คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุข เสนอกลยุทธ์สู่ความสำเร็จในการดำเนินงานป้องกันการแพร่เชื้อ เอช ไอ วี จากแม่สู่ลูก (Roadmap) ดังนี้
รายงานล่าสุดจากระบบควบคุมกำกับการดำเนินงานการป้องกันการแพร่เชื้อ เอช ไอ วี จากแม่สู่ลูกจาก โรงพยาบาล 883 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2547 — กันยายน 2548 (รายงาน ก สรุปกิจกรรมการดำเนินงานการป้องกันการแพร่เชื้อ เอช ไอ วี จากแม่สู่ลูก ระหว่างเดือน ตุลาคม 2547 — กันยายน 2548 สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย) พบว่าจากจำนวนหญิงตั้งครรภ์ที่มาคลอด มีอัตราการฝากครรภ์ร้อยละ 98.0 หญิงตั้งครรภ์กลุ่มนี้ได้รับการปรึกษาและตรวจเลือดด้วยความสมัครใจร้อยละ 99.6 ในขณะที่หญิงตั้งครรภ์ที่มาคลอดโดยไม่มีการฝากครรภ์ได้รับบริการปรึกษาและตรวจเลือดด้วยความสมัครใจเพียงร้อยละ 95.0 จากรายงานยังพบว่าหญิงตั้งครรภ์ ที่ติดเชื้อ เอช ไอ วี ได้รับยาต้านไวรัสร้อยละ 89.6 ในขณะที่ทารกที่เกิดจากหญิงที่ติดเชื้อเหล่านี้ ได้รับยาหลังคลอดถึงร้อยละ 98.7 ผลการดำเนินการดังกล่าว ทำให้มีเด็กที่ไม่ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่มารดาที่ติดเชื้อหลังคลอด ไม่สามารถมีชีวิตยืนยาวพอที่จะให้การดูแลเลี้ยงลูกของตนเองได้ ทำให้เกิดปัญหาเด็กกำพร้า เด็กถูกทอดทิ้งไม่ได้รับความรักความอบอุ่น ขาดการส่งเสริมพัฒนาการและการเจริญเติบโตที่เหมาะสม ดังนั้นการดูแลส่งเสริมสุขภาพหญิงตั้งครรภ์ หญิงหลังคลอด ที่ติดเชื้อ เอช ไอ วี ตลอดจนครอบครัวแบบครบถ้วน อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสมและต่อเนื่อง จะช่วยลดปัญหาต่าง ๆ ดังกล่าวได้
1. เป้าหมาย
ตัวชี้วัด 2548 2549 2550 2551 2552
1. อัตราการติดเชื้อ เอช ไอ วี ในหญิงตั้งครรภ์ < 1 % 0.95% 0.90% 0.80% 0.80%
2. อัตราการถ่ายทอดเชื้อ เอช ไอ วี จากแม่สู่ลูก 7% 6% 5% 4% 3%
2. เป้าประสงค์
1. เพื่อควบคุมอัตราการติดเชื้อ เอช ไอ วี ในหญิงตั้งครรภ์
2. เพื่อลดอัตรการแพร่เชื้อ เอช ไอ วี จากแม่สู่ลูก
3. เพื่อชะลอการป่วย/ตาย ของหญิงหลังคลอด และครอบครัวที่ติดเชื้อ เอช ไอ วี
4. เพื่อลดจำนวนเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ที่เป็นกำพร้าเนื่องจากการเสียชีวิตของแม่ — พ่อ จากโรคเอดส์
3. กลยุทธ์
1. กำหนดนโยบายระดับชาติ และแนวทางปฏิบัติ ในการดำเนินงานป้องกันการแพร่เชื้อ เอช ไอ วี จากแม่สู่ลูก และการดูแลหญิงหลังคลอดและครอบครัวที่ติดเชื้อ เอช ไอ วี
2. พัฒนาสถานบริการ และปรับระบบบริการให้เอื้อต่อการดำเนินงานป้องกันการแพร่เชื้อ เอช ไอ วี จากแม่สู่ลูก และการดูแลหญิงหลังคลอดและครอบครัวที่ติดเชื้อ เอช ไอ วี
3. สนับสนุน และส่งเสริมให้ภาคีเครือข่าย และชุมชน มีส่วนร่วมในการดำเนินงานป้องกันการแพร่เชื้อเอช ไอ วี จากแม่สู่ลูก และการดูแลหญิงหลังคลอดและครอบครัวที่ติดเชื้อ เอช ไอ วี
4. สนับสนุน วัสดุ/เวชภัณฑ์ งบประมาณ เพื่อการดำเนินงานได้ อย่างต่อเนื่อง
5. นิเทศ ติดตาม ควบคุมกำกับ และประเมินผลการดำเนินงาน เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง
4. กระบวนงาน
1. การกำหนดนโยบายระดับชาติในการดำเนินงานป้องกันการแพร่เชื้อ เอช ไอ วี จากแม่สู่ลูก และการดูแลหญิงหลังคลอดและครอบครัวที่ติดเชื้อ เอช ไอ วี
- มีการกำหนด นโยบาย กลยุทธ์ กลวิธี และแนวทางปฏิบัติ ที่ชัดเจน
- ผู้บริหารทุกระดับ ให้ความสำคัญ ตลอดจนส่งเสริมและสนับสนุนให้ดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. การพัฒนาสถานบริการ และปรับระบบบริการให้เอื้อต่อการดำเนินงานป้องกันการแพร่เชื้อเอช ไอ วี จากแม่สู่ลูก และการดูแลหญิงหลังคลอดและครอบครัวที่ติดเชื้อ เอช ไอ วี
- พัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการแพทย์และการสาธารณสุข เพื่อให้มีความรู้ ความสามารถ ในการบริหารจัดการ และการให้บริการดูแล หญิงตั้งครรภ์ หญิงหลังคลอดและครอบครัว ที่ติดเชื้อ เอช ไอ วี อย่างมีประสิทธิภาพ
- พัฒนาสถานบริการสาธารณสุข ใหัมีระบบบริการที่เอื้อต่อการดำเนินงานป้องกันการแพร่เชื้อ เอช ไอ วี จากแม่สู่ลูก และการดูแลหญิงหลังคลอดและครอบครัวที่ติดเชื้อ เอช ไอ วี ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. สนับสนุนและส่งเสริมให้ภาคีเครือข่าย และชุมชน มีส่วนร่วมในการดำเนินงานป้องกันการแพร่เชื้อ เอช ไอ วี จากแม่สู่ลูก และการดูแลหญิงหลังคลอดและครอบครัวที่ติดเชื้อ เอช ไอ วี
- การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ ลด ละ เลิก พฤติกรรมเสี่ยงต่อการรับและแพร่เชื้อ เอช ไอ วี
- สนับสนุนให้องค์กรส่วนท้องถิ่น มีส่วนร่วมในการดำเนินงานป้องกันการแพร่เชื้อ เอช ไอ วี จากแม่สู่ลูก และการดูแลหญิงหลังคลอด และครอบครัวที่ติดเชื้อ เอช ไอ วี เช่น การลดการรังเกียจ กีดกัน และการปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียม การช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ สังคม
- ส่งเสริม และประสานภาคีเครือข่าย ในการดำเนินงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. สนับสนุน วัสดุ /เวชภัณฑ์ และงบประมาณเพื่อการดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง
- สนับสนุนยาต้านไวรัส เพื่อใช้ในการป้องกันและลดการแพร่เชื้อ เอช ไอ วี จากแม่สู่ลูก
- สนับสนุนนมผสมสำหรับเด็กที่เกิดจากแม่ที่ติดเชื้อ เอช ไอ วี
- สนับสนุนน้ำยาตรวจ HIV และ CD 4
- สนับสนุนเวชภัณฑ์คุมกำเนิด สำหรับหญิงที่ติดเชื้อ เอช ไอ วี
5. การนิเทศติดตาม และประเมินผลการดำเนินงาน อย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง
- พัฒนาระบบติดตาม ควบคุมกำกับ การดำเนินงาน เพื่อประเมินความครอบคลุมของบริการ
- การนิเทศติดตาม ผลการดำเนินงาน ทุกระดับบริการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2549--จบ--
รายงานล่าสุดจากระบบควบคุมกำกับการดำเนินงานการป้องกันการแพร่เชื้อ เอช ไอ วี จากแม่สู่ลูกจาก โรงพยาบาล 883 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2547 — กันยายน 2548 (รายงาน ก สรุปกิจกรรมการดำเนินงานการป้องกันการแพร่เชื้อ เอช ไอ วี จากแม่สู่ลูก ระหว่างเดือน ตุลาคม 2547 — กันยายน 2548 สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย) พบว่าจากจำนวนหญิงตั้งครรภ์ที่มาคลอด มีอัตราการฝากครรภ์ร้อยละ 98.0 หญิงตั้งครรภ์กลุ่มนี้ได้รับการปรึกษาและตรวจเลือดด้วยความสมัครใจร้อยละ 99.6 ในขณะที่หญิงตั้งครรภ์ที่มาคลอดโดยไม่มีการฝากครรภ์ได้รับบริการปรึกษาและตรวจเลือดด้วยความสมัครใจเพียงร้อยละ 95.0 จากรายงานยังพบว่าหญิงตั้งครรภ์ ที่ติดเชื้อ เอช ไอ วี ได้รับยาต้านไวรัสร้อยละ 89.6 ในขณะที่ทารกที่เกิดจากหญิงที่ติดเชื้อเหล่านี้ ได้รับยาหลังคลอดถึงร้อยละ 98.7 ผลการดำเนินการดังกล่าว ทำให้มีเด็กที่ไม่ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่มารดาที่ติดเชื้อหลังคลอด ไม่สามารถมีชีวิตยืนยาวพอที่จะให้การดูแลเลี้ยงลูกของตนเองได้ ทำให้เกิดปัญหาเด็กกำพร้า เด็กถูกทอดทิ้งไม่ได้รับความรักความอบอุ่น ขาดการส่งเสริมพัฒนาการและการเจริญเติบโตที่เหมาะสม ดังนั้นการดูแลส่งเสริมสุขภาพหญิงตั้งครรภ์ หญิงหลังคลอด ที่ติดเชื้อ เอช ไอ วี ตลอดจนครอบครัวแบบครบถ้วน อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสมและต่อเนื่อง จะช่วยลดปัญหาต่าง ๆ ดังกล่าวได้
1. เป้าหมาย
ตัวชี้วัด 2548 2549 2550 2551 2552
1. อัตราการติดเชื้อ เอช ไอ วี ในหญิงตั้งครรภ์ < 1 % 0.95% 0.90% 0.80% 0.80%
2. อัตราการถ่ายทอดเชื้อ เอช ไอ วี จากแม่สู่ลูก 7% 6% 5% 4% 3%
2. เป้าประสงค์
1. เพื่อควบคุมอัตราการติดเชื้อ เอช ไอ วี ในหญิงตั้งครรภ์
2. เพื่อลดอัตรการแพร่เชื้อ เอช ไอ วี จากแม่สู่ลูก
3. เพื่อชะลอการป่วย/ตาย ของหญิงหลังคลอด และครอบครัวที่ติดเชื้อ เอช ไอ วี
4. เพื่อลดจำนวนเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ที่เป็นกำพร้าเนื่องจากการเสียชีวิตของแม่ — พ่อ จากโรคเอดส์
3. กลยุทธ์
1. กำหนดนโยบายระดับชาติ และแนวทางปฏิบัติ ในการดำเนินงานป้องกันการแพร่เชื้อ เอช ไอ วี จากแม่สู่ลูก และการดูแลหญิงหลังคลอดและครอบครัวที่ติดเชื้อ เอช ไอ วี
2. พัฒนาสถานบริการ และปรับระบบบริการให้เอื้อต่อการดำเนินงานป้องกันการแพร่เชื้อ เอช ไอ วี จากแม่สู่ลูก และการดูแลหญิงหลังคลอดและครอบครัวที่ติดเชื้อ เอช ไอ วี
3. สนับสนุน และส่งเสริมให้ภาคีเครือข่าย และชุมชน มีส่วนร่วมในการดำเนินงานป้องกันการแพร่เชื้อเอช ไอ วี จากแม่สู่ลูก และการดูแลหญิงหลังคลอดและครอบครัวที่ติดเชื้อ เอช ไอ วี
4. สนับสนุน วัสดุ/เวชภัณฑ์ งบประมาณ เพื่อการดำเนินงานได้ อย่างต่อเนื่อง
5. นิเทศ ติดตาม ควบคุมกำกับ และประเมินผลการดำเนินงาน เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง
4. กระบวนงาน
1. การกำหนดนโยบายระดับชาติในการดำเนินงานป้องกันการแพร่เชื้อ เอช ไอ วี จากแม่สู่ลูก และการดูแลหญิงหลังคลอดและครอบครัวที่ติดเชื้อ เอช ไอ วี
- มีการกำหนด นโยบาย กลยุทธ์ กลวิธี และแนวทางปฏิบัติ ที่ชัดเจน
- ผู้บริหารทุกระดับ ให้ความสำคัญ ตลอดจนส่งเสริมและสนับสนุนให้ดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. การพัฒนาสถานบริการ และปรับระบบบริการให้เอื้อต่อการดำเนินงานป้องกันการแพร่เชื้อเอช ไอ วี จากแม่สู่ลูก และการดูแลหญิงหลังคลอดและครอบครัวที่ติดเชื้อ เอช ไอ วี
- พัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการแพทย์และการสาธารณสุข เพื่อให้มีความรู้ ความสามารถ ในการบริหารจัดการ และการให้บริการดูแล หญิงตั้งครรภ์ หญิงหลังคลอดและครอบครัว ที่ติดเชื้อ เอช ไอ วี อย่างมีประสิทธิภาพ
- พัฒนาสถานบริการสาธารณสุข ใหัมีระบบบริการที่เอื้อต่อการดำเนินงานป้องกันการแพร่เชื้อ เอช ไอ วี จากแม่สู่ลูก และการดูแลหญิงหลังคลอดและครอบครัวที่ติดเชื้อ เอช ไอ วี ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. สนับสนุนและส่งเสริมให้ภาคีเครือข่าย และชุมชน มีส่วนร่วมในการดำเนินงานป้องกันการแพร่เชื้อ เอช ไอ วี จากแม่สู่ลูก และการดูแลหญิงหลังคลอดและครอบครัวที่ติดเชื้อ เอช ไอ วี
- การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ ลด ละ เลิก พฤติกรรมเสี่ยงต่อการรับและแพร่เชื้อ เอช ไอ วี
- สนับสนุนให้องค์กรส่วนท้องถิ่น มีส่วนร่วมในการดำเนินงานป้องกันการแพร่เชื้อ เอช ไอ วี จากแม่สู่ลูก และการดูแลหญิงหลังคลอด และครอบครัวที่ติดเชื้อ เอช ไอ วี เช่น การลดการรังเกียจ กีดกัน และการปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียม การช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ สังคม
- ส่งเสริม และประสานภาคีเครือข่าย ในการดำเนินงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. สนับสนุน วัสดุ /เวชภัณฑ์ และงบประมาณเพื่อการดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง
- สนับสนุนยาต้านไวรัส เพื่อใช้ในการป้องกันและลดการแพร่เชื้อ เอช ไอ วี จากแม่สู่ลูก
- สนับสนุนนมผสมสำหรับเด็กที่เกิดจากแม่ที่ติดเชื้อ เอช ไอ วี
- สนับสนุนน้ำยาตรวจ HIV และ CD 4
- สนับสนุนเวชภัณฑ์คุมกำเนิด สำหรับหญิงที่ติดเชื้อ เอช ไอ วี
5. การนิเทศติดตาม และประเมินผลการดำเนินงาน อย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง
- พัฒนาระบบติดตาม ควบคุมกำกับ การดำเนินงาน เพื่อประเมินความครอบคลุมของบริการ
- การนิเทศติดตาม ผลการดำเนินงาน ทุกระดับบริการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2549--จบ--