เรื่อง รายงานการส่งออก-นำเข้าสินค้าระหว่างไทย-จีน (1 ต.ค. 46- 31 พ.ค. 48)
ไทย-อินเดีย (1 ก.ย.47-31 พ.ค.48) และไทย-ออสเตรเลีย (1 ม.ค.48- 31 พ.ค. 48)
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์ รายงานการส่งออก-นำเข้าสินค้าภายใต้ข้อตกลง FTA ระหว่างไทยกับจีน ตั้งแต่ 1 ต.ค. 46- 31 พ.ค. 48 ไทยกับอินเดีย ตั้งแต่ 1 ก.ย.47-31 พ.ค. 48 และไทยกับออสเตรเลีย ตั้งแต่ 1 ม.ค.48- 31 พ.ค. 48 สรุปได้ดังนี้
1. การออกหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า
กระทรวงพาณิชย์ได้ออกหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าสำหรับการส่งสินค้าออกไปยังประเทศที่มีข้อตกลงฯ ดังกล่าว ตั้งแต่ 1 ต.ค. 46-31 พ.ค. 48 รวมทั้งสิ้น 31,815 ฉบับ มูลค่า 1,401.65 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 54,790.07 ล้านบาท แยกได้ดังนี้
1.1 ไทย-จีน ตั้งแต่ 1 ต.ค.46-31 พ.ค.48 สำหรับการส่งออกสินค้าพิกัดฯ 01-08 จำนวน 24,636 ฉบับ ปริมาณ 4,785,739 ตัน มูลค่า 24,028.86 ล้านบาท สินค้าที่ขอหนังสือรับรองฯ มากที่สุด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังชนิดเป็นชิ้น
1.2 ไทย-อินเดีย ตั้งแต่ 1 ก.ย.47-31 พ.ค.48 สำหรับการส่งออกสินค้าตามข้อตกลงฯ จำนวน 82 รายการ จำนวน 1,161 ฉบับ มูลค่า 3,497.48 ล้านบาท สินค้าที่ขอหนังสือรับรองฯ มากที่สุด ได้แก่ โพลิคาร์บอเนต
1.3 ไทย-ออสเตรเลีย ตั้งแต่ 1 ม.ค.-31 พ.ค. 48 สำหรับการส่งออกสินค้าตามข้อตกลงฯ จำนวน 5,505 รายการ จำนวน 6,018 ฉบับ มูลค่า 27,263.73 ล้านบาท สินค้าที่ขอหนังสือรับรองฯ มาก ที่สุด ได้แก่ ยานยนต์สำหรับขนส่งของ
2. การส่งออก-นำเข้าตามข้อมูลสถิติของกรมศุลกากร
ตั้งแต่ 1 ต.ค.46-30 เม.ย.48 ไทยส่งออกสินค้าภายใต้ข้อตกลง FTA ไปยังประเทศจีน อินเดีย และออสเตรเลีย รวมมูลค่า 61,322.42 ล้านบาท และนำเข้าสินค้าในรายการภายใต้ข้อตกลงฯ รวมมูลค่า55,005.30 ล้านบาท แยกได้ดังนี้
2.1 ไทย-จีน ตั้งแต่ 1 ต.ค.46-30 เม.ย.48 ไทยส่งสินค้าออกพิกัดฯ 01-08 ปริมาณ 4,469,687 ตัน มูลค่า 21,248.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 42 และ 31 ตามลำดับ เนื่องจากมีการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังและผลไม้ ได้แก่ ลำไยแห้ง/สด ทุเรียน และมังคุดเพิ่มขึ้น โดยสินค้าส่งออกที่มีมูลค่ามากที่สุด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังชนิดเป็นชิ้น ขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าพิกัดฯ 01-08 ปริมาณ 462,219 ตัน มูลค่า 10,080.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 50 และ 35 ตามลำดับ เนื่องจากมีการนำเข้าผลไม้ ได้แก่ แอปเปิ้ล แพร์ และควินสดเพิ่มขึ้น โดยสินค้านำเข้าที่มีมูลค่ามากที่สุด ได้แก่ แอปเปิ้ลสด
ตั้งแต่ ต.ค.46-เม.ย.48 ไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ากับจีน จำนวน 11,167.47 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนได้ดุลการค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 28
2.2 ไทย-อินเดีย ตั้งแต่ 1 ก.ย.47-30 เม.ย.48 ไทยส่งออกสินค้าภายใต้ข้อตกลงฯ จำนวน 82 รายการ มูลค่า 5,727.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 132 เนื่องจากมีการส่งออกเครื่องรับโทรทัศน์สี โพลิคาร์บอเนต และหลอดภาพแคโทดเรย์ เพิ่มขึ้น โดยสินค้าส่งออกที่มีมูลค่ามากที่สุด ได้แก่ เครื่องรับโทรทัศน์สี ขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าภายใต้ข้อตกลงฯ มูลค่า 1,569.34 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 40 เนื่องจากมีการนำเข้าอะลูมิเนียม และผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปทำด้วยเหล็กหรือเหล็กกล้าลดลง โดยสินค้านำเข้าที่มีมูลค่ามากที่สุด ได้แก่ กระปุกเกียร์
ตั้งแต่ ก.ย.47-เม.ย.48 ไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ากับอินเดีย จำนวน 4,158 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนได้ดุลการค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 2,946
2.3 ไทย-ออสเตรเลีย ตั้งแต่ ม.ค.-เม.ย.48 ไทยส่งออกสินค้าภายใต้ข้อตกลงฯ จำนวน 5,505 รายการ มูลค่า 34,346.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 25 เนื่องจากมีการส่งออกยานยนต์สำหรับขนส่งของ รถยนต์และยานยนต์สำหรับขนส่งบุคคลเพิ่มขึ้น โดยสินค้าส่งออกที่มีมูลค่ามากที่สุด ได้แก่ ยานยนต์สำหรับขนส่งของ ขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าภายใต้ข้อตกลงฯ มูลค่า 43,355.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 77 เนื่องจากได้มีการนำเข้าทองคำที่ยังไม่ขึ้นรูปเพิ่มขึ้น
ตั้งแต่ ม.ค.-เม.ย. 48 ไทยขาดดุลการค้ากับออสเตรเลีย จำนวน 9,008.35 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนซึ่งได้ดุลการค้า 3,071.96 ล้านบาท ขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 393 อย่างไรก็ตามหากหักมูลค่าการนำเข้าทองคำ จำนวน 18,763.79 ล้านบาทแล้ว ไทยจะได้ดุลการค้า จำนวน 9,268.97 ล้านบาท และในเดือนเม.ย.48 ไทยเริ่มเป็นฝ่ายได้ดุลการค้า จำนวน 2,223.09 ล้านบาท ในขณะที่ขาดดุลการค้าในเดือน ม.ค.48 จำนวน 3,331.26 ล้านบาท เดือน ก.พ. จำนวน 3,260.63 ล้านบาท และเดือน มี.ค. 48 จำนวน 4,754.55 ล้านบาท โดยได้ดุลการค้าเพิ่มขึ้นจากเดือน มี.ค.48 จำนวน 7,092.64 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 149
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 12 กรกฎาคม 2548--จบ--
ไทย-อินเดีย (1 ก.ย.47-31 พ.ค.48) และไทย-ออสเตรเลีย (1 ม.ค.48- 31 พ.ค. 48)
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์ รายงานการส่งออก-นำเข้าสินค้าภายใต้ข้อตกลง FTA ระหว่างไทยกับจีน ตั้งแต่ 1 ต.ค. 46- 31 พ.ค. 48 ไทยกับอินเดีย ตั้งแต่ 1 ก.ย.47-31 พ.ค. 48 และไทยกับออสเตรเลีย ตั้งแต่ 1 ม.ค.48- 31 พ.ค. 48 สรุปได้ดังนี้
1. การออกหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า
กระทรวงพาณิชย์ได้ออกหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าสำหรับการส่งสินค้าออกไปยังประเทศที่มีข้อตกลงฯ ดังกล่าว ตั้งแต่ 1 ต.ค. 46-31 พ.ค. 48 รวมทั้งสิ้น 31,815 ฉบับ มูลค่า 1,401.65 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 54,790.07 ล้านบาท แยกได้ดังนี้
1.1 ไทย-จีน ตั้งแต่ 1 ต.ค.46-31 พ.ค.48 สำหรับการส่งออกสินค้าพิกัดฯ 01-08 จำนวน 24,636 ฉบับ ปริมาณ 4,785,739 ตัน มูลค่า 24,028.86 ล้านบาท สินค้าที่ขอหนังสือรับรองฯ มากที่สุด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังชนิดเป็นชิ้น
1.2 ไทย-อินเดีย ตั้งแต่ 1 ก.ย.47-31 พ.ค.48 สำหรับการส่งออกสินค้าตามข้อตกลงฯ จำนวน 82 รายการ จำนวน 1,161 ฉบับ มูลค่า 3,497.48 ล้านบาท สินค้าที่ขอหนังสือรับรองฯ มากที่สุด ได้แก่ โพลิคาร์บอเนต
1.3 ไทย-ออสเตรเลีย ตั้งแต่ 1 ม.ค.-31 พ.ค. 48 สำหรับการส่งออกสินค้าตามข้อตกลงฯ จำนวน 5,505 รายการ จำนวน 6,018 ฉบับ มูลค่า 27,263.73 ล้านบาท สินค้าที่ขอหนังสือรับรองฯ มาก ที่สุด ได้แก่ ยานยนต์สำหรับขนส่งของ
2. การส่งออก-นำเข้าตามข้อมูลสถิติของกรมศุลกากร
ตั้งแต่ 1 ต.ค.46-30 เม.ย.48 ไทยส่งออกสินค้าภายใต้ข้อตกลง FTA ไปยังประเทศจีน อินเดีย และออสเตรเลีย รวมมูลค่า 61,322.42 ล้านบาท และนำเข้าสินค้าในรายการภายใต้ข้อตกลงฯ รวมมูลค่า55,005.30 ล้านบาท แยกได้ดังนี้
2.1 ไทย-จีน ตั้งแต่ 1 ต.ค.46-30 เม.ย.48 ไทยส่งสินค้าออกพิกัดฯ 01-08 ปริมาณ 4,469,687 ตัน มูลค่า 21,248.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 42 และ 31 ตามลำดับ เนื่องจากมีการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังและผลไม้ ได้แก่ ลำไยแห้ง/สด ทุเรียน และมังคุดเพิ่มขึ้น โดยสินค้าส่งออกที่มีมูลค่ามากที่สุด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังชนิดเป็นชิ้น ขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าพิกัดฯ 01-08 ปริมาณ 462,219 ตัน มูลค่า 10,080.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 50 และ 35 ตามลำดับ เนื่องจากมีการนำเข้าผลไม้ ได้แก่ แอปเปิ้ล แพร์ และควินสดเพิ่มขึ้น โดยสินค้านำเข้าที่มีมูลค่ามากที่สุด ได้แก่ แอปเปิ้ลสด
ตั้งแต่ ต.ค.46-เม.ย.48 ไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ากับจีน จำนวน 11,167.47 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนได้ดุลการค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 28
2.2 ไทย-อินเดีย ตั้งแต่ 1 ก.ย.47-30 เม.ย.48 ไทยส่งออกสินค้าภายใต้ข้อตกลงฯ จำนวน 82 รายการ มูลค่า 5,727.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 132 เนื่องจากมีการส่งออกเครื่องรับโทรทัศน์สี โพลิคาร์บอเนต และหลอดภาพแคโทดเรย์ เพิ่มขึ้น โดยสินค้าส่งออกที่มีมูลค่ามากที่สุด ได้แก่ เครื่องรับโทรทัศน์สี ขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าภายใต้ข้อตกลงฯ มูลค่า 1,569.34 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 40 เนื่องจากมีการนำเข้าอะลูมิเนียม และผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปทำด้วยเหล็กหรือเหล็กกล้าลดลง โดยสินค้านำเข้าที่มีมูลค่ามากที่สุด ได้แก่ กระปุกเกียร์
ตั้งแต่ ก.ย.47-เม.ย.48 ไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ากับอินเดีย จำนวน 4,158 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนได้ดุลการค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 2,946
2.3 ไทย-ออสเตรเลีย ตั้งแต่ ม.ค.-เม.ย.48 ไทยส่งออกสินค้าภายใต้ข้อตกลงฯ จำนวน 5,505 รายการ มูลค่า 34,346.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 25 เนื่องจากมีการส่งออกยานยนต์สำหรับขนส่งของ รถยนต์และยานยนต์สำหรับขนส่งบุคคลเพิ่มขึ้น โดยสินค้าส่งออกที่มีมูลค่ามากที่สุด ได้แก่ ยานยนต์สำหรับขนส่งของ ขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าภายใต้ข้อตกลงฯ มูลค่า 43,355.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 77 เนื่องจากได้มีการนำเข้าทองคำที่ยังไม่ขึ้นรูปเพิ่มขึ้น
ตั้งแต่ ม.ค.-เม.ย. 48 ไทยขาดดุลการค้ากับออสเตรเลีย จำนวน 9,008.35 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนซึ่งได้ดุลการค้า 3,071.96 ล้านบาท ขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 393 อย่างไรก็ตามหากหักมูลค่าการนำเข้าทองคำ จำนวน 18,763.79 ล้านบาทแล้ว ไทยจะได้ดุลการค้า จำนวน 9,268.97 ล้านบาท และในเดือนเม.ย.48 ไทยเริ่มเป็นฝ่ายได้ดุลการค้า จำนวน 2,223.09 ล้านบาท ในขณะที่ขาดดุลการค้าในเดือน ม.ค.48 จำนวน 3,331.26 ล้านบาท เดือน ก.พ. จำนวน 3,260.63 ล้านบาท และเดือน มี.ค. 48 จำนวน 4,754.55 ล้านบาท โดยได้ดุลการค้าเพิ่มขึ้นจากเดือน มี.ค.48 จำนวน 7,092.64 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 149
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 12 กรกฎาคม 2548--จบ--