คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานสถานการณ์ในช่วงฤดูแล้งปี 2549สรุปได้ดังนี้
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินการวางแผนเตรียมรับสถานการณ์ และดำเนินการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือพื้นที่
การเกษตรในช่วงฤดูแล้งปี 2549 จากการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดโดยเน้นการป้องกันและการให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ซึ่งใน
ช่วงเวลาดังกล่าวกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับรายงานจากกรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง และกรมปศุสัตว์ ว่ามีพื้นที่การเกษตรนอกเขต
ชลประทานอาจได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ด้านพืช ประมง และปศุสัตว์ จำนวน 21 จังหวัด 49 อำเภอ 164 ตำบล 1,142 หมู่บ้าน เกษตรกร
87,883 ราย พื้นที่ 518,380 ไร่ สัตว์ได้รับผลกระทบ 22,709 ตัว พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ 252 กระชัง คิดเป็นพื้นที่ 3,416 ตารางเมตร
แยกตามรายภาค ดังนี้
ภาค จังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ผลกระทบด้านการเกษตร
พืช ประมง ปศุสัตว์
จังหวัด เกษตรกร พื้นที่ จังหวัด เกษตรกร กระชัง/ตรม. จังหวัด เกษตรกร สัตว์ (ตัว)
(ราย) (ไร่) (ราย) (ราย)
เหนือ 7 21 85 552 7 42,541 268,595.50 2 1,235 21,355
ตะวันออกเฉียงเหนือ 8 13 57 373 7 6,634 43,514.50 3 58 252/3,416
กลาง 2 1 1 3 1 108 2,748.00 1 50 1,354
ตะวันออก 1 1 2 12 1 190 765.00
ตะวันตก 2 5 19 202 2 36,818 169,497.00
ใต้ 1 8 1 30,925.00
รวม 21 49 164 1,142 19 86,291 516,045.00 3 58 252/3,416 3 1,285 22,709
อนึ่ง พื้นที่การเกษตรด้านพืชที่อาจได้รับผลกระทบ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือโดยการประสานกับ
หน่วยงานในท้องถิ่นดำเนินการบริหารจัดการน้ำ การให้ความช่วยเหลือเครื่องสูบน้ำและ รถยนต์บรรทุกน้ำ การปฏิบัติการฝนหลวง สามารถ
ช่วยเหลือพื้นที่อาจได้รับผลกระทบดังกล่าวไม่ให้เสียหาย จำนวน 468,979.50 ไร่ คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ 184,984,968 บาท สำหรับ
พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบด้านพืช ด้านประมง และด้านปศุสัตว์ ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ส่งผลให้ไม่จำเป็น
ต้องใช้เงินงบกลาง ช่วยเหลือในปี 2549 นี้ เมื่อเปรียบเทียบพื้นที่การเกษตรด้านพืชที่ได้รับผลกระทบในปี 2548 จำนวน 1,043,439 ไร่
ในปี 2549 พื้นที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 30,721.75 ไร่ น้อยกว่าปี 2548 คิดเป็นร้อยละ 97
เนื่องจากปัจจุบันได้เข้าสู่ฤดูกาลเพาะปลูกปี 2549 (ช่วงฤดูฝน)แล้ว อย่างไรก็ตามในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม 2549
ยังคงต้องประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรเฝ้าระวังและเตรียมสำรองน้ำสำหรับการเกษตรไว้ด้วย เนื่องจากอาจจะเกิดสภาวะฝนทิ้งช่วง ซึ่งพื้นที่การเกษตร
ที่ทำการเพาะปลูกอาจได้รับผลกระทบอีกช่วงหนึ่ง สำหรับ สถานการณ์ในช่วงฤดูแล้งปี 2549 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สรุปผลการปฏิบัติงาน
เกี่ยวกับสถานการณ์ฝน สถานการณ์น้ำและสภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ การให้ความช่วยเหลือที่ดำเนินการไปแล้ว ดังนี้
1. สภาพฝน
สภาพฝนในช่วงต้นปี 2549 ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันออกได้เริ่มมีฝนตกมาตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ 2549 ภาคเหนือ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันตก เริ่มมีฝนตกมาตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 2549
2. สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่
ปริมาณฝนในช่วงปลายปี 2548 เดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2548 มีฝนตกชุกหนาแน่น ทำให้สถานการณ์ น้ำในอ่างเก็บน้ำอยู่ใน
เกณฑ์ดีถึงดีมาก อ่างเก็บน้ำที่มีน้ำน้อยกว่าปกติในต้นปี 2548 โดยเฉพาะในภาคตะวันออกได้คลี่คลายเข้าสู่สถานการณ์ปกติ มีปริมาณน้ำเพียงพอใน
ฤดูแล้งปี 2549 แต่ก็ยังมีอ่างเก็บน้ำบางแห่งที่จะต้องเฝ้าระวังและติดตามอยู่ 4 อ่างฯ คือ อ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น มีปริมาตรน้ำ 40%
อ่างฯลำนางรอง จ.บุรีรัมย์ มีปริมาตรน้ำ 37% อ่างฯทับเสลา จ.อุทัยธานี มีปริมาตรน้ำ 41% และอ่างฯบางพระ จ.ชลบุรี มีปริมาตรน้ำ 37%
โดยมีปริมาณน้ำเพียงพอเพื่อการอุปโภคบริโภคเท่านั้น ซึ่งกรมชลประทานได้ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรปลูกพืชใช้น้ำน้อยเพื่อเป็นการประหยัดน้ำ
3. การปลูกพืชฤดูแล้งระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2548 ถึง 30 เมษายน 2549
ตามที่ได้กำหนดนโยบาย มาตรการและพื้นที่เพาะปลูกพืชฤดูแล้ง จำนวน 10.44 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวนาปรัง 7.78 ล้านไร่
พืชไร่-พืชผัก 2.66 ล้านไร่ ณ วันที่ 30 เมษายน 2549 มีผลการเพาะปลูกแล้ว จำนวน 14.91 แบ่งเป็น ข้าวนาปรัง 12.19 ล้านไร่
พืชไร่-พืชผัก 2.72 ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว 7.05 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวนาปรัง 5.81 ล้านไร่ พืชไร่ -พืชผัก 1.24 ล้านไร่
4. การให้ความช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและเกษตรกร
4.1 ด้านชลประทาน
1) การบริหารจัดการน้ำ
อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2548 มีปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศ
(31 อ่างฯ) จำนวน 55,771 ล้าน ลบ.ม.(82%ของความจุอ่างฯทั้งหมด) คิดเป็นปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันทั้งประเทศ 32,405 ล้าน ลบ.ม.
ได้กำหนดแผนการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ (31 อ่างฯ) ในช่วงฤดูแล้งปี2548/2549 (1 พฤศจิกายน 2548 -30 เมษายน
2549) จำนวน 15,880 ล้าน ลบ.ม. เพื่อสนับสนุนการปลูกพืชฤดูแล้งในเขตชลประทาน การอุปโภคบริโภค การประปา การเดินเรือ และผลักดัน
น้ำเค็ม ณ วันที่ 30 เมษายน 2549 ได้ระบายจากอ่างเก็บน้ำรวมทั้งหมดไปแล้ว 17,895 ล้าน ลบ.ม.( 1พ.ย.48- 30 เม.ย.49)
2) การช่วยเหลือเครื่องสูบน้ำและรถยนต์บรรทุกน้ำ
กรมชลประทานสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่เข้าช่วยเหลือการอุปโภคบริโภค และพื้นที่ เพาะปลูกพืชฤดูแล้งทั้งในเขต
และนอกเขตชลประทานสูงสุด จำนวน 840 เครื่อง แบ่งเป็น
- ในเขตชลประทาน 651 เครื่อง ช่วยเหลือนาปรังได้ 465,374 ไร่ พืชไร่ 42,802 ไร่
- นอกเขตชลประทาน 189 เครื่อง ช่วยเหลือนาปรัง 67,744 ไร่ พืชไร่ 9,987 ไร่
และช่วยเหลือการอุปโภค บริโภค ในบริเวณ 14 จังหวัด ช่วยเหลือได้ 264 หมู่บ้าน 14,854 ครัวเรือน คิดเป็น
ปริมาณน้ำ 16.49 ล้าน ลบ.ม.
สำหรับรถยนต์บรรทุกน้ำได้ส่งไปช่วยเหลือรวม 64 คัน ภาคเหนือ 5 คัน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 คัน
ภาคตะวันออก 55 คัน โดยในภาคตะวันออกช่วยเหลือได้ 750 ครัวเรือน คิดเป็นปริมาณน้ำสะสมทั้งสิ้น 6,613,000 ลิตร
กรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการประสานกับองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นแก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบ เช่น
การสร้างทำนบกักเก็บน้ำเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ
4.2 ด้านปฏิบัติการฝนหลวง
สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 8 ศูนย์ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน
11 หน่วย และ 3 ฐานเติมสารฝนหลวง การปฏิบัติการฝนหลวงตามแนวพระบรมราโชบายในการสร้างความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่เกษตรกรรม โดยเริ่ม
การปฏิบัติงานจากบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2549 และขยายพื้นที่ช่วยเหลือไปในบริเวณลุ่มน้ำภาคอื่นๆ ตามความเหมาะสมของ
สภาพอากาศ โดยมีเป้าหมายช่วยเหลือการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง และลดปริมาณการใช้น้ำจากเขื่อนต่างๆ ใช้อัตรากำลังเครื่องบินที่ใช้ปฏิบัติงาน
จำนวน 29 เครื่อง ประกอบด้วย เครื่องบินของสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร จำนวน 22 เครื่อง เครื่องบินของกองทัพอากาศ กองทัพเรือ
กองทัพบก และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 7 เครื่อง มีการขึ้นปฏิบัติการรวม 1,853 เที่ยวบิน จำนวน 2,220:25 ชั่วโมงบิน และมีพื้นที่
ฝนตกจากการปฏิบัติฝนหลวง จำนวน 63 จังหวัด มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำในพื้นที่เป้าหมายหลักทั้ง 8 ศูนย์ จำนวนรวม 17 อ่างฯ มีปริมาณน้ำ
ไหลลงอ่างเข้ารวม 1,177 ล้านลบ.ม. (โดยเป็นเขื่อนที่มีปริมาณน้ำเก็บกักต่ำในช่วงต้นปี 2549 จำนวน 11 อ่างฯ มีปริมาณน้ำไหลเข้ารวม
290 ล้านลบ.ม.) ผลการปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือภาวะภัยแล้งในปี 2549 นับได้ว่าได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจ มีฝนตกกระจายในหลายพื้นที่เป็น
ระยะๆ สามารถช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร รวมทั้งยังทำให้หลายพื้นที่มีน้ำอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอในช่วงฤดูแล้ง
เพิ่มความชุ่มชื้นของพื้นที่ป่าไม้ โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างในปี 2549 นี้ มีปริมาณฝนดีกว่าในปี 2548 มาก
4.3 ด้านปศุสัตว์
กรมปศุสัตว์ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์แนะนำการเลี้ยงสัตว์ในช่วงฤดูแล้ง การสำรองน้ำ และอาหารสัตว์ การดูแล
สุขภาพสัตว์ รวมถึงการส่งเสริมให้มีการปลูกพืชใช้น้ำน้อย(นาหญ้า)เพื่อผลิตเสบียงสัตว์จำหน่าย ดำเนินการสนับสนุนเสบียงอาหารสัตว์ และเวชภัณฑ์
สรุปได้ดังนี้
1) สนับสนุนเสบียงอาหารสัตว์ช่วยเหลือเกษตรกรตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2548 ถึง 30 เมษายน 2549 จำนวน
1.12 ล้านกิโลกรัม เกษตรกร 3,165 ราย (ใน 3 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 52,000 กิโลกรัม เวชภัณฑ์ 2,442 ซอง แร่ธาตุ 926 ก้อน)
2) ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์/สถานีพัฒนาอาหารสัตว์ นำเครื่องจักรกลเกษตร ออกไปสนับสนุนเกษตรกร
3,630 ราย เพื่อผลิตเสบียงสัตว์จำนวน 1.31 ล้านกิโลกรัม
3) สนับสนุนเกษตรกรผลิตเสบียงสัตว์ในโครงการนาหญ้าและพัฒนาอาชีพผลิตเสบียงสัตว์เพื่อการจำหน่าย เกษตรกร
4,903 ราย ผลผลิตตั้งแต่ตุลาคม 2548 ถึง กุมภาพันธ์ 2549 จำนวน 37,026.73 กิโลกรัม
4.4 ด้านการส่งเสริมอาชีพ
กรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการส่งเสริมอาชีพเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ในช่วงฤดูแล้ง เช่น
การปลูกพืชใช้น้ำน้อย การเลี้ยงสัตว์ การทำปุ๋ยหมัก การแปรรูปผลผลิตการเกษตร การทอผ้า หัตถกรรม ดอกไม้ประดิษฐ์ ให้กลุ่มสตรี/กลุ่มอาชีพ/
สหกรณ์ 439 กลุ่ม/สหกรณ์ จำนวนสมาชิก 14,572 ราย โดยดำเนินกิจกรรม ดังนี้
1) จัดอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์
2) สนับสนุนเงินอุดหนุน เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการจัดหาปุ๋ยอินทรีย์
3) จัดสรรงบประมาณเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์
4) สนับสนุนให้กลุ่มที่ดำเนินงานพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง
4.5 ด้านการปรับปรุงบำรุงดิน
กรมพัฒนาที่ดินส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชปรับปรุงบำรุงดินเพื่อทดแทนการปลูกข้าวนาปรังครั้งที่ 2 จำนวน
336,950 ไร่ แบ่งเป็น ในเขตชลประทาน 42,646 ไร่ นอกเขตชลประทาน 294,304 ไร่
เนื่องจากในปี 2549 สำนักฝนหลวงและการบินเกษตรได้รายงานว่า มีปรากฏการณ์ลานีนา (LA NINA) ใน
มหาสมุทรแปซิฟิก ด้านตะวันออก และตอนกลาง มีน้ำทะเลเย็นกว่าค่าปกติ ทำให้น้ำทะเลบริเวณรอบข้างสูงขึ้น โดยส่วนมากอุณหภูมิน้ำทะเล
ด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก จะทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนตกมากผิดปกติ จนทำให้เกิดอุทกภัยได้ และจำนวนพายุหมุนเขตร้อนจะก่อตัวมากกว่า
ปกติด้วย จึงควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งประชาสัมพันธ์ราษฎรและเกษตรกร เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ดังกล่าว สำหรับสถานการณ์ภัยแล้งปี 2549
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอยุติการรายงานสถานการณ์ในการรายงานครั้งนี้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 23 พฤษภาคม 2549--จบ--
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินการวางแผนเตรียมรับสถานการณ์ และดำเนินการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือพื้นที่
การเกษตรในช่วงฤดูแล้งปี 2549 จากการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดโดยเน้นการป้องกันและการให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ซึ่งใน
ช่วงเวลาดังกล่าวกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับรายงานจากกรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง และกรมปศุสัตว์ ว่ามีพื้นที่การเกษตรนอกเขต
ชลประทานอาจได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ด้านพืช ประมง และปศุสัตว์ จำนวน 21 จังหวัด 49 อำเภอ 164 ตำบล 1,142 หมู่บ้าน เกษตรกร
87,883 ราย พื้นที่ 518,380 ไร่ สัตว์ได้รับผลกระทบ 22,709 ตัว พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ 252 กระชัง คิดเป็นพื้นที่ 3,416 ตารางเมตร
แยกตามรายภาค ดังนี้
ภาค จังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ผลกระทบด้านการเกษตร
พืช ประมง ปศุสัตว์
จังหวัด เกษตรกร พื้นที่ จังหวัด เกษตรกร กระชัง/ตรม. จังหวัด เกษตรกร สัตว์ (ตัว)
(ราย) (ไร่) (ราย) (ราย)
เหนือ 7 21 85 552 7 42,541 268,595.50 2 1,235 21,355
ตะวันออกเฉียงเหนือ 8 13 57 373 7 6,634 43,514.50 3 58 252/3,416
กลาง 2 1 1 3 1 108 2,748.00 1 50 1,354
ตะวันออก 1 1 2 12 1 190 765.00
ตะวันตก 2 5 19 202 2 36,818 169,497.00
ใต้ 1 8 1 30,925.00
รวม 21 49 164 1,142 19 86,291 516,045.00 3 58 252/3,416 3 1,285 22,709
อนึ่ง พื้นที่การเกษตรด้านพืชที่อาจได้รับผลกระทบ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือโดยการประสานกับ
หน่วยงานในท้องถิ่นดำเนินการบริหารจัดการน้ำ การให้ความช่วยเหลือเครื่องสูบน้ำและ รถยนต์บรรทุกน้ำ การปฏิบัติการฝนหลวง สามารถ
ช่วยเหลือพื้นที่อาจได้รับผลกระทบดังกล่าวไม่ให้เสียหาย จำนวน 468,979.50 ไร่ คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ 184,984,968 บาท สำหรับ
พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบด้านพืช ด้านประมง และด้านปศุสัตว์ ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ส่งผลให้ไม่จำเป็น
ต้องใช้เงินงบกลาง ช่วยเหลือในปี 2549 นี้ เมื่อเปรียบเทียบพื้นที่การเกษตรด้านพืชที่ได้รับผลกระทบในปี 2548 จำนวน 1,043,439 ไร่
ในปี 2549 พื้นที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 30,721.75 ไร่ น้อยกว่าปี 2548 คิดเป็นร้อยละ 97
เนื่องจากปัจจุบันได้เข้าสู่ฤดูกาลเพาะปลูกปี 2549 (ช่วงฤดูฝน)แล้ว อย่างไรก็ตามในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม 2549
ยังคงต้องประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรเฝ้าระวังและเตรียมสำรองน้ำสำหรับการเกษตรไว้ด้วย เนื่องจากอาจจะเกิดสภาวะฝนทิ้งช่วง ซึ่งพื้นที่การเกษตร
ที่ทำการเพาะปลูกอาจได้รับผลกระทบอีกช่วงหนึ่ง สำหรับ สถานการณ์ในช่วงฤดูแล้งปี 2549 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สรุปผลการปฏิบัติงาน
เกี่ยวกับสถานการณ์ฝน สถานการณ์น้ำและสภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ การให้ความช่วยเหลือที่ดำเนินการไปแล้ว ดังนี้
1. สภาพฝน
สภาพฝนในช่วงต้นปี 2549 ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันออกได้เริ่มมีฝนตกมาตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ 2549 ภาคเหนือ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันตก เริ่มมีฝนตกมาตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 2549
2. สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่
ปริมาณฝนในช่วงปลายปี 2548 เดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2548 มีฝนตกชุกหนาแน่น ทำให้สถานการณ์ น้ำในอ่างเก็บน้ำอยู่ใน
เกณฑ์ดีถึงดีมาก อ่างเก็บน้ำที่มีน้ำน้อยกว่าปกติในต้นปี 2548 โดยเฉพาะในภาคตะวันออกได้คลี่คลายเข้าสู่สถานการณ์ปกติ มีปริมาณน้ำเพียงพอใน
ฤดูแล้งปี 2549 แต่ก็ยังมีอ่างเก็บน้ำบางแห่งที่จะต้องเฝ้าระวังและติดตามอยู่ 4 อ่างฯ คือ อ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น มีปริมาตรน้ำ 40%
อ่างฯลำนางรอง จ.บุรีรัมย์ มีปริมาตรน้ำ 37% อ่างฯทับเสลา จ.อุทัยธานี มีปริมาตรน้ำ 41% และอ่างฯบางพระ จ.ชลบุรี มีปริมาตรน้ำ 37%
โดยมีปริมาณน้ำเพียงพอเพื่อการอุปโภคบริโภคเท่านั้น ซึ่งกรมชลประทานได้ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรปลูกพืชใช้น้ำน้อยเพื่อเป็นการประหยัดน้ำ
3. การปลูกพืชฤดูแล้งระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2548 ถึง 30 เมษายน 2549
ตามที่ได้กำหนดนโยบาย มาตรการและพื้นที่เพาะปลูกพืชฤดูแล้ง จำนวน 10.44 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวนาปรัง 7.78 ล้านไร่
พืชไร่-พืชผัก 2.66 ล้านไร่ ณ วันที่ 30 เมษายน 2549 มีผลการเพาะปลูกแล้ว จำนวน 14.91 แบ่งเป็น ข้าวนาปรัง 12.19 ล้านไร่
พืชไร่-พืชผัก 2.72 ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว 7.05 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวนาปรัง 5.81 ล้านไร่ พืชไร่ -พืชผัก 1.24 ล้านไร่
4. การให้ความช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและเกษตรกร
4.1 ด้านชลประทาน
1) การบริหารจัดการน้ำ
อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2548 มีปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศ
(31 อ่างฯ) จำนวน 55,771 ล้าน ลบ.ม.(82%ของความจุอ่างฯทั้งหมด) คิดเป็นปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันทั้งประเทศ 32,405 ล้าน ลบ.ม.
ได้กำหนดแผนการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ (31 อ่างฯ) ในช่วงฤดูแล้งปี2548/2549 (1 พฤศจิกายน 2548 -30 เมษายน
2549) จำนวน 15,880 ล้าน ลบ.ม. เพื่อสนับสนุนการปลูกพืชฤดูแล้งในเขตชลประทาน การอุปโภคบริโภค การประปา การเดินเรือ และผลักดัน
น้ำเค็ม ณ วันที่ 30 เมษายน 2549 ได้ระบายจากอ่างเก็บน้ำรวมทั้งหมดไปแล้ว 17,895 ล้าน ลบ.ม.( 1พ.ย.48- 30 เม.ย.49)
2) การช่วยเหลือเครื่องสูบน้ำและรถยนต์บรรทุกน้ำ
กรมชลประทานสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่เข้าช่วยเหลือการอุปโภคบริโภค และพื้นที่ เพาะปลูกพืชฤดูแล้งทั้งในเขต
และนอกเขตชลประทานสูงสุด จำนวน 840 เครื่อง แบ่งเป็น
- ในเขตชลประทาน 651 เครื่อง ช่วยเหลือนาปรังได้ 465,374 ไร่ พืชไร่ 42,802 ไร่
- นอกเขตชลประทาน 189 เครื่อง ช่วยเหลือนาปรัง 67,744 ไร่ พืชไร่ 9,987 ไร่
และช่วยเหลือการอุปโภค บริโภค ในบริเวณ 14 จังหวัด ช่วยเหลือได้ 264 หมู่บ้าน 14,854 ครัวเรือน คิดเป็น
ปริมาณน้ำ 16.49 ล้าน ลบ.ม.
สำหรับรถยนต์บรรทุกน้ำได้ส่งไปช่วยเหลือรวม 64 คัน ภาคเหนือ 5 คัน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 คัน
ภาคตะวันออก 55 คัน โดยในภาคตะวันออกช่วยเหลือได้ 750 ครัวเรือน คิดเป็นปริมาณน้ำสะสมทั้งสิ้น 6,613,000 ลิตร
กรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการประสานกับองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นแก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบ เช่น
การสร้างทำนบกักเก็บน้ำเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ
4.2 ด้านปฏิบัติการฝนหลวง
สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 8 ศูนย์ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน
11 หน่วย และ 3 ฐานเติมสารฝนหลวง การปฏิบัติการฝนหลวงตามแนวพระบรมราโชบายในการสร้างความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่เกษตรกรรม โดยเริ่ม
การปฏิบัติงานจากบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2549 และขยายพื้นที่ช่วยเหลือไปในบริเวณลุ่มน้ำภาคอื่นๆ ตามความเหมาะสมของ
สภาพอากาศ โดยมีเป้าหมายช่วยเหลือการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง และลดปริมาณการใช้น้ำจากเขื่อนต่างๆ ใช้อัตรากำลังเครื่องบินที่ใช้ปฏิบัติงาน
จำนวน 29 เครื่อง ประกอบด้วย เครื่องบินของสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร จำนวน 22 เครื่อง เครื่องบินของกองทัพอากาศ กองทัพเรือ
กองทัพบก และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 7 เครื่อง มีการขึ้นปฏิบัติการรวม 1,853 เที่ยวบิน จำนวน 2,220:25 ชั่วโมงบิน และมีพื้นที่
ฝนตกจากการปฏิบัติฝนหลวง จำนวน 63 จังหวัด มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำในพื้นที่เป้าหมายหลักทั้ง 8 ศูนย์ จำนวนรวม 17 อ่างฯ มีปริมาณน้ำ
ไหลลงอ่างเข้ารวม 1,177 ล้านลบ.ม. (โดยเป็นเขื่อนที่มีปริมาณน้ำเก็บกักต่ำในช่วงต้นปี 2549 จำนวน 11 อ่างฯ มีปริมาณน้ำไหลเข้ารวม
290 ล้านลบ.ม.) ผลการปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือภาวะภัยแล้งในปี 2549 นับได้ว่าได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจ มีฝนตกกระจายในหลายพื้นที่เป็น
ระยะๆ สามารถช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร รวมทั้งยังทำให้หลายพื้นที่มีน้ำอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอในช่วงฤดูแล้ง
เพิ่มความชุ่มชื้นของพื้นที่ป่าไม้ โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างในปี 2549 นี้ มีปริมาณฝนดีกว่าในปี 2548 มาก
4.3 ด้านปศุสัตว์
กรมปศุสัตว์ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์แนะนำการเลี้ยงสัตว์ในช่วงฤดูแล้ง การสำรองน้ำ และอาหารสัตว์ การดูแล
สุขภาพสัตว์ รวมถึงการส่งเสริมให้มีการปลูกพืชใช้น้ำน้อย(นาหญ้า)เพื่อผลิตเสบียงสัตว์จำหน่าย ดำเนินการสนับสนุนเสบียงอาหารสัตว์ และเวชภัณฑ์
สรุปได้ดังนี้
1) สนับสนุนเสบียงอาหารสัตว์ช่วยเหลือเกษตรกรตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2548 ถึง 30 เมษายน 2549 จำนวน
1.12 ล้านกิโลกรัม เกษตรกร 3,165 ราย (ใน 3 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 52,000 กิโลกรัม เวชภัณฑ์ 2,442 ซอง แร่ธาตุ 926 ก้อน)
2) ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์/สถานีพัฒนาอาหารสัตว์ นำเครื่องจักรกลเกษตร ออกไปสนับสนุนเกษตรกร
3,630 ราย เพื่อผลิตเสบียงสัตว์จำนวน 1.31 ล้านกิโลกรัม
3) สนับสนุนเกษตรกรผลิตเสบียงสัตว์ในโครงการนาหญ้าและพัฒนาอาชีพผลิตเสบียงสัตว์เพื่อการจำหน่าย เกษตรกร
4,903 ราย ผลผลิตตั้งแต่ตุลาคม 2548 ถึง กุมภาพันธ์ 2549 จำนวน 37,026.73 กิโลกรัม
4.4 ด้านการส่งเสริมอาชีพ
กรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการส่งเสริมอาชีพเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ในช่วงฤดูแล้ง เช่น
การปลูกพืชใช้น้ำน้อย การเลี้ยงสัตว์ การทำปุ๋ยหมัก การแปรรูปผลผลิตการเกษตร การทอผ้า หัตถกรรม ดอกไม้ประดิษฐ์ ให้กลุ่มสตรี/กลุ่มอาชีพ/
สหกรณ์ 439 กลุ่ม/สหกรณ์ จำนวนสมาชิก 14,572 ราย โดยดำเนินกิจกรรม ดังนี้
1) จัดอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์
2) สนับสนุนเงินอุดหนุน เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการจัดหาปุ๋ยอินทรีย์
3) จัดสรรงบประมาณเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์
4) สนับสนุนให้กลุ่มที่ดำเนินงานพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง
4.5 ด้านการปรับปรุงบำรุงดิน
กรมพัฒนาที่ดินส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชปรับปรุงบำรุงดินเพื่อทดแทนการปลูกข้าวนาปรังครั้งที่ 2 จำนวน
336,950 ไร่ แบ่งเป็น ในเขตชลประทาน 42,646 ไร่ นอกเขตชลประทาน 294,304 ไร่
เนื่องจากในปี 2549 สำนักฝนหลวงและการบินเกษตรได้รายงานว่า มีปรากฏการณ์ลานีนา (LA NINA) ใน
มหาสมุทรแปซิฟิก ด้านตะวันออก และตอนกลาง มีน้ำทะเลเย็นกว่าค่าปกติ ทำให้น้ำทะเลบริเวณรอบข้างสูงขึ้น โดยส่วนมากอุณหภูมิน้ำทะเล
ด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก จะทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนตกมากผิดปกติ จนทำให้เกิดอุทกภัยได้ และจำนวนพายุหมุนเขตร้อนจะก่อตัวมากกว่า
ปกติด้วย จึงควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งประชาสัมพันธ์ราษฎรและเกษตรกร เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ดังกล่าว สำหรับสถานการณ์ภัยแล้งปี 2549
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอยุติการรายงานสถานการณ์ในการรายงานครั้งนี้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 23 พฤษภาคม 2549--จบ--