ปฏิญญาร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนที่เพิ่มพูนระหว่างอาเซียนกับแคนาดา

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างปฏิญญาร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนที่เพิ่มพูนระหว่างอาเซียนกับแคนาดาตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างปฏิญญาร่วมที่มิใช่สาระสำคัญ และ ไม่กระทบต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยมิต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก

สาระสำคัญของเรื่อง

กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า

1. อาเซียนและแคนาดาได้จัดทำปฏิญญาร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนที่เพิ่มพูนระหว่างอาเซียนกับแคนาดา (Joint Declaration on the ASEAN-Canada Enhanced Partnership) โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันให้ครอบคลุมความร่วมมือในทุก ๆ ด้าน ทั้งด้านการเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม การพัฒนาและวิชาการ เพื่อเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียน-แคนาดาที่มีมายาวนานกว่า 32 ปี และเพื่อเป็นการกำหนดกรอบการดำเนินความร่วมมือระหว่างกันในอนาคตภายหลังจากที่อาเซียนได้มีกฎบัตรอาเซียนและอาเซียนกำลังอยู่ในระหว่างการสร้างประชาคมอาเซียนภายในปี 2558

2. ปฏิญญาร่วมฯ ดังกล่าวสะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นระหว่างอาเซียนและแคนาดา รวมทั้งเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของแคนาดา ในการส่งเสริมความสัมพันธ์ในทุกด้านกับอาเซียน ไทยในฐานะประธานอาเซียนและในฐานะที่จะเข้ารับตำแหน่งประเทศผู้ประสานความสัมพันธ์อาเซียน-แคนาดาต่อจากเวียดนามในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนในเดือนกรกฎาคม 2552 น่าจะร่วมให้ความเห็นชอบในปฏิญญาร่วมฯ เพื่อเป็นการรักษาบทบาทของไทยในฐานะประธานอาเซียนและประเทศผู้ประสานความสัมพันธ์อาเซียน-แคนาดา รวมทั้งผลประโยชน์ที่ไทยพึงจะได้รับจากความร่วมมือในกรอบความสัมพันธ์อาเซียน-แคนาดา

3. ปฏิญญาร่วมฯ มีสาระเป็นการแสดงเจตนารมณ์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านการเมืองและความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคมและวัฒนธรรม การพัฒนาและวิชาการ จึงไม่น่าจะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กระทรวงการต่างประเทศจึงเสนอร่างปฏิญญาร่วมฯ เพื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาเซียนและแคนาดาจะให้ความเห็นชอบในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 42 ซึ่งมีกำหนดจะจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 16-23 กรกฎาคม 2552

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 9 กรกฎาคม 2552 --จบ--