม สหภาพ สหพันธ์ สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร องค์การมหาชน หรือหมู่คณะอื่น เป็นเสรีภาพอย่างหนึ่งของประชาชนที่รัฐจะละเมิดมิได้ ประกอบกับวัตถุประสงค์หลักของการตราพระราชบัญญัตินี้ก็เพื่อเป็นตัวแทนของผู้ส่งสินค้าทางเรือเท่านั้น การบังคับให้ผู้ส่งสินค้าทางเรือที่เป็นนิติบุคคลต้องสมัครเป็นสมาชิกของสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือฯ เป็นการจำกัดเสรีภาพของบุคคลในการประกอบกิจการหรือประกอบอาชีพและการแข่งขันโดยเสรีภาพอย่างเป็นธรรม ตามมาตรา 50 ของรัฐธรรมนูญ จึงเห็นว่ามาตรา 14 ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และเมื่อมาตรา 14 ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 41 อันเป็นบทลงโทษสำหรับการฝ่าฝืนมาตรา 14 จึงขัดต่อรัฐธรรมนูญด้วย
ซึ่งผลการศึกษาของคณะอนุกรรมการนโยบายแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนากฎหมาย คณะที่ 5 (คณะอนุกรรมการลดและเลิกกฎหมายที่สร้างภาระโดยไม่จำเป็นแก่ประชาชน) เรื่อง กฎหมายที่อาจมีบทบัญญัติที่ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ เห็นว่า พระราชบัญญัติสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2537 มาตรา 14 จำกัดเสรีภาพในการประกอบกิจการหรือประกอบอาชีพและการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม คือไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติว่าด้วยเสรีภาพในการประกอบกิจการหรือประกอบอาชีพและการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม ตามมาตรา 50 ของรัฐธรรมนูญ
คณะกรรมการนโยบายแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนากฎหมายได้เสนอร่างแผนพัฒนากฎหมายแห่งชาติ ประจำปี 2548 โดยกำหนดให้ร่างพระราชบัญญัติสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... อยู่ในกรอบนโยบายการพัฒนากฎหมาย หลักการที่ 1 การพัฒนากฎหมายให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญหรือที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2548 เห็นชอบในหลักการร่างแผนพัฒนากฎหมายแห่งชาติดังกล่าวแล้ว จึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ตามแผนพัฒนากฎหมายแห่งชาติ) มาเพื่อดำเนินการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2549--จบ--
โดยร่างพระราชบัญญัติสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ตามแผนพัฒนากฎหมายแห่งชาติ) มีสาระสำคัญคือ ยกเลิกมาตรา 14 และมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2537
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงว่า คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 1) ได้มีความเห็นว่า บทบัญญัติมาตรา 14 และมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2537 ที่กำหนดให้ผู้ส่งสินค้าทางเรือที่เป็นนิติบุคคล ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกตามจำนวนที่กำหนดในกฎกระทรวง (รวมกันตลอดปีตั้งแต่สิบห้าล้านบาทขึ้นไป) จะต้องเป็นสมาชิกสามัญของสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทยภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่มีคุณสมบัติดังกล่าว และหากผู้ใดไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท และปรับอีกวันละสองร้อยบาท จนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง เป็นบทบัญญัติที่ขัดต่อมาตรา 45 และมาตรา 50 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กล่าวคือ เป็นการบังคับผู้ส่งสินค้าทางเรือต้องเป็นสมาชิกสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือฯ แต่รัฐธรรมนูญมาตรา 45 ได้บัญญัติให้การรวมกันเป็นสมาคม สหภาพ สหพันธ์ สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร องค์การมหาชน หรือหมู่คณะอื่น เป็นเสรีภาพอย่างหนึ่งของประชาชนที่รัฐจะละเมิดมิได้ ประกอบกับวัตถุประสงค์หลักของการตราพระราชบัญญัตินี้ก็เพื่อเป็นตัวแทนของผู้ส่งสินค้าทางเรือเท่านั้น การบังคับให้ผู้ส่งสินค้าทางเรือที่เป็นนิติบุคคลต้องสมัครเป็นสมาชิกของสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือฯ เป็นการจำกัดเสรีภาพของบุคคลในการประกอบกิจการหรือประกอบอาชีพและการแข่งขันโดยเสรีภาพอย่างเป็นธรรม ตามมาตรา 50 ของรัฐธรรมนูญ จึงเห็นว่ามาตรา 14 ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และเมื่อมาตรา 14 ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 41 อันเป็นบทลงโทษสำหรับการฝ่าฝืนมาตรา 14 จึงขัดต่อรัฐธรรมนูญด้วย
ซึ่งผลการศึกษาของคณะอนุกรรมการนโยบายแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนากฎหมาย คณะที่ 5 (คณะอนุกรรมการลดและเลิกกฎหมายที่สร้างภาระโดยไม่จำเป็นแก่ประชาชน) เรื่อง กฎหมายที่อาจมีบทบัญญัติที่ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ เห็นว่า พระราชบัญญัติสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2537 มาตรา 14 จำกัดเสรีภาพในการประกอบกิจการหรือประกอบอาชีพและการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม คือไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติว่าด้วยเสรีภาพในการประกอบกิจการหรือประกอบอาชีพและการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม ตามมาตรา 50 ของรัฐธรรมนูญ
คณะกรรมการนโยบายแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนากฎหมายได้เสนอร่างแผนพัฒนากฎหมายแห่งชาติ ประจำปี 2548 โดยกำหนดให้ร่างพระราชบัญญัติสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... อยู่ในกรอบนโยบายการพัฒนากฎหมาย หลักการที่ 1 การพัฒนากฎหมายให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญหรือที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2548 เห็นชอบในหลักการร่างแผนพัฒนากฎหมายแห่งชาติดังกล่าวแล้ว จึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ตามแผนพัฒนากฎหมายแห่งชาติ) มาเพื่อดำเนินการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2549--จบ--