เรื่อง ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ในบริเวณพื้นที่จังหวัดกระบี่ พ.ศ. .... และในบริเวณพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... รวม
2 ฉบับ และร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวง
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดกระบี่
พ.ศ. 2546 และในบริเวณพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. 2547 รวม 2 ฉบับ
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน 4 ฉบับ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้
สาระสำคัญของเรื่อง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอว่า
1. เนื่องจากในบริเวณพื้นที่จังหวัดกระบี่ จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ ดังนั้น การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศตามธรรมชาติของพื้นที่ให้ดำรงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งพื้นที่ดังกล่าว ได้รับการประกาศเป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องมาเป็นลำดับ โดยพื้นที่จังหวัดกระบี่ ได้รับการประกาศมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 ส่วนในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้รับการประกาศมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 โดยในการยกร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดกระบี่ พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่และภาคส่วนต่างๆ มีความเห็นว่าสมควรให้มีการบังคับใช้ประกาศกระทรวงฯ ในพื้นที่ดังกล่าวต่อไปอีก โดยให้ปรับปรุงมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมให้มีความเหมาะสม ครอบคลุมและป้องกันสถานการณ์การคุกคามทรัพยากรธรรมชาติ และคุณภาพสิ่งแวดล้อมในหลาย ๆ ประเด็น นำการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมประเด็นใหม่ ๆ ที่ควรส่งเสริมสนับสนุนเข้ามากำหนดเป็นมาตรการ และกำหนดมาตรการให้มีลักษณะเป็นการนำไปสู่การปฏิบัติที่ครบกระบวนการ เพื่อแก้ไขสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาในปัจจุบัน และคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ให้กลับคืนดังเดิม
2. คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ได้มีมติเห็นชอบกับร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดกระบี่ พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... แต่เห็นว่าร่างประกาศฯ 2 ฉบับดังกล่าวอาจดำเนินการประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายไม่ทันต่อเนื่องกับอายุของประกาศกระทรวงฯ ฉบับปัจจุบัน คณะกรรมการฯ จึงเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดกระบี่ พ.ศ. 2546 ซึ่งจะสิ้นอายุการใช้บังคับวันที่ 30 กันยายน 2552 ออกไปอีก 1 ปี และประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหิน และอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. 2547 ซึ่งจะสิ้นอายุการใช้บังคับวันที่ 30 กรกฎาคม 2552 ออกไปอีก 1 ปี
สาระสำคัญของร่างประกาศ
1. ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดกระบี่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ คือ กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม โดยครอบคลุมพื้นที่จังหวัดกระบี่ ให้เป็นเขตอนุรักษ์ และเขตควบคุมอาคารโดยแบ่งพื้นที่การใช้บังคับออกเป็น 4 บริเวณ บริเวณที่ 1 คือ พื้นที่บนแผ่นดินที่อยู่ในบริเวณสุสานหอยเจ็ดสิบห้าล้านปี หาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี เป็นต้น บริเวณที่ 2 พื้นที่เกาะพีพีดอน บริเวณที่ 3 พื้นที่ในเกาะต่าง ๆ และบริเวณที่ 4 พื้นที่น่านน้ำทะเลภายในบริเวณที่กำหนด โดยกำหนดห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารให้เป็นอาคารประกอบกิจการบางประเภทที่อาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม กำหนดการห้ามกระทำหรือประกอบกิจกรรมที่อาจมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศน์ และกำหนดประเภทโครงการหรือกิจการที่ต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE)
2. ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม โดยครอบคลุมพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหินและอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้เป็นเขตควบคุมมลพิษและเขตอนุรักษ์ โดยแบ่งพื้นที่การใช้บังคับใช้มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมออกเป็น 7 บริเวณ คือ พื้นที่บนแผ่นดิน พื้นที่ในบริเวณที่วัดจากแนวชายฝั่งออกไปในทะเลระยะ 3,000 เมตร และพื้นที่ป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรี 22 สิงหาคม 2543 โดยกำหนดห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารให้เป็นอาคารประกอบกิจการบางประเภท ที่อาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม กำหนดการห้ามกระทำหรือประกอบกิจกรรมที่อาจมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศน์ และกำหนดประเภทโครงการหรือกิจการที่ต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE)
3. ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดกระบี่ พ.ศ. 2546 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดกระบี่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดกระบี่ ต่อไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 เป็นต้นไป
4. ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหิน และอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. 2547 มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ต่อไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2552 เป็นต้นไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 28 กรกฎาคม 2552 --จบ--