แท็ก
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
กระทรวงศึกษาธิการ
สำนักงาน ก.พ.
สำนักงบประมาณ
คณะรัฐมนตรี
มหาวิทยาลัย
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดบัญชีอัตราเงินเดือนพนักงานมหาวิทยาลัยเพื่อใช้ในการคำนวณเงินสะสม เงินสมทบ เงินชดเชย และบำเหน็จบำนาญ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวง การคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. สำนักงบประมาณ และกระทรวงศึกษาธิการไปพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
โดยร่างกฎกระทรวงดังกล่าวมีสาระสำคัญ เป็นการกำหนดบัญชีอัตราเงินเดือนพนักงานมหาวิทยาลัย เพื่อใช้ในการคำนวณเงินสะสม เงินสมทบ เงินชดเชย และบำเหน็จบำนาญ พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2539 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2549 เพื่อกำหนดอัตราเงินเดือนอ้างอิงของพนังงานมหาวิทยาลัย สำหรับใช้ในการคำนวณเงินสะสมเงินสมทบ เงินชดเชย และบำเหน็จบำนาญของพนักงานมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
กระทรวงการคลังรายงานว่า โดยที่ได้มีการตรากฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งมหาวิทยาลัย บัญญัติให้มหาวิทยาลัยของรัฐเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐ ซึ่งจะมีผลทำให้สมาชิกภาพของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาในสังกัดมหาวิทยาลัยดังกล่าวสิ้นสุดลง ดังนั้น เพื่อเป็นการรองรับสิทธิของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาดังกล่าว จึงได้มีการตราพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ 4 ) พ.ศ. 2549 ขึ้น โดยบัญญัติให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งเปลี่ยนสถานภาพไปเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยและประสงค์จะเป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการต่อไป ยังคงมีสมาชิกภาพต่อไปได้ โดยมาตรา 70/8 และมาตรา 70/9 วรรคหนึ่งบัญญัติให้การคำนวณ เงินสะสม เงินสมทบ เงินชดเชย และบำเหน็จบำนาญของพนักงานมหาวิทยาลัยดังกล่าว ให้เป็นไปตามบัญชีอัตราเงินเดือนและอัตราเงินเดือนตามที่กำหนดในกฎกระทรวง จึงได้เสนอร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 22 สิงหาคม 2549--จบ--
โดยร่างกฎกระทรวงดังกล่าวมีสาระสำคัญ เป็นการกำหนดบัญชีอัตราเงินเดือนพนักงานมหาวิทยาลัย เพื่อใช้ในการคำนวณเงินสะสม เงินสมทบ เงินชดเชย และบำเหน็จบำนาญ พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2539 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2549 เพื่อกำหนดอัตราเงินเดือนอ้างอิงของพนังงานมหาวิทยาลัย สำหรับใช้ในการคำนวณเงินสะสมเงินสมทบ เงินชดเชย และบำเหน็จบำนาญของพนักงานมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
กระทรวงการคลังรายงานว่า โดยที่ได้มีการตรากฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งมหาวิทยาลัย บัญญัติให้มหาวิทยาลัยของรัฐเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐ ซึ่งจะมีผลทำให้สมาชิกภาพของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาในสังกัดมหาวิทยาลัยดังกล่าวสิ้นสุดลง ดังนั้น เพื่อเป็นการรองรับสิทธิของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาดังกล่าว จึงได้มีการตราพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ 4 ) พ.ศ. 2549 ขึ้น โดยบัญญัติให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งเปลี่ยนสถานภาพไปเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยและประสงค์จะเป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการต่อไป ยังคงมีสมาชิกภาพต่อไปได้ โดยมาตรา 70/8 และมาตรา 70/9 วรรคหนึ่งบัญญัติให้การคำนวณ เงินสะสม เงินสมทบ เงินชดเชย และบำเหน็จบำนาญของพนักงานมหาวิทยาลัยดังกล่าว ให้เป็นไปตามบัญชีอัตราเงินเดือนและอัตราเงินเดือนตามที่กำหนดในกฎกระทรวง จึงได้เสนอร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 22 สิงหาคม 2549--จบ--