สรุปสถานการณ์ภัยธรรมชาติในช่วงฤดูฝน ครั้งที่ 4

คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สรุปสถานการณ์ภัยธรรมชาติในช่วงฤดูฝน ครั้งที่ 4 ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2552 ประกอบด้วย สถานการณ์อุทกภัย ผลกระทบด้านการเกษตร การให้ความช่วยเหลือ และสถานการณ์น้ำ สรุปได้ดังนี้

สถานการณ์อุทกภัย

ไม่มี

ผลกระทบด้านการเกษตร

พื้นที่ประสบอุทกภัยด้านการเกษตรช่วงภัย 1 พฤษภาคม — 29 กรกฎาคม 2552 ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2552 รวมทั้งสิ้น 37 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ตาก น่าน แพร่ ลำปาง ลำพูน สุโขทัย อุตรดิตถ์ อุทัยธานี กาฬสินธุ์ นครราชสีมา ยโสธร เลย ศรีษะเกษ สกลนคร หนองคาย อุบลราชธานี อุดรธานี สิงห์บุรี กรุงเทพฯ ชัยนาท อ่างทอง จันทบุรี ฉะเชิงเทรา กาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง พังงา ตรัง นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎรธานี และสตูล แยกเป็น

ด้านพืช จำนวน 33 จังหวัด เกษตรกร 64,553 ราย พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 459,275 ไร่ แยกเป็น ข้าว 363,918 ไร่ พืชไร่ 42,301 ไร่ และพืชสวนและอื่นๆ 53,056 ไร่

ด้านปศุสัตว์ จำนวน 6 จังหวัด เกษตรกร 8,706 ราย สัตว์ได้รับผลกระทบ 252,416 ตัว แบ่งเป็น โค-กระบือ 15,261 ตัว สุกร-แพะ-แกะ 10,549 ตัว สัตว์ปีก 226,606 ตัว

ด้านประมง จำนวน 14 จังหวัด เกษตรกร 3,930 ราย พื้นที่ประสบภัย 4,059 บ่อ คิดเป็นพื้นที่ 2,656.25 ไร่ และ 479กระชัง คิดเป็นพื้นที่ 5,057 ตรม.

การให้ความช่วยเหลือสถานการณ์อุทกภัย

ด้านชลประทาน ปัจจุบันได้ส่งเครื่องสูบน้ำช่วยเหลือไปแล้ว 11 จังหวัด จำนวน 81เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำ 3 จังหวัด จำนวน 37 เครื่อง แยกเป็นรายภาคต่างๆ ดังนี้

ภาค              จังหวัด     เครื่องสูบน้ำ (เครื่อง)   เครื่องผลักดันน้ำ (เครื่อง)   รายชื่อจังหวัด (จำนวนเครื่องผลักดันน้ำ)
ต.อ.เฉียงเหนือ       3             11                   19               มหาสารคาม(3/-) นครราชสีมา(-/19)

อุดรธานี(1/-)

กลาง               8             67                   18               สระบุรี(1/-) นนทบุรี(4/-) พระนครศรีอยุธยา

(11/-) สมุทรสาคร(5/-) สุพรรณบุรี (44/15)

ราชบุรี (1/-) นครปฐม(1/-) กรุงเทพ(-/3)

ใต้                 1              3                    -                ชุมพร(3/-)
รวม               11             81                   37

สถานการณ์น้ำ

1. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่

สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ (31 ก.ค.2552) มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ ทั้งหมด 42,684 ล้านลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 61 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมด มากกว่าปี 2551 (42,198 ล้าน ลบ.ม.) จำนวน 486 ล้านลบ.ม. ปริมาตรน้ำใช้การได้ 19,328 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 28 ของความจุอ่างฯ สามารถรับน้ำได้อีก 26,743 ล้าน ลบ.ม.

อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก และอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ ทั้งหมด 6,063 และ 4,994 ล้าน ลบ.ม. ตามลำดับ หรือคิดเป็นร้อยละ 45 และ 53 ของความจุอ่างฯทั้งหมด ตามลำดับโดยมีปริมาตรน้ำทั้งสองอ่างฯ รวมกัน จำนวน 11,057 ล้าน ลบ.ม. สามารถรับน้ำได้อีก 11,915 ล้าน ลบ.ม.

อ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ 298 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 31 ของความจุอ่างฯทั้งหมด สามารถรับน้ำได้อีก 662 ล้าน ลบ.ม.

อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อยกว่าร้อยละ 30 ของความจุอ่างฯ จำนวน 4 อ่างฯ ดังนี้

อ่างเก็บน้ำ      ปริมาตรน้ำในอ่างฯ        ปริมาตรน้ำใช้การได้     ปริมาตรน้ำไหลลงอ่างฯ      ปริมาณน้ำระบาย    ปริมาณน้ำ
              ปริมาตร   %ความจุ       ปริมาตร   %ความจุ     วันนี้       เมื่อวานนี้      วันนี้    เมื่อวาน    รับได้อีก
แม่กวง           36       14           22        8      0.18         0.21      0.95     1.11        227
แควน้อย         185       24          149       19      2.45         2.45      6.05     6.05        584
อุบลรัตน์         635       28          225       10      3.49         2.75      5.96     5.23      1,629
ทับเสลา          25       16           17       11         0            0         0        0        135

2. สภาพน้ำท่า

ภาคเหนือ

แม่น้ำปิง สภาพน้ำในลำน้ำ พบว่า ด้านเหนือเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก ปริมาณน้ำในลำน้ำส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อยและจากท้ายเขื่อนภูมิพลลงมาปริมาณน้ำส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ปกติ

แม่น้ำวัง สภาพน้ำในลำน้ำ พบว่า ด้านเหนือเขื่อนกิ่วลม จังหวัดลำปาง ปริมาณน้ำในลำน้ำส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อยและจากท้ายเขื่อนกิ่วลมลงมาปริมาณน้ำส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ปกติ

แม่น้ำยม สภาพน้ำในลำส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างสูง ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำยมเพิ่มสูงขึ้น

แม่น้ำน่าน สภาพน้ำในลำน้ำ พบว่า ด้านเหนือเขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ปริมาณน้ำในลำน้ำส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อยและจากท้ายเขื่อนสิริกิติ์ลงมาปริมาณน้ำส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ปกติ

ภาคกลาง

แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ ชัยนาท อยู่ในเกณฑ์ปกติ

แม่น้ำป่าสัก สภาพน้ำในลำน้ำ พบว่า ด้านเหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี ปริมาณน้ำในลำน้ำส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อยและจากท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ลงมาปริมาณน้ำส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ปกติ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

แม่น้ำชีและแม่น้ำมูล สภาพน้ำในลำน้ำส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย

ภาคตะวันออก

แม่น้ำปราจีนบุรี สภาพน้ำในลำน้ำส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ปกติ

ภาคใต้

แม่น้ำท่าตะเภา สภาพน้ำในลำน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย

แม่น้ำปัตตานี สภาพน้ำในลำน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย

แม่น้ำตะกั่วป่า สภาพน้ำในลำน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 5 สิงหาคม 2552 --จบ--