คณะรัฐมนตรีอนุมัติการขยายเวลาปฏิบัติการของนายทหารไทยในคณะผู้สังเกตการณ์อาเจห์ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอทั้ง 5 ข้อ ดังนี้
1. อนุมัติในหลักการให้ส่งนายทหารไทยจำนวนไม่เกิน 5 นายเข้าร่วมคณะผู้สังเกตการณ์อาเจห์(Aceh Monitoring Mission : AMM) ในช่วงขยายปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2549 ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2550
2. อนุมัติให้กระทรวงกลาโหมโดยกองบัญชาการทหารสูงสุดรับผิดชอบการคัดเลือกทหารไทยที่จะเข้าร่วมหรือเปลี่ยนแปลงการจัดกำลังที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติภารกิจ AMM ของไทยในอาเจห์ โดยให้การปฏิบัติภารกิจของทหารไทยเป็นการปฏิบัติราชการพิเศษ ตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนด และให้นายทหารที่เข้าร่วม AMM ได้รับสิทธินับอายุราชการเป็นทวีคูณตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พุทธศักราช 2494 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม โดยเริ่มระยะเวลาตั้งแต่วันที่เริ่มการเคลื่อนย้ายออกจากที่ตั้งปกติหรือประเทศไทยเพื่อไปปฏิบัติภารกิจในอาเจห์ จนกระทั่งถึงวันที่เสร็จสิ้นภารกิจและเคลื่อนย้ายกลับสู่ที่ตั้งปกติหรือประเทศไทย
3. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซีย ตอบรับคำเชิญเข้าร่วม AMM ช่วงขยายเวลาปฏิบัติงาน ทั้งนี้ การตอบรับคำเชิญ เป็นการทำความตกลงที่มีข้อผูกมัดทางกฎหมาย ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติเช่นเดียวกับการตอบรับคำเชิญเข้าร่วม AMM ทั้ง 2 ครั้งก่อนหน้านี้
4. จัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายของนายทหารไทยที่เดินทางไปเข้าร่วม AMM ตามแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และให้กระทรวงกลาโหมโดยกองบัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้เสนอของบประมาณ ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นสามารถประมาณการได้ 3,878,175 บาท
5. หากมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อตกลงในประเด็นที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหม
ทั้งนี้ งบประมาณค่าใช้จ่ายให้เบิกจ่ายเท่าที่จ่ายจริง โดยให้กระทรวงกลาโหม (กองบัญชาการทหารสูงสุด) ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 12 กันยายน 2549--จบ--
1. อนุมัติในหลักการให้ส่งนายทหารไทยจำนวนไม่เกิน 5 นายเข้าร่วมคณะผู้สังเกตการณ์อาเจห์(Aceh Monitoring Mission : AMM) ในช่วงขยายปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2549 ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2550
2. อนุมัติให้กระทรวงกลาโหมโดยกองบัญชาการทหารสูงสุดรับผิดชอบการคัดเลือกทหารไทยที่จะเข้าร่วมหรือเปลี่ยนแปลงการจัดกำลังที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติภารกิจ AMM ของไทยในอาเจห์ โดยให้การปฏิบัติภารกิจของทหารไทยเป็นการปฏิบัติราชการพิเศษ ตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนด และให้นายทหารที่เข้าร่วม AMM ได้รับสิทธินับอายุราชการเป็นทวีคูณตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พุทธศักราช 2494 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม โดยเริ่มระยะเวลาตั้งแต่วันที่เริ่มการเคลื่อนย้ายออกจากที่ตั้งปกติหรือประเทศไทยเพื่อไปปฏิบัติภารกิจในอาเจห์ จนกระทั่งถึงวันที่เสร็จสิ้นภารกิจและเคลื่อนย้ายกลับสู่ที่ตั้งปกติหรือประเทศไทย
3. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซีย ตอบรับคำเชิญเข้าร่วม AMM ช่วงขยายเวลาปฏิบัติงาน ทั้งนี้ การตอบรับคำเชิญ เป็นการทำความตกลงที่มีข้อผูกมัดทางกฎหมาย ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติเช่นเดียวกับการตอบรับคำเชิญเข้าร่วม AMM ทั้ง 2 ครั้งก่อนหน้านี้
4. จัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายของนายทหารไทยที่เดินทางไปเข้าร่วม AMM ตามแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และให้กระทรวงกลาโหมโดยกองบัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้เสนอของบประมาณ ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นสามารถประมาณการได้ 3,878,175 บาท
5. หากมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อตกลงในประเด็นที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหม
ทั้งนี้ งบประมาณค่าใช้จ่ายให้เบิกจ่ายเท่าที่จ่ายจริง โดยให้กระทรวงกลาโหม (กองบัญชาการทหารสูงสุด) ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 12 กันยายน 2549--จบ--