การจ่ายเงินตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ (ในส่วนของผู้ประกันตน)

คณะรัฐมนตรีพิจารณาการจ่ายเงินตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ (ในส่วนของผู้ประกันตน) ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ แล้วมีมติดังนี้

1. อนุมัติหลักการให้นายจ้างผู้ประกอบการ ผู้มีอำนาจตามหนังสือจดทะเบียนนิติบุคคลหรือเจ้าของกิจการเป็นผู้ลงลายมือชื่อในแบบขอรับเงินช่วยเหลือฯ กรณีนายจ้างผู้ประกอบการส่งผู้ประกันตนที่มีสิทธิรับเงินตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ (ในส่วนของผู้ประกันตน) ไปปฏิบัติงานต่างประเทศ จนทำให้ผู้ประกันตนไม่สามารถมากรอกแบบคำขอรับเงินตามโครงการฯ ด้วยตนเองได้ จากนั้นทางสำนักงานประกันสังคมจะเป็นหน่วย ตรวจสอบรับรองยืนยันสิทธิของลูกจ้าง (ผู้ประกันตน)

2. อนุมัติหลักการกรณีลูกจ้าง (ผู้ประกันตน) มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือฯ แต่ไม่สามารถกลับมาถึงประเทศไทยก่อนเดือนกันยายน 2552 ให้สำนักงานประกันสังคมโอนเงินช่วยเหลือเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของลูกจ้าง (ผู้ประกันตน) ที่มีสิทธิให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 15 กันยายน 2552

สาระสำคัญของเรื่อง

กระทรวงแรงงานรายงานว่า

1. สำนักงานประกันสังคมส่งข้อมูลผู้ประกันตนที่มีสิทธิรับเงินตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ (ในส่วนของผู้ประกันตน) ให้ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ออกเช็คช่วยชาติ แล้วจำนวน 4 ครั้ง รวม 7,838,117 ราย ได้ดำเนินการจ่าย “เช็คช่วยชาติ” ให้ผู้ประกันตนรับแล้วจำนวนมากกว่า 7.3 ล้านคน

2. จากการดำเนินการจ่าย “เช็คช่วยชาติ” ดังกล่าวข้างต้นพบว่าสถานประกอบการบางแห่ง เช่น กลุ่มบริษัท Thoresen & Co. (Bangkok) Ltd. ซึ่งมีบริษัทในเครือทั้งหมด 41 บริษัท มีลูกเรือ (ผู้ประกันตน) รวมทั้งสิ้น 723 คน ได้ส่งผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับเงินตามโครงการฯ ไปปฏิบัติงานต่างประเทศและคาดว่าจะกลับประเทศไทยหลังเดือนกรกฎาคม 2552 ทำให้ผู้ประกันตนไม่สามารถกรอกแบบและลงลายมือชื่อในแบบขอรับเงินช่วยเหลือฯ (รบ 2000) ด้วยตนเองได้ ในการนี้ ทางบริษัทนายจ้างได้จัดทำหนังสือรับรองการเป็นลูกจ้างในบริษัทและมีเงินเดือนไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท พร้อมแจ้งความประสงค์ในการรับมอบอำนาจจากผู้ประกันตนเพื่อขอรับเงินแทนผู้ประกันตน โดยให้สำนักงานประกันสังคมโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้ประกันตนโดยตรง

3. ตามมติคณะรัฐมนตรีกำหนดให้การจ่ายเงินตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐให้จ่ายเป็น “เช็คช่วยชาติ” ซึ่งมีลักษณะเฉพาะคือมีมูลค่าเพิ่มหากนำไปใช้จ่ายร้านค้าในโครงการฯ แต่เนื่องจากผู้ประกันตนที่มีสิทธิรับเงินส่วนหนึ่งมีความจำเป็นไม่สามารถติดต่อขอรับ “เช็คช่วยชาติ” ได้เนื่องจากปฏิบัติงานบนเรือในต่างประเทศและเดินทางกลับประเทศไทยหลังระยะสิ้นสุดโครงการแล้ว (มิถุนายน 2552)

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 11 สิงหาคม 2552 --จบ--