คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีคณะที่ 6 (ฝ่ายสาธารณสุข เทคโนโลยีสารสนเทศและวิทยาศาสตร์) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายสุชัย เจริญรัตนกุล) เป็นประธานฯ ที่เห็นชอบในหลักการแนวทางการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลทหารผ่านศึกและครอบครัว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
1. ทหารผ่านศึกที่มีสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ทั้งที่เป็นข้าราชการประจำและข้าราชการบำนาญยังคงสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลโดยใช้สิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลจนกว่าระบบกองทุนสวัสดิการรักษาพยาบาล ข้าราชการระบบใหม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีนโยบายให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติไปพัฒนาระบบบริหารร่วมกับกรมบัญชีกลางจะเสร็จสมบูรณ์
2. สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติพิจารณา Unit Cost ที่เหมาะสมและแนวทางการจัดระบบบริการสุขภาพสำหรับทหารผ่านศึกให้ได้รับสิทธิประโยชน์เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี
3. สำนักงบประมาณ พิจารณารูปแบบและแนวทางการสนับสนุนงบประมาณสำหรับกลุ่มทหารผ่านศึกและครอบครัวโดยให้มี Unit Cost ใกล้เคียงกับข้าราชการ เนื่องจากสิทธิประโยชน์จะคล้ายคลึงกัน
4. กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการเพิ่มเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักในบัตรเหรียญราชการชายแดนและบัตรเหรียญพิทักษ์เสรีชน ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการเพิ่มเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ในบัตรเหรียญชัยสมรภูมิ บัตรเหรียญชัยสมรภูมิทายาท สมุดคู่มือประจำตัวครอบครัวผู้ปฏิบัติหน้าที่ราชการสงคราม และให้องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกดำเนินการเพิ่มเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักในบัตรประจำตัวทหารผ่านศึกนอกประจำการทุกชั้นบัตร
5. กระทรวงสาธารณสุข ให้บริการผู้มีสิทธิทหารผ่านศึก และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ในกรณีที่ไม่สามารถเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลจากกองทุนใด ๆ จนกว่าระบบกองทุนสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการระบบใหม่จะเสร็จสมบูรณ์
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่มีว่า เพื่อให้การจัดสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลมีมาตรฐานเดียวกันอย่างเป็นระบบ รวมทั้งสามารถควบคุมภาระงบประมาณให้อยู่ในกรอบที่เหมาะสมในอนาคต จึงควรที่จะได้มีการเร่งรัดให้มีการดำเนินงานในระบบกองทุนสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการระบบใหม่โดยเร็วต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 24 มกราคม 2549--จบ--
1. ทหารผ่านศึกที่มีสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ทั้งที่เป็นข้าราชการประจำและข้าราชการบำนาญยังคงสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลโดยใช้สิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลจนกว่าระบบกองทุนสวัสดิการรักษาพยาบาล ข้าราชการระบบใหม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีนโยบายให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติไปพัฒนาระบบบริหารร่วมกับกรมบัญชีกลางจะเสร็จสมบูรณ์
2. สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติพิจารณา Unit Cost ที่เหมาะสมและแนวทางการจัดระบบบริการสุขภาพสำหรับทหารผ่านศึกให้ได้รับสิทธิประโยชน์เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี
3. สำนักงบประมาณ พิจารณารูปแบบและแนวทางการสนับสนุนงบประมาณสำหรับกลุ่มทหารผ่านศึกและครอบครัวโดยให้มี Unit Cost ใกล้เคียงกับข้าราชการ เนื่องจากสิทธิประโยชน์จะคล้ายคลึงกัน
4. กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการเพิ่มเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักในบัตรเหรียญราชการชายแดนและบัตรเหรียญพิทักษ์เสรีชน ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการเพิ่มเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ในบัตรเหรียญชัยสมรภูมิ บัตรเหรียญชัยสมรภูมิทายาท สมุดคู่มือประจำตัวครอบครัวผู้ปฏิบัติหน้าที่ราชการสงคราม และให้องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกดำเนินการเพิ่มเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักในบัตรประจำตัวทหารผ่านศึกนอกประจำการทุกชั้นบัตร
5. กระทรวงสาธารณสุข ให้บริการผู้มีสิทธิทหารผ่านศึก และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ในกรณีที่ไม่สามารถเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลจากกองทุนใด ๆ จนกว่าระบบกองทุนสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการระบบใหม่จะเสร็จสมบูรณ์
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่มีว่า เพื่อให้การจัดสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลมีมาตรฐานเดียวกันอย่างเป็นระบบ รวมทั้งสามารถควบคุมภาระงบประมาณให้อยู่ในกรอบที่เหมาะสมในอนาคต จึงควรที่จะได้มีการเร่งรัดให้มีการดำเนินงานในระบบกองทุนสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการระบบใหม่โดยเร็วต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 24 มกราคม 2549--จบ--